วันนี้ (20 ม.ค.) พรรคพลังประชารัฐ ได้จัดกิจกรรมสัมมนา ประจำปี 2568 ภายใต้หัวข้อ Now & Next พรรคพลังประชารัฐ ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยมีแกนนำและผู้บริหารพรรคคนสำคัญมาร่วมงาน แต่ขุนพลพรรคที่มาร่วมงานวันนี้ เรียกได้ว่าบางตาไปค่อนข้างเยอะ หากเทียบกับช่วงที่พรรคพลังประชารัฐยังรุ่งเรือง และมีก๊วนของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ร่วมเคียงบ่าด้วย

แต่อีกสิ่งที่น่าสนใจ คือ โลโก้ของพรรคพลังประชารัฐ ที่แปลกตาไปจากเดิม เพราะเดิมทีตัวอักษรคำว่า ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ที่อยู่ในวงกลมจะเป็นสีน้ำเงินทั้งหมด แต่ปรากฎว่าโลโก้ในงานสัมนาครั้งนี้ คำว่า ‘พลัง’ ถูกปรับเป็นสีเขียวอ่อน และคำว่า ‘ประชา’ ถูกปรับเป็นสีแดง ส่วนคำว่า ‘รัฐ’ ใช้สีน้ำเงินเหมือนเดิม
การปรับโลโก้ของพรรคพลังประชารัฐครั้งนี้ เบื้องต้นไม่มีการแจ้งข้อมูลและรายละเอียดให้ผู้สื่อข่าวทราบมาก่อน ขณะที่รูปโปรไฟล์ในไลน์กลุ่มพรรคและหน้าเพจพรรคยังคงเป็นรูปแบบเดิม รวมถึงการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐยังคงใช้โลโก้เดิมอยู่เช่นกัน

โดยมีรายงานว่า พรรคพลังประชารัฐมีการปรับเปลี่ยนสีโลโก้จริง แต่ยังไม่มีการชี้แจงรายละเอียด และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะมีการปรับฮวงจุ้ยพรรคด้วย
ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐ ปรับโลโก้พรรคมาแล้วทั้งหมด 2 ครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นช่วงเดือนธันวาคม ปี 2562 เป็นการปรับจากสัญลักษณ์รังผึ้งหกเหลี่ยมลายธงชาติเป็นวงกลม เพื่อแสดงถึงความกลมเกลียวกัน ไร้เหลี่ยมคมที่จะทิ่มแทงตัวเอง
ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2563 ได้ขยับตัวอักษร ‘พรรคพลังประชารัฐ’ เข้ามาอยู่ในวงกลมทั้งหมด เพื่อแสดงถึงความกลมเกลียว ไม่แตกออกจากวง
และครั้งล่าสุด คือการปรับสีตัวอักษรคำว่าพรรคพลังประชารัฐ ส่วนเป็นการปรับเพื่อแก้เคล็ดหรือสื่อความหมายว่าอย่างไร คงต้องรอฟังรายละเอียดอย่างเป็นทางการจากพรรคอีกครั้ง

ส่วนบรรยากาศการสัมมนาของพรรควันนี้ แกนนำและผู้บริหารพรรคหลายคนได้สลับกันขึ้นพูดปราศรัยในประเด็นต่างๆ เช่น ไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ อนาคตประเทศไทยในปี 2568 การสร้างพรรคการเมืองของประชาชน
โดยระบุว่า สถานการณ์บ้านเมืองวันนี้ไม่สามารถรองรับความขัดแย้งได้อีกต่อไป เพราะจะทำให้ชาติล่มจม พล.อ.ประวิตร จึงต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างสามัคคีให้กับประชาชนไทยทั่วประเทศ และนำชาติเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ให้ได้ เชื่อว่าภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร ที่นำพาบ้านเมืองออกจากวิกฤตได้

ขณะที่ อุตตม สาวนายน ประธานกรรมการนโยบาย เเละรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้พูดถึงความท้าทายครั้งใหญ่ด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยหวังให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอ และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้คนไทยมีทักษะและองค์ความรู้ที่จำเป็น สร้างศักยภาพการเติบโตในเศรษฐกิจโลกใหม่ (New Economy) อย่างแท้จริง
