‘นายกฯ’ ย้ำศักยภาพ จชต. เร่งผลักดันแหล่งท่องเที่ยวโลก

29 กุมภาพันธ์ 2567 - 10:02

Prime Minister-Srettha-emphasizes-the-potential-of-southern-border-provinces-Accelerating-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ‘เศรษฐา’ ย้ำ 3 วันลงพื้นที่เห็นศักยภาพชายแดนใต้ เร่งผลักดันดึงดูดแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก

  • ชี้ถกสันติภาพ สมช.พูดคุยตลอด ลั่น 3 ปีครึ่งที่เหลือรัฐบาลจะพิสูจน์ให้เห็นถึงความเสมอภาค จชต.

ที่จังหวัดนราธิวาส (29 กุมภาพันธ์ 2567) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รมว.คลัง) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) ว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นแหล่งดึงดูดการท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย หากพัฒนาให้ดีจะเป็นจุดหนึ่งที่สามารถเป็นจุดท่องเที่ยวของชาวโลกได้ด้วย 

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สำหรับด่านศุลกากรที่เบตงมีความคับแคบจะต้องมีการพัฒนาต่อไป ซึ่งระยะหลังมีการเปลี่ยนวิธีการปลูกพืชเศรษฐกิจจากยางพารามาเป็นผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งมีความต้องการสูงมากจากทั่วโลก ฉะนั้นด่านนี้จะต้องมีการพัฒนาให้เหมาะสมกับบริบทของเกษตรกรและเกษตรกรรมที่มีการ เปลี่ยนแปลงไป ต้องมีการขยายเลนส์ทางเข้า และออก อาจรวมไปถึงห้องเย็นด้วย 

“ตรงนี้รัฐบาลจะ ให้ความสำคัญ และได้มีการสั่งการแล้วจะให้ดำเนินการขยายด่านศุลกากรนี้รวมถึง ตม.6 ที่ทำไปแล้วที่ด่านสะเดา สงขลา ทำให้นักท่องเที่ยวแต่ละสัปดาห์เพิ่มขึ้น 3 เท่า ทำให้การค้าหมุนเวียนได้ดีขึ้นมาก จึงได้สั่งการไปที่ รมว.ต่างประเทศ และ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ให้ไปปรับทุกด่าน ยกเลิก ตม.6 ทำให้การเข้าเมือง สะดวกสบายยิ่งขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่แค่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเดียว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็เช่นกัน”

Prime Minister-Srettha-emphasizes-the-potential-of-southern-border-provinces-Accelerating-SPACEBAR-Photo V01.jpg

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยถึงเรื่องของการขยายถนนจากยะลาไปจังหวัดอื่น ไม่ว่าจะเป็นทางหลวง 410 หรือ การเจาะอุโมงค์ ที่จะทำให้การจราจรดีขึ้น ตรงนี้อยู่ในแผนงานของ รมว.คมนาคม อยู่แล้ว โอกาสนี้ตนยังได้ไปเดินที่เบตง มีโอกาสได้ไปทานข้าว เห็นความคึกคัก ความปลอดภัย และรอยยิ้มของพี่น้องที่มอบให้กับคณะที่เดินทางลงมาในพื้นที่ และเห็นศักยภาพของอำเภอเบตง

“แน่นอนเรื่องการท่องเที่ยวในอนาคตคิดว่าโรงแรมไม่เพียงพอ ซึ่งได้มีการเรียกร้องมาแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไป ปัญหาใหญ่เมื่อมีโอกาสแล้วจะมีแหล่งเงินทุนเพียงพอหรือเปล่า อันนี้เป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องไปตรวจสอบให้แน่ใจกับธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารอิสลาม ให้ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เป็นแหล่งทุนที่ดีให้นักลง ทุนเข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น เพื่อเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้”

พร้อมกันนี้ นายกฯ กล่าวว่า วันนี้มา จ.นราธิวาส เป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกมาเมื่อปลายปี ดูเรื่องน้ำท่วม วันนี้มาได้ดูได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างถึงวัฒนธรรมที่ดี ได้ไปวัดและมาที่พิพิธภัณฑ์ จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า ประเทศไทยมีนักซ่อมคัมภีร์ศาสนา อิสลามระดับโลกอยู่ 2 คน ซึ่งคัมภีร์ต่างๆ ถูกส่งกลับมาซ่อมที่นี่ จึงได้บอกไปทางกระทรวงการต่างประเทศ ว่า ต่อไปนี้เราจะต้องโปรโมทเรื่องนี้ และมีการสนับสนุนให้คนที่มีความสามารถในการที่จะซ่อมหรือเย็บเล่มคัมภีร์เหล่านี้ได้

