



ความชัดเจนเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล จนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าจะยังไม่มี ‘สัญญาณความชัดเจน’ จากทั้ง 2 พรรค ขณะที่พรรคเพื่อไทยตอนนี้ ก็กำลังเผชิญกับข้อครหาจากคนบางกลุ่มว่าพรรคเพื่อไทยกำลังจะทรยศประชาชน
ล่าสุด ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงประเด็นนี้กับสื่อระหว่างเข้ามาร่วมประชุมที่พรรค ว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ได้หักหลังหรือทรยศประชาชน และการที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยยังหาข้อสรุปร่วมกันเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ ไม่ได้ ไม่ใช่การแย่งตำแหน่งกันเอง เพราะการแข่งขันจบไปแล้วตั้งแต่การเลือกตั้ง และเราได้เซ็น MOU ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลกันแล้ว เชื่อว่าผลสรุปจะออกมาในทิศทางที่ดี ย้ำว่า เรื่องสำคัญที่สุด คือ ธงหลักต้องไม่เปลี่ยน ฝ่ายประขาธิปไตยต้องจับมือกันเดินหน้าตั้งรัฐบาลให้ได้ เพื่อที่จะได้มีรัฐบาลใหม่ เข้ามาร่วมกันบริหารประเทศและแก้ปัญหาให้ประชาชน
‘เศรษฐา’ ยังแสดงความมั่นใจว่า จะไม่มีการพลิกขั้วตั้งรัฐบาลแน่นอน แต่ระหว่างนี้ยังมีเวลาและขอให้ใจเย็นกันก่อน เข้าใจว่าทุกคนร้อนใจ แต่ตอนนี้ทุกอย่างยังไม่จบ คณะเจรจายังคุยกันอยู่ แม้จะไม่ได้อยู่ในทีมเจรจา แต่เท่าที่ฟัง เห็นว่าทั้งสองพรรคยังคุยกันได้ด้วยดี ไม่มีอะไรหยุดยั่งการตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคร่วมได้
ส่วนที่ท่าทีของ ‘ปดิพัทธ์ สันติภาดา’ ที่พรรคก้าวไกล วางตัวให้เป็นว่าที่ประธานสภาฯ ออกตัวแรง แสดงวิสัยทัศน์ ผ่านสื่อไปแล้วจะทำให้พรรคก้าวไกลกลับลำยากหรือไม่ ‘เศรษฐา’ ขอสื่อว่าอย่าใช้คำว่าออกตัวแรง เพราะมองว่าพรรคก้าวไกลแค่มีความชัดเจนเท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นการเสียหน้า และเรื่องนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมขอว่าอย่าคิดว่าเป็นการเสียสละ ยกให้ หรือถอย แต่เป็นการคุยของฝ่ายเดียวกัน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน เป้าหมายคือ จับมือตั้งรัฐบาลด้วยกัน จึงค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มีอะไร ถ้าตกลงแล้วจะออกมาทางใดทางหนึ่งเป้าหมายหลักก็ไม่เสียหาย และเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่กระทบต่อการรีแบรนด์ของพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามย้ำว่าบทสรุปสุดท้ายพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยยังจับมือกันแน่นอยู่หรือไม่ ‘เศรษฐา’ ตอกย้ำอีกครั้งว่า “มั่นใจ” และเชื่อว่าจะไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นกับ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และเชื่อว่า ‘พิธา’ จะได้รับฉันทามติโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน
ล่าสุด ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงประเด็นนี้กับสื่อระหว่างเข้ามาร่วมประชุมที่พรรค ว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ได้หักหลังหรือทรยศประชาชน และการที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยยังหาข้อสรุปร่วมกันเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ ไม่ได้ ไม่ใช่การแย่งตำแหน่งกันเอง เพราะการแข่งขันจบไปแล้วตั้งแต่การเลือกตั้ง และเราได้เซ็น MOU ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลกันแล้ว เชื่อว่าผลสรุปจะออกมาในทิศทางที่ดี ย้ำว่า เรื่องสำคัญที่สุด คือ ธงหลักต้องไม่เปลี่ยน ฝ่ายประขาธิปไตยต้องจับมือกันเดินหน้าตั้งรัฐบาลให้ได้ เพื่อที่จะได้มีรัฐบาลใหม่ เข้ามาร่วมกันบริหารประเทศและแก้ปัญหาให้ประชาชน
‘เศรษฐา’ ยังแสดงความมั่นใจว่า จะไม่มีการพลิกขั้วตั้งรัฐบาลแน่นอน แต่ระหว่างนี้ยังมีเวลาและขอให้ใจเย็นกันก่อน เข้าใจว่าทุกคนร้อนใจ แต่ตอนนี้ทุกอย่างยังไม่จบ คณะเจรจายังคุยกันอยู่ แม้จะไม่ได้อยู่ในทีมเจรจา แต่เท่าที่ฟัง เห็นว่าทั้งสองพรรคยังคุยกันได้ด้วยดี ไม่มีอะไรหยุดยั่งการตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคร่วมได้
ส่วนที่ท่าทีของ ‘ปดิพัทธ์ สันติภาดา’ ที่พรรคก้าวไกล วางตัวให้เป็นว่าที่ประธานสภาฯ ออกตัวแรง แสดงวิสัยทัศน์ ผ่านสื่อไปแล้วจะทำให้พรรคก้าวไกลกลับลำยากหรือไม่ ‘เศรษฐา’ ขอสื่อว่าอย่าใช้คำว่าออกตัวแรง เพราะมองว่าพรรคก้าวไกลแค่มีความชัดเจนเท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นการเสียหน้า และเรื่องนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมขอว่าอย่าคิดว่าเป็นการเสียสละ ยกให้ หรือถอย แต่เป็นการคุยของฝ่ายเดียวกัน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน เป้าหมายคือ จับมือตั้งรัฐบาลด้วยกัน จึงค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มีอะไร ถ้าตกลงแล้วจะออกมาทางใดทางหนึ่งเป้าหมายหลักก็ไม่เสียหาย และเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่กระทบต่อการรีแบรนด์ของพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามย้ำว่าบทสรุปสุดท้ายพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยยังจับมือกันแน่นอยู่หรือไม่ ‘เศรษฐา’ ตอกย้ำอีกครั้งว่า “มั่นใจ” และเชื่อว่าจะไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นกับ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และเชื่อว่า ‘พิธา’ จะได้รับฉันทามติโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน