เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รมว.คลัง) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์สู้รบระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) และ เคเอ็นยู พีซี กลุ่มกะเหรี่ยงสันติภาพ และกองกำลังปกป้องประชาชน (พีดีเอฟ) ที่สามารถเข้ายึดค่ายผาซอง หรือกองพันทหารราบที่ 275 ของทหารเมียนมาจังหวัดเมียวดีได้สำเร็จ ว่า เขายืนยันว่ายังไม่แตกและเป็นเรื่องภายในประเทศเขา
“แต่ได้กำชับไปยังกองทัพ และกระทรวงการต่างประเทศให้ส่งข้อความอย่างชัดเจนว่าหากมีปัญหาภายใน ก็อย่าให้ล้นออกมา และจะโทรศัพท์หาผู้บัญชาการทหารอากาศ หากมีการสู้รบกัน การใช้น่านฟ้าของไทยเราไม่รับ”
เมื่อถามว่าได้สั่งการให้มีการสแตนบายเครื่องบิน F-16 ขึ้นบินดูแลน่านฟ้าไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ผมว่าเรามีอุปกรณ์ที่ตรวจสอบอยู่แล้ว ไม่อยากให้ก่อให้เกิดความตึงเครียด ทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง เพราะเขาก็เป็นเพื่อนบ้านเรา”
เมื่อถามว่าจะไม่ให้เครื่องบินของกองทัพเมียนมาล้ำน่านฟ้าเข้ามาในเขตแดนไทยเหมือนอย่างเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นใช่หรือไม่ นายกฯเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่ได้ ก็คงต้องสั่ง”
เมื่อถามถึงจุดในการรองรับผู้อพยพ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศออกมาระบุว่ารองรับได้ 100,000 คน แต่จากการประเมินอาจจะมีผู้อพยพมากขึ้นได้มีคุยในเรื่องนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ก็ต้องครับ ก็ต้องดูต่อไป ว่าปัญหาไปถึงขนาดไหน” พร้อมยืนยันสถานการณ์ในเมืองเมียวดี ขณะนี้ยังโอเคอยู่
แม่ทัพภาค 3 ยัน ชายแดนพม่ายังปกติ ไร้ผู้อพยพ
พล.ท.ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา หลังมีข่าวว่ากองกำลังกลุ่มต่อต้าน นำกำลังเข้าโจมตีที่ตั้งหน่วย พัน.ร.275 และค่ายผาซอง บ้านผาซอง จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ได้แล้ว โดยยืนยันว่า พื้นที่ชายแดนยังมีการเข้าออกและซื้อขายสินค้าตามปกติ เพียงแต่ช่วงนี้สินค้าอาจลดลง เนื่องจากการขนย้ายไม่สะดวก เพราะมีการปิดบางเส้นทาง ดังนั้น ภาพรวมยังไม่มีผลกระทบ และทหารได้เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไว้แล้ว ขณะเดียวกันพื้นที่ค่ายผาซองที่มีการสู้รบ อยู่ห่างจากเมืองเมียวดีเข้าไปภายใน 5-7 กิโลเมตร
ส่วนพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ซึ่งมีกระทรวงมหาดไทยดูแลอยู่นั้น ในส่วนของ อ.แม่สอด ยังไม่มีใครข้ามมา แต่พื้นที่ อ.อุ้มผาง มีผู้หนีภัยจากการสู้รบข้ามมากว่า 70 คน เนื่องจากอยู่ติดชายแดน