นายกฯ กล่าวด้วยว่า อย่างที่ได้บอกไปว่าการมาที่แห่งนี้ อยากจะอยู่นานกว่านี้ เพราะมีคัมภีร์โบราณมากเป็นพันปีก็มีทำด้วยหนังแพะ และอยากจะฟังประวัติศาสตร์ให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจให้กับนักท่องเที่ยวทุกคน “การมา 3 จังหวัดชายแดนภาค ใต้ ใน 3 วันนี้ได้เห็นถึงศักยภาพที่ดี ส่วนเวลาที่มาตนคิดว่าเหมาะสม และอีกหนึ่งสัปดาห์ก็จะเข้าสู่เทศกาลของเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเทศกาลที่ต้องมีความอดทน อดกลั้น และเป็นเทศกาลการให้อภัย ซึ่งขออวยพรให้ทุกท่านมีความสุข และภูมิภาคนี้จะได้รับการดูแลให้มีความเสมอภาค มีความเท่าเทียม”

Prime Minister-Srettha-emphasizes-the-potential-of-southern-border-provinces-Accelerating-SPACEBAR-Photo01.jpg

นายกฯ กล่าวต่อว่า การที่บอกว่าอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำไมถึงไม่ได้ความเท่าเทียม ตนคิดว่าไม่ ซึ่งเป็นความตั้งใจของรัฐบาลนี้ และใน 3 ปีครึ่งที่เหลือ รัฐบาลนี้จะพิสูจน์ให้เห็นว่า ความเสมอภาคความเท่าเทียมโอกาสที่ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้พึงได้รับผลกระทบต่างๆ ที่เกิดมาในอดีต จะพยายามแก้ไข “และมองไปข้างหน้าได้เห็นถึงแววตาที่มาต้อนรับ การมาลงพื้นที่ของพวกตนได้รับความซาบซึ้ง เป็นแรงบันดาลใจให้ผลักดัน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปถึงศักยภาพ ไปถึงจุดที่เขาสามารถไปถึงได้ อันนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้จะมุ่งมั่นและทำต่อไป”

นายกฯ กล่าวย้ำว่า จุดประสงค์ในการมาลงพื้นที่ครั้งนี้ เน้นเรื่องศักยภาพของเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องความไม่มั่นคง เกือบไม่มีแล้ว ช่วงที่ผ่านมาเชื่อว่าการที่เราได้ไปเมืองต่างๆ ได้เห็นนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างมโหฬาร ฉะนั้นตรงนี้เชื่อว่านักท่องเที่ยวมีความมั่นใจอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่พยายามเข้ามาดูแลเรื่องของประชาชนเรื่องของรัฐบาลที่ต่างคนต่างทำ “ตอนนี้เมื่อรัฐบาลเข้ามาแล้วก็เป็นตัวเชื่อมให้ทุกท่าน เข้าใจว่ามีความจริงใจ และใส่ใจในการพัฒนาพื้นที่ให้ก้าวไปสู่ศักยภาพที่สามารถเป็นไปได้”

ผู้สื่อข่าวถามถึงการพูดคุยสันติภาพนโยบายของพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นอย่างไร นายกฯเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่มีนโยบายพรรคเพื่อไทย มีนโยบายของรัฐบาลเรามีการพูดคุยกันไปโดยที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พูดคุย ทำงานควบคู่กับฝ่ายการต่างประเทศด้วย ซึ่งได้มีการพูดคุยกันตลอด”

Prime Minister-Srettha-emphasizes-the-potential-of-southern-border-provinces-Accelerating-SPACEBAR-Photo02.jpg

เมื่อถามว่า จะยกระดับสนามบินนราธิวาสอย่างไรเพราะว่ามีชาวมุสลิม ทั้งไทยและมาเลเซียมาใช้มากเพื่อเดินทางไปทำฮัจญ์ นายกฯเศรษฐา กล่าวว่า คิดว่าไม่ใช่แค่มาเลเซียอย่างเดียว สิงคโปร์ อินโดนีเซียด้วย ซึ่งที่มาตนได้เห็นถึงศักยภาพอยู่แล้ว 

โดยรัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้องจะพยายามพัฒนาจุดท่องเที่ยวต่างๆ ให้เป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยว เริ่มแรกต้องเพิ่มไฟท์ ส่วนเรื่องด่านศุลกากรตรวจคนเข้าเมือง ตนคิดว่าไม่มีปัญหา ตรงนี้เราอยากให้พี่น้องที่จะเดินทางไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย สามารถบินจองได้เหมือนกัน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์