ทำเนียบรัฐบาล (1 ตุลาคม 2567) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจะมีการหารือพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) จะเป็นประธานการหารือหรือไม่ ว่า ความจริงแล้วอันนี้ต้องคุยกันเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลทุกคน หัวหน้าพรรคต้องคุยกัน ซึ่งตนที่เป็นนายกฯ ก็เป็นหัวหน้าพรรคด้วย ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็ต้องคุยกันในเรื่องนี้นอกรอบอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่ากรณี สว.มีมติให้กลับไปใช้ประชามติ 2 ชั้นจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสะดุดหรือไม่ นายกฯ แพทองธาร กล่าวว่า เดิมนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (รมว.กลาโหม)ดูแลอยู่ และความจริงเรื่องนี้ต้องเป็นการรวมความคิดเห็นของพรรคร่วมรัฐบาล แต่คำตอบสุดท้ายคือประชาชนอยู่ดี เราทำร่วมกันเสร็จก็ต้องมีการพูดคุยกันและตกลงอย่างที่เคยแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งอย่างไรก็ต้องมีการคุยกันอยู่ดี
เมื่อถามว่า เรื่องแก้กฎหมายประชามติที่รัฐบาลผลักดันจนไปถึงชั้น สว.แล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมายังไม่ได้มีการนัด นักข่าวยังไม่มีใครไปทำข่าวเรื่องของการนัดคุยกัน แต่ว่าหลังจากนี้วางแผนไว้ว่าต้องคุยในรายละเอียดกันบางทีอาจมีการเปลี่ยนแปลงในหลายเรื่องฉะนั้นกำลังค่อยๆ จัดระเบียบในการทำงานอยู่แล้วค่อยหารือกันอีกที ย้ำว่าเรื่องนี้ต้องหารือกันในมุมของพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคแน่นอนอย่างจริงจัง
เมื่อถามย้ำว่า การแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นนโยบายจะแล้วเสร็จในรัฐบาลนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงต้องรอดูว่าความคิดเห็นเป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อถามว่าเหมือนมีคนไม่อยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้น นายกฯ แพทองธาร กล่าวว่า “มีทั้งที่อยากให้แก้และไม่อยากให้แก้”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาประกาศจะลงถนนไล่รัฐบาลในต้นปีหน้า นายกฯ แพทองธาร ยิ้มก่อนตอบว่า “เพิ่งทำงานได้เดือนเดียวเอง จะไล่แล้วหรือคะ อย่าเพิ่งรีบไล่เลยคะ”
เมื่อถามอีกว่า ข้อเรียกร้องของนายสนธิ 3 ข้อต้องการอะไร นายกฯ แพทองธาร กล่าวว่า ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับนายสนธิ
เมื่อถามย้ำว่าพร้อมคุยกันนายสนธิหรือไม่ นายกฯ แพทองธาร กล่าวว่า “อ่อ พร้อมอยู่แล้วคะ วันนี้เราเป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ ฉะนั้นเราต้องพูดคุยกับทุกภาคส่วนอยู่แล้ว และอีกอย่างการทำให้ประเทศสงบสุขเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าประเทศสงบสุขคนไทยมีความสุขแล้วต่างประเทศก็จะมาลงทุนด้วย เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นเรื่องสำคัญ”
เมื่อถามว่าการระบุพร้อมพูดคุยจะเป็นลักษณะใด จะเป็นการเดินสายคุยหรือนัดมารับฟังความคิดเห็น นายกรัฐมนตรี ย้อนกลับสื่อว่า “แนะนำหน่อยคะยังไงดี เพื่อให้ประเทศสงบสุขช่วยกันด้วย เราไม่พร้อมมีเรื่องอยู่แล้ว ไม่คิดจะไปสู้อะไรที่ไม่ใช่นอกเหนือจากนี้ คือความจริงแล้วตัวของดิฉันเองและรัฐบาลโฟกัสในเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเชื่อจริงๆ ว่าถ้าเศรษฐกิจดี คนไทยมีฐานะที่รวยขึ้นสบายขึ้นทุกอย่างก็จะดีขึ้น เราไม่อยากจะมีเรื่องหรืออะไรเพราะเรารู้สึกว่าถ้าประเทศชาติมันดีมันพร้อมเดินต่อเศรษฐกิจมันไปก็นั่นแหละคือสิ่งที่อยากให้เป็น”
เมื่อถามว่าการปลุกม็อบลงถนนเป็นการเมืองแบบเก่าที่ไม่สร้างสรรค์หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้คิดเรื่องการลงถนนเลย ก็คิดว่าถ้าหากจะต้องลงถนนกันจริงๆ มาคุยกันก่อนก็ได้ว่าปัญหาคืออะไร คิดว่าทุกอย่างน่าจะคุยกันได้มันไม่จำเป็นต้องใช้ความเกลียดชังหรือความรุนแรงเข้าหา คิดว่าทุกท่านคุยกันได้อยู่แล้วเพราะความจริงวันนี้ก็เป็นตัวอย่างว่าเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่มาจากหลายพรรคก็คุยกันได้
เมื่อถามอีกว่าเป็นเพราะตระกูลชินวัตรหรือไม่ที่ทำให้เขาคิดเดินลงถนนเพราะนายกฯ เพิ่งบริหารมาได้เดือนเดียว นายกฯ แพทองธาร กล่าวว่า “ถ้าสมมุติว่าตอนแต่งงานเมื่อปี 2019 แล้วเปลี่ยนนามสกุลก็อาจไม่มีปัญหาใช่หรือไม่” ก่อนหัวเราะแล้วตอบว่า ไม่ทราบเหมือนกันแต่ก็ไม่อยากให้มีเรื่อง