pm-ing-parliament-27feb2025-SPACEBAR-Photo00.jpg
pm-ing-parliament-27feb2025-SPACEBAR-Photo01.jpg
pm-ing-parliament-27feb2025-SPACEBAR-Photo02.jpg
pm-ing-parliament-27feb2025-SPACEBAR-Photo03.jpg
pm-ing-parliament-27feb2025-SPACEBAR-Photo04.jpg

Photo Story: นายกฯ ได้ฤกษ์! ตอบกระทู้ครั้งแรก

27 ก.พ. 2568 - 06:04

  • ‘แพทองธาร’ ชี้แจงกระทู้สดครั้งแรก รับปาก ‘สภาฯ’ แก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และยาเสพติด

  • ลั่น หากไม่จบ ไม่เลิกแน่นอน

pm-ing-parliament-27feb2025-SPACEBAR-Photo00.jpg
pm-ing-parliament-27feb2025-SPACEBAR-Photo01.jpg
pm-ing-parliament-27feb2025-SPACEBAR-Photo02.jpg
pm-ing-parliament-27feb2025-SPACEBAR-Photo03.jpg
pm-ing-parliament-27feb2025-SPACEBAR-Photo04.jpg

การประชุมสภาฯ วาระกระทู้ถามสด ที่มี ‘พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน’ รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธาน พบว่า ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกฯ ร่วมตอบกระทู้ถามสดครั้งแรก ซึ่งตั้งถามโดย ‘อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์’ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ต่อประเด็นการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ

แพทองธาร ชี้แจงว่า ตั้งแต่ก่อนเป็นนายกฯ ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ ที่แพร่หลายทุกสังคม จังหวัด  และส่งผลกระทบไปยังประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงทั่วโลกที่เผชิญปัญหาในทุกพื้นที่จึงต้องให้ความสำคัญ ได้รับข่าวสารจำนวนมากว่า แก๊งคอลเซ็นตอร์หลอกหลวงประชาชนจนหมดตัว และบางคนจบชีวิต และคิดทำร้ายคนอื่นเพื่อแก้หนี้สิน ทำให้เป็นปัญหาต่อเนื่อง ถึงยาเสพติดและความไม่สงบสุข และเมื่อเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ได้สั่งการทันทีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น กระทรวงดีอี ธปท. กสทช. ปปง. ดีเอสไอ สตช. ความมั่นคงช่วยดูแลอย่างบูรณาการ ไม่สามารถทำโดยหน่วยงานใดได้ การคุยกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอควมร่วมมืออย่างบูรณาการต้องใช้รัฐบาลกับรัฐบาล เพื่อหาทางออกร่วมกัน 

แพทองธาร ชี้แจงด้วยว่า ในการแก้ปัญหาร่วมกัน ที่ผ่านมารัฐบาลจัดศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ เพื่อบูรณาการทั้งหมดรับแจ้งเหตุ 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยระงับความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงปิดบัญชีม้า รวม 1.92 ล้านบัญชี และมีการติดตาม นอกจากนั้นคือมีมาตรการธนาคารยกระดับการเปิดบัญชีใหม่กับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง และได้ยกร่าง พ.ร.ก.ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งมีสาระสำคัญ เพิ่มอำนาจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหา กำหนดความผิดกับผู้ที่นำข้อมูลประชาชนไปขาย และมีบทความรับผิดชอบของหน่วยงานสถาบันการเงินที่ไม่ระงับความเสียหายที่เกิดขึ้น

“สำหรับชายแดน ได้ให้หน่วยงานความมั่นคงซีลพื้นที่ โดยทำงานร่วมกับกับทหารและฝ่ายปกครอง แก้ปัญหาให้เข้มข้น จับกุมขบวนการการค้ามนุษย์ที่ผ่านแดนไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นอกจากนั้นตรวจค้นทำลายแหล่งส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ผิดกฎหมาย รวมไปถึงให้กระทรวงการต่างประเทศประสานหน่วยงานต่างประเทศเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งมีระบบไตรภาคี ระหว่างไทย จีน เมียนมา เพื่อช่วยเหลือในการแก้ปัญหา” แพทองธาร ชี้แจง

นายกฯ ​ชี้แจงด้วยว่า สำหรับผู้ต้องสงสัยที่จับได้ คัดกรองและส่งตัวไปดำเนินการกฎหมาย มีการส่งตัวและเก็บข้อมูลเพื่อติตดามเฝ้าระวังต่อไป ซึ่งต้องทำให้ครบทั้งหมด เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาให้ได้ สำหรับการแก้ปัญหาที่ได้ผล คือ การตัดไฟ และหยุดส่งน้ำมัน ซึ่งต้องสั่งการทันทีเพื่อให้การแก้ปัญหาลดลง ถือว่า รัฐบาลได้รับความร่วมมือและมีผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์

