ที่รัฐสภา นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา แถลงถึงกาาสร้างความเชื่อมั่นต่อการทำงานของรัฐบาลปัจจุบัน โดยอ้างว่า จากการลงพื้นที่ในช่วงปิดสมัยประชุมพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความเห็นไม่เชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล และรู้สึกคาใจเรื่องความเป็นเอกภาพของรัฐบาล โดยเฉพาะความเป็นผู้นำของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื่องจากถูกท้าทายจากเลขาธิการในพรรคร่วมรัฐบาล ในลักษณะว่าจะไม่ร่วมมือในการบริหารประเทศ โดยจะขัดขวางกฎหมายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือ กาสิโน รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ที่จะเข้าสู่สภาฯ
ดังนั้น การสวนทางของพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคแกนนำ จึงทำให้ประชาชนต้องการให้รัฐบาลปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งตรงกับผลสำรวจของบางสำนัก ที่พบว่าเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้ปรับ ครม. โดยเร็วที่สุดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาลและมีความเอกภาพ รวมถึงการทำงานมีประสิทธิภาพ
“แม้นายกฯจะมีความเกรงใจพรรคร่วมรัฐบาล แม้ความเกรงใจจะเป็นสมบัติของผู้ดี แต่ความเกรงใจที่มีต่อพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลแต่อย่างใด ที่สำคัญเกิดเหตุการณ์แบบนี้มานานจนประชาชนเกิดความเอื้อมระอาในละครตบจูบ จึงขอให้นายกฯมีความชัดเจนว่าจะบริหารประเทศถูลู่ถูกังอย่างนี้ต่อไป หรือจะปรับครม.ให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชน”
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
นพ.เปรมศักดิ์ ยังมองว่า การที่เลขาธิการพรรคร่วมรัฐบาล ที่อ้างว่าเป็นลูกใครต่อที่ประชุมสภาฯ อาจจะเป็นเงาทมิฬ เพื่อจะข่มขู่นายกฯ หรือไม่ และมองว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ทำให้เกิดบรรยากาศของความร่วมมือกันอีกต่อไป ดังนั้นเพื่อความชัดเจน ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลดังกล่าว ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลจะดีกว่า เพราะถ้าเดินไปข้างหน้าเป็นการเมืองแบบละครตบจูบไปเรื่อยๆจะเสื่อมศัทธาทั้งรัฐบาลและจะทำให้ประชาชนหมดความหวัง
“ดังนั้นถ้ารัฐบาลรีบปรับครม. เพื่อสร้างศรัทธาก็จะสามารถดำเนินการทางการเมืองต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือพรรคร่วมรัฐบาลเห็นว่าไม่สามารถร่วมงานต่อไปได้ ก็ประกาศความชัดเจนถอนตัวออกมา อย่าให้เป็นคนอมโรค ถูลู่ถูกังกันไปอย่างนี้ เพียงเพื่ออยากเป็นรัฐบาลต่อไป โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เพราะศัทธาของประชาชนจะสามารถค้ำยันให้รัฐบาลมห้บริหารต่อไปได้ ไม่ใช่ตัวเลขของสส.อย่างเดียว เดี๋ยวจะพากันไปทั้งรัฐบาล ”
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
นพ.เปรมศักดิ์ ยังเสนอว่า การปรับ ครม. ควรทำให้เร็วที่สุด เพื่อให้สามารถปรับได้ทันก่อนเปิดสมัยประชุมสภาฯ และควรจะปรับก่อนที่ ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 69 เข้าสภาฯ เพราะถ้างบประมาณเข้าสภาฯ จะเกิดละครการต่อรองเสียงในการลงมติ เพื่อรับหลักการแรก และนั่นจะเป็นลางหายนะ เพราะเอางบฯของประเทศมาเป็นเครื่องต่อรอง และจะปรับกระทรวงไหนอยู่ที่ดุลยพินิจของนายกฯและแกนนำรัฐบาล เพราะเป็นผู้นำก็ควรแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ
เมื่อถามว่าแกนนำที่ระบุ คือ พรรคภูมิใจไทย ใช่หรือไม่ นพ.เปรมศักดิ์ ตอบว่า แกนนำคือพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมคือพรรคภูมิใจไทย ดังนั้น พรรคเพื่อไทยต้องแสดงความเป็นผู้นำด้วยการตัดที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ทำให้เกิดความแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาล
“เอาให้ชัดถ้าพรรคร่วมรัฐบาลบอกว่าจะไม่เห็นชอบกับรัฐบาลอีกต่อไปก็ถอนตัวออกมา เพราะมีคนที่ทำงานได้ในรัฐสภาอยู่ไม่น้อยแม้ว่าจะปริ่มน้ำในคะแนนเสียง แต่สามารถสร้างศรัทธาได้ หากเสียงท่วมท้นสภาฯ แต่เกิดความไม่ชัดเจนเรื่องความร่วมมือปัญหาจะเกิดขึ้นมากกว่า เพราะไม่รู้เมื่อไหร่จะมีการโหวตสวนทางและเกิดปัญหาตบจูบกันอีก ดังนั้น ถ้าพรรคไหนไม่เอาด้วยกับรัฐบาลก็ปรับออก”
นพ.เปรมศักดิ์กล่าว