เรียกว่าเป็น ‘คดีเก่าเก็บ’ ตั้งแต่ยุค คสช. ที่ยังติดตัว ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ย้อนไปเมื่อปี 2558 ‘บิ๊กโด่ง’พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. ได้มอบให้ นายทหารกรมพระธรรมนูญ แจ้งความเอาผิด ‘ทักษิณ’ กับ ปอท. ฐานความผิด ม.112 หลัง ‘ทักษิณ’ ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ที่เกาหลีใต้ ตั้งแต่ปี 2552 เรียกว่าผ่านไป 6 ปี กองทัพบก-คสช. เพิ่งจะฟ้อง ‘ทักษิณ’
ย้อนไปปี 2558 ยุค คสช. ‘บิ๊กโด่ง’ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เป็น รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม
ในยุค คสช. เรียกว่า ‘ตระกูลชินวัตร’ ไม่ได้โดน ‘ล้างบาง’ หากเทียบกับยุค คมช. หลัง ‘รัฐประหาร 2549’ ในแวดวงการเมืองว่ากันว่า ‘บิ๊กป้อม’ เป็น ‘คนกลางสำคัญ’ ในการ ‘จัดดุลอำนาจ-เชื่อมประสาน’ ระหว่าง ‘ตระกูลชินวัตร - คสช.’ ทำให้คนใน ‘ตระกูลชินวัตร’ บางคน หลุดบ่วงกรรมทางการเมือง จนได้ฉายากว่า ‘มิสเตอร์ดีล’
ยกเว้นกรณี ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ที่ต้องตามรอย ‘พี่ชาย’ ไปต่างประเทศ ท่ามกลาง ‘ข้อกังขา’ ว่าหนีไปได้อย่างไร ? ทั้งที่ คสช. เกาะติดตลอด จนทำให้ ‘ ยิ่งลักษณ์’ เคยออกมาโวยเรื่องความเป็นส่วนตัว
แต่ในบางช่วง ‘บิ๊กป้อม-ทักษิณ’ ก็มีช่วงที่ฟาดใส่กันกับตำนาน ‘เกาะโต๊ะ’ หลังที่ ‘บิ๊กป้อม’ กล่าวถึงกรณีที่ ‘ทักษิณ’ โพสต์ข้อความเชิงพร้อมปรองดอง ช่วงครบรอบ 12 ปี เหตุการณ์ รปห. 19 ก.ย. 2549 ว่า “เอาเรื่องกฎหมายที่เขาผิด ให้เขาเคลียร์ให้ได้ซะก่อนเถอะ แล้วค่อยว่ากันนะ”
ทำให้ ‘ทักษิณ’ ได้ทวีตข้อความตอบโต้ว่า “ท่าทีและน้ำเสียงขึงขังน่ากลัวจัง ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนมา เกาะโต๊ะ ขอเป็น ผบ.ทบ. เลย”
ช่วงที่ ‘ทักษิณ’ จัด Clubhouse เคยกล่าวถึงการเลือก ‘บิ๊กป้อม’ ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ถึงขั้นโยกญาติผู้พี่ ‘บิ๊กตุ้ย’พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ก่อนเกษียณฯ แทน
เรียกว่า ‘ทักษิณ’ เป็นผู้ชุบชีวิต ‘บิ๊กป้อม’ ให้ได้เป็น ผบ.ทบ. หลังโดนโยกเข้ากรุ ทบ. ยุค ‘บิ๊กแอ๊ด’พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ขณะเป็น ผบ.ทบ. ได้โยก พล.อ.ประวิตร จาก แม่ทัพน้อยที่ 1 ไปเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษทบ. และ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ ผลพวงจาก ‘กอล์ฟคุนหมิง’ โดยไม่ได้ลาราชการ
ภายหลัง ‘บิ๊กแอ้ด’ เกษียณฯ พล.อ.ประวิตร ก็ได้รับแรงสนับสนุนจาก ‘บิ๊กเหวียง’ ให้ขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 และ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ตรงกับสมัย ‘บิ๊กเกาะ’พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์ และ ‘บิ๊กตุ้ย’พล.อ.ชัยสิทธิ์ เป็น ผบ.ทบ.
