เพียงแค่เริ่มต้นก็ร้อนแรงทันทีสำหรับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ตามที่ ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และคณะ จำนวน 98 คน เป็นผู้เสนอ
โดยในคิวของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้ลุกขึ้นชี้แจงต่อจาก ชัยธวัช ที่กล่าวเปิดญัตติไปก่อนหน้านี้ ว่า ญัตติดังกล่าวแม้จะระบุว่ารัฐบาลทำทุกอย่างถอยหลัง แต่รัฐบาลมีความคืบหน้า โปร่งใสหลายเรื่อง สิ่งที่ทำอยู่เป็นบวก เป็นแสงสว่าง สิ่งที่รัฐบาลทำมา 6 เดือน มั่นใจว่า มีความซื่อสัตย์ โปร่งใส ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง
เรื่องหนี้นอกระบบ หนี้เกษตรกร มีการแก้ปัญหาพักหนี้ให้ ปัญหาพลังงานได้ดูแลราคาน้ำมันเบนซิน ดีเซล ค่าไฟฟ้า เราไม่เพิกเฉยนิ่งนอนใจ เรื่องยาเสพติด ได้ตั้งคณะทำงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข และกระบวนการยุติธรรม แก้ปัญหา ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว จับยาบ้าได้มากกว่าปีก่อนทั้งปี ขณะที่ราคายางพุ่งเกือบ 100 บาทต่อกิโลกรัม ราคาข้าวพุ่งสูง พืชผลอื่นๆ ก็ไม่มีการมาประท้วง มีการเปิดตลาดในต่างประเทศ ทำงานอย่างบูรณาการให้ราคาพืชผลดีขึ้น
ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศบ่อยนั้น เศรษฐา ชี้แจงยืนยันว่าต้องไป เพราะต้องการให้ประเทศไทยมีตัวตนในเวทีโลก พร้อมย้ำว่า สส.รัฐบาล 314 คน ทุกคนยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมรับฟังความเห็น สส.ฝ่ายค้าน และประชาชน
แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา รัฐบาลเพิ่งบริหารประเทศมาแค่ 7 เดือน ถ้ามีข้อเสนอแนะดีๆ เรายินดีรับฟัง แต่ถ้าเป็นข้อกล่าวหา กล่าวโทษ ก็ขอหลักฐานมา ดังนั้น หลังเลือกตั้งเราจะก้าวไปสู่ประชาธิปไตยที่ดีขึ้น