Prime-Minister-meets-with-the-Governor-of-Bangkok-SPACEBAR-Photo00.jpg
Prime-Minister-meets-with-the-Governor-of-Bangkok-SPACEBAR-Photo01.jpg
Prime-Minister-meets-with-the-Governor-of-Bangkok-SPACEBAR-Photo02.jpg
Prime-Minister-meets-with-the-Governor-of-Bangkok-SPACEBAR-Photo03.jpg
Prime-Minister-meets-with-the-Governor-of-Bangkok-SPACEBAR-Photo04.jpg
Prime-Minister-meets-with-the-Governor-of-Bangkok-SPACEBAR-Photo05.jpg

โชว์ปึ้ก! ‘เศรษฐา’ หารือ ‘ชัชชาติ’ คุยแผนพัฒนา กทม.

23 กุมภาพันธ์ 2567 - 05:16

  • เรียกได้ว่าเป็นการพบปะกัน ‘อย่างเป็นทางการ’ สำหรับ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กับ ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) โดยในวันนี้ นายกฯ ได้มาเยือนศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ถนนดินสอ พร้อมนำประชุมติดตามเร่งรัดพัฒนากรุงเทพฯ ตลอดจนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ กทม.

  • ท่ามกลางกระแสข่าวเดือดๆ รับฤดูร้อน ตั้งแต่ปมพักโทษ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ เรื่อยไปจนกรณีพิพาทที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, คดีเว็บไซต์พนันออนไลน์เชื่อมโยงกับ ‘บิ๊กตำรวจ’ หรือแม้แต่ความอืดเป็นเรือเกลือของ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท’

Prime-Minister-meets-with-the-Governor-of-Bangkok-SPACEBAR-Photo00.jpg
Prime-Minister-meets-with-the-Governor-of-Bangkok-SPACEBAR-Photo01.jpg
Prime-Minister-meets-with-the-Governor-of-Bangkok-SPACEBAR-Photo02.jpg
Prime-Minister-meets-with-the-Governor-of-Bangkok-SPACEBAR-Photo03.jpg
Prime-Minister-meets-with-the-Governor-of-Bangkok-SPACEBAR-Photo04.jpg
Prime-Minister-meets-with-the-Governor-of-Bangkok-SPACEBAR-Photo05.jpg

ภายหลังนำประชุมติดตามความก้าวหน้าในการเร่งรัดการพัฒนากรุงเทพฯ เศรษฐา ให้สัมภาษณ์แบบร่ายยาวกับสื่อฯ ว่า เป็นจังหวะที่ดี เพราะเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ได้แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” 8 ด้าน ซึ่งหลายๆ ข้อ เกี่ยวข้องกับกรุงเทพฯ และปฏิเสธไม่ได้ว่า ถึงแม้เราพยายามจะกระจายความเจริญไปยังต่างจังหวัด กรุงเทพฯ ก็ยังเป็นประเทศไทยเล็กๆ อันหนึ่ง

ผมก็ดีใจที่ได้มาเยือน กทม.เป็นครั้งแรก ได้ทราบวิสัยทัศน์และแผน ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งนโยบายหลายๆ อันก็ล้อไปกับวิชั่นไทยแลนด์ และนโยบายรัฐบาล ประเด็นที่ผมฝากกับผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้ทำอะไรที่ดีๆ เยอะ แต่ก็อาจจะมีการพูดน้อยไปนิดก็อยากให้มีการสื่อสาร ก็ขอฝากสื่อมวลชนด้วย ซึ่งการสื่อสารไม่ใช่แค่การแถลงผลงานอย่างเดียว แต่ต้องเป็นการแถลง เพื่อให้ทราบว่าได้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพราะหากประชาชนได้รับข่าวสารที่จะสามารถนำไปปฏิบัติได้ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

เศรษฐา ทวีสิน

เศรษฐา บอกว่า ฝ่ายรัฐบาลเอง โดย พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็มีการประสานงานกันใกล้ชิดกับผู้ว่าฯ กทม. อยู่แล้ว แต่เราอยากให้ทำงานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น มีการรับนโยบายจากทาง กทม.ไปขยายผลได้ ถ้ามีอะไรติดขัด และทางฝั่งรัฐบาล โดย พวงเพชร จะเป็นคนประสาน ซึ่งวันนี้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็มา เรื่องความปลอดภัย เรื่องความมั่นคงเป็นเรื่องที่สำคัญ

หลายเรื่องที่ผู้ว่าฯ กทม.นำเสนอวันนี้ ก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ซึ่งวันนี้เราก็จะทำงานใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นให้การสื่อสารดีขึ้น เช่น เรื่องฝุ่น PM 2.5 อย่างที่ผู้ว่าฯ กทม.ประกาศมาตรการเวิร์คฟอร์มโฮม (Work from Home) ก็ทำให้รถยนต์น้อยลงไป 9% ถ้าเกิดการประสานที่ดี รัฐบาลก็จะประกาศพร้อมกัน อาจจะเป็นการให้หน่วยงานราชการเวิร์คฟอร์มโฮมเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ต่างคนต่างพยายามทำงานกันอย่างเต็มที่ มีการประสานงานกันอย่างขึ้น เพื่อทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น