สำหรับ ‘บิ๊กป้อม’ มีสายสัมพันธ์กับ ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ ในยุคนั้น โดยเฉพาะกับ ‘คุณหญิงอ้อ’พจมาน ดามาพงศ์ ภรรยาทักษิณ ในยุคนั้นว่ากันว่าจะมีการจับคู่ให้ ‘บิ๊กป้อม’ ได้แต่งงานกับเครือข่าย ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ ด้วย แต่ ‘บิ๊กป้อม’ ก็ไม่ได้แต่งงาน จึง ‘ครองโสด’ จนถึงปัจจุบัน
ตอนนั้นผมเอาป้อมขึ้น เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ. ผมไม่อยากโดนครหา คนมาบ่นกันว่าเอาญาติบ้าง อะไรบ้าง จริงๆแล้วเขาก็จบ จปร. เขาก็ผ่านการรบมาแล้ว ผมก็เลยให้เขาขึ้น ผบ.สูงสุด ตอนนั้น ก็เลยเอา พล.อ.ประวิตร ขึ้นมา พล.อ.ประวิตร ตอนนั้นกับผม ก็ดีกัน เพราะเขาเข้ามาที่ทำเนียบฯบ่อย
ทักษิณ ชินวัตร กล่าวใน Clubhouse มิ.ย.64
ผมคิดว่า ผมเอง มันเป็นความดูโหงวเฮ้งไม่เป็น ถ้าฝึกดูโหงวเฮ้งหน่อย วันนั้นก็คงไม่ตั้ง แต่ว่าไม่ได้ฝึกดูโหงวเฮ้ง แล้วก็ดูเห็นท่าทางเป็นคนเรียบร้อยดี คนนี้เนี่ย เขาโดน พล.อ.เปรม สั่งประจำ เหตุการณ์ตอนที่นัดแล้ว ไม่มาตามนัด ที่ปฏิวัติ ตอนนั้นเป็นผู้การกรม เข้าใจว่าอยู่แถวปราจีนบุรี แล้วก็ เสร็จแล้ว คนอื่นไม่ออกกันสักคน เพราะเขาเปลี่ยนใจกันแล้วว่าไม่ปฏิวัติแล้ว แต่เขาเป็นแกนนำออกมาคนเดียว ก็เลยถูกจับได้ ก็โดนพล.อ.เปรม สั่งประจำ ถ้าจำไม่ผิดน
ทักษิณ ชินวัตร กล่าวใน Clubhouse มิ.ย.64
“แล้วหลังจากนั้นก็ประจำมาเรื่อย จน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ (สมัยเป็น ผบ.ทบ.) พล.อ.ประวิตร ก็ถูกประจำ แล้วผมไปให้เขาจากประจำ มาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ตอนนั้นกองเชียร์เยอะมาก เช่น วัฒนา เมืองสุข เป็นรองเลขาผม สมัยนั้นเขาเป็น ส.ส.ปราจีนบุรี เขาก็เป็นพี่เป็นน้องกัน เขาก็เชียร์ อีกคนนึงก็ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ก็มาเชียร์ ผมไม่รู้จักเขาหรอก แต่ผมรู้ว่าเขาเป็นพี่ชายของรุ่นพี่ผม คือ พัชรวาท วงษ์สุวรรณ (ตท.9) ผมก็เลยว่า รู้จักกันดีก็โอเค ก็เลยตั้งเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จากนั้นก็ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ทบ. และเป็น ผบ.ทบ.”
ทักษิณ ชินวัตร กล่าวใน Clubhouse มิ.ย.64
เรียกว่าสัมพันธ์ระหว่าง ‘ทักษิณ-บิ๊กป้อม’ ดูเหมือนจะ ‘ห่างเหิน’ ขึ้นเรื่อยๆ เปรียบเป็น ‘บุญคุณ’ ต่าง ‘ทดแทน’ จบกันไปแล้ว แม้จะมีข่าวพาดพิงถึงทั้งคู่ว่ามีการ ‘สายตรงพูดคุย’ กันหรือไม่ ? ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร เคยยอมรับชี้แจงว่า ไม่ได้คุยไม่ได้เจอ ‘ทักษิณ’ ครั้งล่าสุด เมื่อปี 2548 ซึ่งก็เป็นช่วงที่ ‘บิ๊กป้อม’ เป็น ผบ.ทบ.