ทั้งนี้ อัครเดชได้เสนอแนะต่อรัฐบาลในนโยบายการควบคุมการลงทะเบียนซิมม้า ที่พบว่า มีการใช้ชื่อปลอม ขณะเดียวกันต้องมีมาตรการทางการเงิน ควรจำกัดวงเงินบัญชีธนาคารเพื่อลดความเสี่ยงบัญชีม้า 

แพทองธาร กล่าวว่า จะรับข้อเสนอแนะในการคุมซิมม้า จะสั่งการให้กสทช. และดีอีรับไปดำเนินการรวมถึงความเห็นอื่นๆ ได้จดไว้แล้ว ส่วนการตัดไฟฟ้า และน้ำมัน สถานที่ทำการของอาชญากรรมข้ามชาติ พบการใช้ไฟน้อยลง มีการย้ายอุปกรณ์ และคนออกจากพื้นที่ รวมถึงพบการหยุดก่อสร้างขนาดใหญ่ในฝั่งเมียวดี เมียนมาด้วย อย่างไรก็ตาม ได้รับรายงานกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติปิดตัวลงหรือลดขนาดลง ทั้งนี้ ยังพบการลักลอบนำน้ำมันเข้าประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ไทยจับกุม 17 ครั้ง รวม 8,000 ลิตร

“ทั้งนี้ 28 ก.พ. จะไป จ.สระแก้ว เพื่อไปติดตาม สิ่งที่สั่งการ อาทิ การลดเสาส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ต ปราบปรามซิมบ็อกซ์ ระงับไว-ไฟคอลลิ่งจากประเทศเพื่อนบ้าน จัดระเบียบผู้ซื้อผู้ให้บริการไลน์เซ่นส์โทรคมนาคม ที่ผ่านมา 100 ล้านบาทต่อวัน แต่ตอนนี้ 50 ล้านบาทต่อวัน ทั้งนี้ตั้งใจจะลดลง หากได้รับความร่วมมืออย่างบูรณาการจะทำให้การแก้ปัญหาหมดไปแน่นอน”

แพทองธาร ชี้แจง

ทางด้าน อัครเดช ตั้งคำถามย้ำด้วยในมาตรการการปราบปรามผู้อิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมออนไลน์ ซึ่ง แพทองธาร ชี้แจงว่า ทราบดีถึงการมีผู้อิทธิพล นักการเมือง นายทุน ข้าราชการที่มีอิทธิพล ขอให้คำมั่นกับสภาฯ จะจัดการเรื่องนี้จริงจัง และขอให้มั่นใจ ไม่ว่าใคร ตำแหน่งสูงใหญ่ ทำผิดเรื่องดังกล่าว ทำให้คนไทยเดือดร้อนจะจัดการอย่างเด็ดขาดและมั่นใจว่า จะทำได้อย่างเต็มที่

“เป็นนายกฯ ของคนไทย ต้องดูแลคนไทยก่อน เรื่องคอลเซ็นเตอร์ และยาเสพติด หากไม่จบไม่เลิกแน่นอน”

แพทองธาร ชี้แจง

ทั้งนี้ หลังจากที่นายกฯ ชี้แจงจบ มีเสียงปรบมือจากสภาฯ ที่แสดงความชื่นชมด้วย

154085.jpg

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามกำหนดการเดิม นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 2/2568  ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระรามที่ 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เในเวลา 10.00 น. แต่ปรากฎว่า ได้แจ้งเปลี่ยนกระทันหันให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมแทน  โดยได้แจ้งว่า เนื่องจากก.ตร.ไม่มีวาระที่สำคัญ 

จากนั้น ได้มีการแจ้งว่า นายกฯ จะเดินทางเข้าสภา เพื่อตอบกระทู้ถามสดเรื่องปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ของ อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ซึ่งเดิมได้มอบหมาย ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นผู้ตอบแทน 

ทั้งนี้ ถือเป็นการเข้าสภาฯ เพื่อตอบกระทู้เรื่องปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นครั้งแรก และภายหลังในช่วงเช้า ฝ่ายค้าน นำโดย ณัฐพงงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน(ปชน.) ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจน.ส.แพทองธาร 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการรับประทานอาหารค่ำร่วมกันกับพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยกันในประเด็นเรื่องการเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมถึงได้มีการพูดคุยกัน ถึงประเด็นที่ฝ่ายค้านจะหยิบยกมาอภิปราย เช่น เรื่องการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เรื่อง Entertainment Complex โดยเฉพาะเรื่องกาสิโน  MOU 44 เรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ไม่ตรงปก  ฝุ่น PM 2.5 และตัวรัฐมนตรี 10 คนที่จะถูกอภิปรายด้วย 

โดยนายกฯ กล่าวในวงกินข้าวกับพรรคร่วมรัฐบาลว่า เป็นครั้งแรกในการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ขอให้ทุกคนช่วยกันตอบ และขอให้ทุกคนทำงานไปในทิศทางเดียวกัน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์