เศรษฐา ทวีสิน

ในส่วนของแนวทางแก้ปัญหาจราจรติดขัดเพื่อลดปัญหาฝุ่นมลพิษนั้น นายกฯ ก็อ้างถึงแนวทางของผู้ว่าฯ กทม. ในการเข้มงวดเรื่องวินัยการจราจร การสนับสนุนให้ประชาชนใช้บริการสาธารณะมากยิ่งขึ้น เช่น รถไฟฟ้า โดยจะต้องลดค่าโดยสาร เพื่อลดการจราจรที่หนาแน่นลงได้

ด้าน ชัชชาติ กล่าวว่า หัวใจการแก้ปัญหารถติดไม่ใช่การทำถนนเพิ่ม แต่เป็นการทำขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้น ซึ่งหลายๆ รัฐบาล ได้ทำเส้นเลือดใหญ่จำนวนมากแล้ว อย่างรถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีเหลือง สายสีชมพู สายสีม่วง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ การที่จะทำอย่างไรให้ประชาชนเดินออกจากบ้านแล้วไปถึงรถไฟฟ้าได้ ขณะที่ กทม.ได้ทำทางเดินเท้าเพื่อให้ประชาชนเดินทางได้อย่างสะดวก ซึ่งภายใน 4 ปี จะทำทางเดินเท้าให้ดีขึ้น 1,700 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมโยงระบบรถในซอย, มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และระบบโครงสร้างหลัก ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว รวมทั้งระเบียบวินัยการจราจรต่างๆที่มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เรื่องสัญญาณไฟจราจร จะเห็นผลเป็นรูปธรรมภายในปีนี้

ส่วนเมื่อถามถึงนโยบายค่าโดยสารรถไฟ 20 บาทตลอดสาย รัฐบาลจะมีการแก้ไขสัญญาสัมปทานอย่างไรนั้น ปรากฏว่า นายกฯ ขอให้ รมว.คมนาคม เป็นผู้แถลง เมื่อถามถึงการปัญหาฝุ่นใน กทม. ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าควรจริงจังมากกว่านี้ นายกฯ มองว่า จะต้องแฟร์กับเจ้าหน้าที่ กทม.ด้วย เพราะปัญหาฝุ่นมีทุกปี แต่ปีนี้พิสูจน์ทราบได้ว่าปริมาณลดลงชัดเจน

ผู้ว่าฯ กทม.เข้ามาเกือบ 2 ปีแล้ว ท่านได้ทำอะไรดีๆ หลายอย่าง ตั้งแต่เรื่องใหญ่มาถึงเรื่องนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ร่วมกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หลายหน่วยงาน เพื่อให้ประชาชนมาเปลี่ยนไส้กรอง ให้รถที่ปล่อยไอเสียลดน้อยลง รวมถึงการออกนโยบายมีรถอัดฟางให้พื้นที่เขตหนองจอก แทนที่จะมีการเผา เรื่องที่ผมพูดเป็นเรื่องเล็ก แต่ผู้ว่า กทม.ฯ และคณะกรรมการของ กทม.ไม่ได้ละเลย ดูรายละเอียดทุกรายละเอียด แต่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มีมานานแล้ว รวมถึงเรื่องโครงสร้างอีกหลายอย่าง วันนี้รถยนต์ไฟฟ้าก็มีการจดทะเบียน 10 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้ว โดยในงานมอเตอร์โชว์เมื่อปลายปีที่แล้ว มีการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 40%

เศรษฐา ทวีสิน

นายกฯ อ้างว่า ปัญหาฝุ่นที่เกิดขึ้นใน กทม.เกิดจากการใช้รถยนต์ 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ ถ้าเราสามารถทำให้คนมาใช้รถไฟฟ้ามากยิ่งขึ้นได้ ถือเป็นเรื่องที่ดี รวมถึงการขนส่งต่างๆ ที่ต้องใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ ในขณะที่มีท่าเรือคลองเตยอยู่ ซึ่งผู้ว่าฯ กทม.ก็ได้เสนอเรื่องนี้ ทางรัฐบาลก็ได้มีการพูดคุยกันว่า ท่าเรือคลองเตยจะมีการย้ายออกไปหรือไม่ เพราะหากไม่มีการย้าย ก็จะยังมีการใช้รถบรรทุกขนของต่างๆ ผ่านเข้ามาในเขต กทม.ทำให้เกิดปัญหา PM 2.5