ส่วน ‘บิ๊กป้อม’ กับ ‘คุณหญิงพจมาน’ ก็ดูมี ‘ระยะห่าง’ ต่อกันด้วย
จนเกิดปรากฏการณ์ ‘ดีลลับลังกาวี’ พ.ค.2566 ก็ต้องยอมรับว่า ‘ขั้วบ้านป่ารอยต่อ’ ไม่ได้อยู่ใน ‘สมการอำนาจ’ ตั้งแต่ต้น แค่เพียงมาร่วมขบวนเท่านั้น ย้อนกลับไป ‘ดีลลับลังกาวี’ ก็คือการตั้ง ‘รัฐบาลข้ามขั้ว’ แลกกับ ‘ทักษิณ’ ได้กลับไทย เพื่อสกัด ‘ก้าวไกล’ ไม่ให้เป็น ‘รัฐบาล’
ในการโหวต ‘เศรษฐา ทวีสิน’ เป็น นายกฯ ในซีก สว. พบว่า สว.สาย ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โหวตให้ ‘เศรษฐา’ ต่างจากขั้ว สว. ‘บิ๊กป้อม’ ที่ไม่โหวตให้ ‘เศรษฐา’
จนล่าสุดเกิดเหตุการณ์ 40 สว. ยื่นรายชื่อถึงศาล รธน. ถอดถอน ‘เศรษฐา’ พ้นรัฐมนตรี ผลพวงตั้ง ‘พิชิต ชื่นบาน’ เป็น รมต.สำนักนายกฯ ขาดคุณสมบัติ ขัด รธน. หรือไม่ ผลพวงจากคดี ‘ถุงขนม 2 ล้านบาท’ ซึ่งศาล รธน. ก็ได้รับคำร้องไว้
เมื่อไปชำแหละรายชื่อ 40 สว. ก็จะพบว่าเป็นสาย ‘ขั้วบ้านป่ารอยต่อ’ ที่ไปผนึกกำลังกับ ‘สว.พลเรือน’ สายอนุรักษ์นิยม และมี สว. ที่เคยโหวตให้ ‘เศรษฐา’ เปลี่ยนมา ‘คว่ำ’ แทน
หากดูในรายชื่อ ‘สว.บางคน’ จะพบความเชื่อมโยงกับ ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ผ่านบุคคลในครอบครัว ทำให้เกิดภาพ ‘ขั้วบ้านป่ารอยต่อ’ วัดพลัง ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ มองกันไปถึงขั้นจะ ‘ล้มเศรษฐา’ ดัน ‘บิ๊กป้อม’ เป็นนายกฯ หรือไม่
ล่าสุด ‘คดีทักษิณ’ ม.112 ทาง ‘อัยการสูงสุด’ มีคำสั่งฟ้อง จึงมีการเชื่อมโยงไปถึงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ที่สภาฯ กำลังพิจารณาในชั้น ‘กรรมาธิการ’ หนึ่งใน ‘ฐานความผิด’ ที่ถูกโฟกัสและยังไม่ได้ข้อสรุปคือ ม.112 นั่นเอง
แต่อยู่ดีๆ ‘พลังประชารัฐ’ ก็ให้ ‘ไพบูลย์ นิติตะวัน’ มือกฎหมายพรรค ออกมาให้ข่าวจุดยืน พปชร. ไม่เอา ม.112 ใส่ไปในร่าง ‘กม.นิรโทษกรรม’
ทั้งหมดนี้เป็น ‘ร่องรอย’ เมื่อ ‘จันทร์(ไม่)ส่องหล้า’ ในวัน ‘ป่ารอยต่อ(ไม่ติด)’ ระหว่าง 2 ขั้วอำนาจ ‘ทักษิณ-บิ๊กป้อม’ ที่เป็นไปในลักษณะ ‘ต่างคนต่างอยู่’ ตามที่ ‘ทักษิณ’ เปรยบ่อยครั้งในระยะหลังมานี้
ที่สำคัญอย่าลืมว่า สว. ชุดเดิม จะยังคงทำหน้าที่ ไปจนกว่าจะมี สว.ชุดใหม่ และต้องจับตาว่าจะมีการยื่นร้องศาล รธน. ตีความอำนาจ สว. ในการโหวตเลือกนายกฯ หรือไม่ และอย่าลืมว่า พล.อ.ประวิตร ยังมีชื่อเป็น ‘แคนดิเดตนายกฯ พปชร.’ อยู่ด้วย