พปชร. ทำหนังสือเปิดผนึก! ร้อง ‘นายกฯ-ครม.’ ยกเลิกเอ็มโอยู 44-แก้ปัญหาเขตอธิปไตยเกาะกูด

12 พ.ย. 2567 - 10:49

  • ‘พปชร.’ ทำหนังสือเปิดผนึกเรียกร้อง ‘นายกฯ-ครม.’ 4 ข้อ ยกเลิกเอ็มโอยู 2544

  • แก้ปัญหาเขตอธิปไตยเกาะกูด-ให้หน่วยงานรัฐหยุดการกระทำที่ก่อให้เกิดข้อผูกพันสุ่มเสี่ยงเสียดินแดน-ยึด ม.161

  • ‘บิ๊กป้อม’ ฮึ่มทำทุกทางต้องรักษาแผ่นดินไทย

PPRP_issued_an_open_letter_to_the_government_Demand_to_cancel_MOU_44_SPACEBAR_Hero_a2cfee3853.jpg

ชัยมงคล ไชยรบ​ รองหัวหน้าพลังประชารัฐ​ (พปชร.) เปิดเผยว่าได้หนังสือเปิดผนึก เพื่อส่งถึงนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งเนื้อหาระบุว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีดำริให้เดินหน้าเจรจาพื้นที่ทับซ้อนกับประเทศกัมพูชาตาม เอ็มโอยู 2544 เพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ปิโตรเลียมที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น พรรคพลังประชารัฐ ได้ศึกษาผลกระทบแล้วพบว่า กรณีไทย-มาเลเซีย และไทย-เวียดนาม ทุกฝ่ายมีการปฏิบัติตามกฎหมายสากล ต่างกับกรณีพื้นที่ทับช้อนไทย-กัมพูชา 

เนื่องจากแผนที่แนบ เอ็มโอยู 2544 ได้ปรากฏเส้นเขตแดนของประเทศกัมพูชาที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายสากลและรวมเอาน่านน้ำภายในของจังหวัดตราด ทะเลอาณาเขตของเกาะกูดด้านทิศใต้ รวมถึงเขตเศรษฐกิจจำเพาะกลางอ่าวไทย เข้าเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชานำมาใช้เป็นกรอบการเจรจา ทั้งที่ เมื่อปี พ.ศ.2561 ประเทศไทยได้ประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทยไว้แล้ว การยอมรับเส้นเขตแดนของฝ่ายกัมพูชาที่กล่าวอ้างโดยไม่เป็นไปตามหลักกฎหมายสากล จึงมีความสุ่มเสียงที่จะทำให้ประเทศไทยเสียอธิปไตยทางทะเลบริเวณเกาะกูด 

นอกจากนี้ เอ็มโอยู 2544 อาจเข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 178 ถึงแม้จะใช้ชื่อว่า ‘MOU’ โดยมิได้ใช้คำว่าหนังสือสัญญาก็ตาม ดังนั้น การที่เอ็มโอยู 2544 จัดทำขึ้นโดยไม่ได้รับความเห็นขอบจากรัฐสภาก่อน จึงเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ใช้บังคับไม่ได้ 

หากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีนำเอ็มโอยู 2544ไปดำเนินการแบ่งผลประโยชน์ทางทะเลในเขตอธิปไตยของไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา ทั้งๆ ที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ จะทำให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต้องรับผิดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้

รองหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวอีกว่า ด้วยเจตนารมณ์ของ พล.อ.ประวิตร​ วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพรรคพลังประชารัฐ สส.พรรคพลังประชารัฐ จึงขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี 4 ข้อประกอบด้วย 1.ให้ ดำเนินการตามกฎหมายเพื่อยกเลิก MOU 2544 อย่างเร่งด่วน 2.ดำเนินการแก้ปัญหาเขตอธิปไตยทางทะเลบริเวณเกาะกูด ต้องยึดตามกฎหมายทะเลที่เป็นสากลและดำเนินการเจรจาเฉพาะเรื่องเขตแดนทางทะเลให้เสร็จสิ้นก่อน โดยต้องให้ความสำคัญกับการปกป้องเขตแดนทางทะเลและอำนาจอธิปไตยของชาติยิ่งไปกว่าผลประโยชน์อื่นใด โดยจะต้องรักษาทรัพยากรของชาติไว้ให้ลูกหลานสืบไป

รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวต่อว่า ข้อ 3.ขอให้นายกฯ สั่งการให้บุคคลและหน่วยงานรัฐหยุดกระทำการใดๆ ในอันที่จะก่อให้เกิดข้อผูกพันตามกฎหมายอันจะนำมาซึ่งการเสียดินแดนอธิปไตยทางทะเลและผลประโยชน์ในทรัพยากรฯของชาติและของประชาชน

และข้อ 4.ขอให้ระลึกถึงบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ที่ได้ถวายสัตย์ไว้ว่า “จะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความชื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศและของประชาชน และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” 

รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวย้ำจุดยืนว่าพรรคพลังประชารัฐจะปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และมีข้อสงสัยว่า MOU 2544 จะเป็นการอาศัยมือต่างชาตินำผลประโยชน์มาแบ่งปันกัน​ เกาะกูดไม่มีใครนำไปได้เพราะเป็นแผ่นดินไทยแต่เราห่วงทรัพยากรธรรมชาติที่อยากเอาไว้ให้ลูกหลานไทยให้คนไทยได้ประโยชน์สูงสุด

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค พปชร. กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร มีนโยบายชัดเจนว่าจะทำทุกวิถีทางที่จะให้มีการยกเลิก MOU 2544 และรักษาไว้ซึ่งผืนแผ่นดินไทย ที่เป็นอาณาเขตของประเทศไทย ทั้งทางบก​ ทางน้ำ​ และทางอากาศ โดยประเทศอื่นจะมาใช้กรรมสิทธิ์ร่วมไม่ได้โดยเด็ดขาด ซึ่งพรรคพลังประชารัฐได้เคลื่อนไหวมาตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา จนมีมติของคณะกรรมการบริหารพรรค ที่จะยื่นหนังสือเปิดผนึก ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ยกเลิก MOU 2544

ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะลงพื้นที่เกาะกูด​หรือไม่นั้น​ พล.ต.ท.ปิยะ​ กล่าวว่า ต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้ง​ แต่ขณะนี้ในพื้นที่มีเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่แล้ว และสิ่งที่พรรคเป็นห่วงคือในพื้นที่ทับซ้อน​ ที่มีการเซ็นยอมรับ ที่อาจเสี่ยงสูญเสียแผ่นดินไทย ทั้งนี้พรรคจะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีภายในสัปดาห์นี้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์