ยืนยันว่าทางรัฐบาลและ กทม.ได้พยายามแก้ไขปัญหานี้อยู่ แต่จะให้ทั้งหมดกลายเป็นศูนย์เลยในระยะเวลานี้ ก็คงไม่เป็นธรรม กับผู้ว่าฯ กทม.เท่าไหร่ เพราะท่านพยายามทำอย่างเต็มที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ความจริงจัง และความจริงใจมีอยู่แล้ว

เศรษฐา ทวีสิน

ด้าน ชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องฝุ่นเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ จะต้องวิเคราะห์ให้ได้อย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นจะแก้ผิดจุด ที่ผ่านมา เราดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเข้มข้น อย่างเรื่องไซต์งานก่อสร้าง ก็มีการตรวจอย่างเข้มข้น ส่วนเรื่องรถยนต์ ถ้าเราห้ามรถยนต์วิ่งในกรุงเทพฯ มันจะช่วยหรือไม่ อันนี้ต้องคิดให้ดี

ยกตัวอย่างที่ผ่านมา ฝุ่นเยอะมากแถวเขตมีนบุรี และหนองจอก ซึ่งทั้ง 2 เขต เป็นเขตที่ไม่มีรถยนต์เลย ถ้าเช่นนั้น ก็แสดงว่า ถ้าเราห้ามไม่ให้รถยนต์วิ่ง ให้หยุดวิ่งจริง แต่ปรากฏว่าฝุ่นสูง ซึ่งผมคิดว่าฝุ่นอาจจะมาจากด้านนอกกรุงเทพฯ และเรื่องนี้เป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ ในการออกมาตรการต่างๆ เพราะจะกระทบกับชีวิตของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งเราได้มีการหารือกรมการขนส่งทางบก เรื่องการวางแผนระยะยาว ในการลดจำนวนรถเก่าลง ซึ่งคงจะเป็นเรื่องของกฎหมายที่จะค่อยๆพัฒนา ให้รอบคอบต่อไป

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

ส่วนการพิจารณาย้ายท่าเรือคลองเตย การปรับเปลี่ยนตรงนี้ในมุมมองของนายกฯได้มีการชั่งน้ำหนักเรื่องการขนส่งที่มีมูลค่า ของท่าเรือคลองเตย กับน้ำหนักเรื่องการแก้ปัญหาฝุ่นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดี จะต้องดูให้ครบทั้งองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนา ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง เฟส 2 และเฟส 3 ถ้าตรงนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว จะต้องล้อกันไป โดยที่จะต้องไม่กระทบกับการส่งออก

ด้าน ชัชชาติ กล่าวว่า ท่าเรือคลองเตย อยู่ในแผนวาระฝุ่นแห่งชาติอยู่แล้ว ตั้งแต่ปี 2562 ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่อาจจะต้องมีการทบทวน ว่าเวิร์คหรือไม่เวิร์คขนาดไหน

จะเห็นตัวอย่างจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา, กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ท่าเรือที่อยู่ในเมือง เขาย้ายออกข้างนอก เรามีปัญหาเรื่องการควบคุมน้ำทะเลที่หนุนสูง เพราะหากมีเรือใหญ่เข้ามา แล้วน้ำทะเลหนุน เราจะควบคุมอย่างไร เพราะมีหลายปัจจัย ซึ่งคิดว่านายกฯ จะให้ศึกษารายละเอียดให้รอบคอบอีกครั้ง

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

ขณะที่ประเด็นการติดกล้อง CCTV เพื่อรองรับความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น นายกฯ กล่าวว่า CCTV เป็นแค่ปัจจัยเดียว การเอาระบบและเทคโนโลยีต่างๆ ก็จะมีการพิจารณาเพิ่มเติมให้ดีขึ้น

เมื่อถามอีกว่า ในวาระ 4  ปี นายกฯ อยากเห็นอะไรใน กทม .ในเรื่องการพัฒนามากที่สุด นายกฯ กล่าวว่า มีหลายมิติ ท่านผู้ว่าฯ เองก็พูดไปแล้วทั้งเรื่องความสะอาดความปลอดภัย การจราจร เรื่อง PM 2.5 และเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของรถแท็กซี่ คนหาบเร่แผงลอย ต่างๆ เหล่านี้ ต้องได้รับความเป็นธรรม และทำให้ กทม.เป็นเมืองที่น่าอยู่ ก่อนยืนยันถึงการทำงานสอดประสานกับผู้ว่าฯ กทม. แบบไร้ข้อขัดแย้ง

ผมเชื่อว่าท่านดูจากภาษากาย ท่านคงทราบว่าไม่มีปัญหาอะไรกันเลย ท่านผู้ว่าฯ เชิญผมมา ผมก็ยินดี ที่มาและขอขอบคุณด้วย ซึ่งเราเองมีการคุยกันตลอดเวลา ไปที่ทำเนียบรัฐบาลเจอกัน 5-6 คน พูดคุยกันตลอดเวลา ยกหูสายตรงได้ตลอด เรื่องนี้ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้นเลย และไม่เคยมีด้วย

เศรษฐา ทวีสิน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์