กลับไทยมอบตัว ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง

กลายเป็นไฮไลท์หรือ Talk of the Town ของวันนี้ไปอีกหนึ่งเรื่อง สำหรับกรณี จักรภพ เพ็ญแข อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ลี้ภัยในต่างแดน ได้เดินทางกลับประเทศไทย เพื่อเข้ามอบตัวตามหมายจับในข้อหาร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นอั้งยี่

ในเรื่องนี้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ความเห็นกับผู้สื่อข่าว โดยระบุ เชื่อว่ารัฐบาลเราให้ความสำคัญกับความยุติธรรมอยู่แล้ว ใครที่มีปัญหาในอดีต ถ้ากลับเข้ามา ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง

แต่ผมไม่ได้ติดตามกรณีของนายจักรภพ ในรายละเอียดว่ามีอะไร เมื่อนักข่าวถามมา ผมก็ต้องบอกว่าต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขอใช้คำนี้เป็นหลัก

เอือมคำถามย้าย ‘บิ๊กต่อ’ หลังสื่อฯ จี้ถามปมพัวพันรับส่วย บอกแจงเหตุผลไปแล้ว

ส่วนเมื่อถูกถามถึงประเด็นการวิพากษ์วิจารณ์ที่ตัดสินใจย้าย ‘บิ๊กต่อ’ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เพราะมีข้อมูลว่ามีความเชื่อมโยงกับการรับส่วยหรือไม่นั้น เศรษฐา ก็ชี้แจงกับผู้สื่อข่าว ว่าได้ตอบคำถามนี้มาหลายหนแล้ว

ผมคิดว่า ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเราเห็นใจพี่น้องประชาชนทุกคน เราควรจบเรื่องนี้ เพราะทั้งสองท่านที่เกี่ยวข้องก็ถูกย้ายไปแล้ว เข้ามาช่วยราชการที่สำนักงานนายกฯ แล้ว วันนี้ต้องให้ให้โอกาสท่านรักษาการ ผบ.ตร.ทำหน้าที่ปกป้องดูแลคุ้มครองความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน แต่ถ้ามีอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม ก็มาพูดกันได้ แต่อย่าไปถามถึงเหตุผล เพราะผมคิดว่าผมชี้แจงไปอย่างชัดเจนแล้ว และทุกคนมีความกระจ่างแล้ว

ขอใจเย็นๆ ให้เวลาคณะกรรมการเก็บข้อมูลก่อน

ส่วนคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีความขัดแย้งเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการตำรวจที่ตั้งขึ้นมา ได้รายงานความคืบหน้าอะไรบ้างหรือไม่นั้น เศรษฐา บอกว่า ยังไม่มีอะไรคืบหน้า

เพิ่งผ่านไปได้สัปดาห์เดียว ขอให้ใจเย็นๆ นิดนึง ขอให้คณะกรรมการได้เก็บข้อมูลก่อน

อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงถามที่ว่า ฝ่ายค้าน และ ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ที่ออกมาแฉถึง ผบ.ตร. ระบุว่า อยากให้นายกรัฐมนตรีกำชับมากกว่านี้ ปรากฏว่า เศรษฐา ไม่ตอบคำถามนี้ โดยได้หันมามองผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้านิ่งเฉย ก่อนกล่าวว่า “คำถามต่อไปครับ”

ย้ำต้องใช้ ‘งบฯ ปี 67’ ในทุกโครงการให้เหมาะสม-เกิดประโยชน์สูงสุด

เศรษฐา ระบุด้วยว่า ภายหลังที่สภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาทแล้วนั้น ในเรื่องของรายละเอียดแต่ละโครงการ ต้องดูความเหมาะสมและถูกต้อง อะไรที่ประหยัดได้ ดูแลได้ ให้เหมาะสมเกิดประโยชน์สูงสุด ก็ต้องทำต่อไป