ใครจะยอมถูกแฉอยู่ฝ่ายเดียว! หลัง ‘เศรษฐา ทวีสิน’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ส่งทนายไปยื่นฟ้อง ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ฐานหมิ่นประมาทปมเลี่ยงภาษีที่ดิน พร้อมเรียกค่าเสียหาย 500 ล้านบาท และเตือน ‘ชูวิทย์’ ให้ระวังบริษัทลูกของตัวเองจะซ้ำรอยทำสิ่งเดียวกันกับที่กล่าวหา ‘เศรษฐา’ ไม่ทันไร ‘พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์’ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย ก็รับไม้ต่อ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวแฉ ‘ชูวิทย์’ ซ้ำว่าสิ่งที่ทำไม่ใช่การแฉเพื่อชาติ แต่เป็นเพราะเรื่องส่วนตัว และทำเพื่อหวังผลทางการเมือง
ที่ โรงแรมดิเอ็มเมอรัลด์ กรุงเทพฯ ‘พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์’ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานด้านกฎหมาย ที่ได้รับมอบอำนาจจาก ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ได้เปิดภาพที่ ‘ชูวิทย์’ กำลังจับมือกับ ‘เศรษฐา’ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดย ‘พร้อมพงศ์’ อธิบายว่าเป็นภาพที่ ‘ชูวิทย์’ เข้ามาที่บริษัท แสนสิริฯ เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 เพื่อเจรจาเสนอขายที่ดินให้ ‘เศรษฐา’ และผู้บริหารของแสนสิริฯ แต่ทางบริษัท แสนสิริฯ ได้ปฎิเสธ เพราะประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย
เพราะก่อนหน้านั้น ‘ชูวิทย์’ ได้ขายที่ดิน ที่อยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ให้กับ บริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) ไปในราคา 2,000 ล้านบาท โดยมีการจ่ายมัดจำกันไว้ 400 ล้านบาท ส่วนที่เหลือยังไม่ได้จ่ายเพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่โควิด
พร้อมฝากไปถาม ‘ชูวิทย์’ ว่าหลังวันที่ 8 กันยายน 2565 ทางครอบครัวของชูวิทย์ ได้ให้ฝ่ายกฎหมายไปบอกเลิกสัญญากับ บริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) เพื่อหวังจะมาขายที่ดินให้กับแสนสิริฯ จริงหรือไม่ อีกทั้งตามปกติแล้ว ‘ชูวิทย์’ จะไม่ยอมไปพบใครง่าย และตัว ‘ชูวิทย์’ ก็ไม่ได้สนิทสนมกับ ‘เศรษฐา’ ถึงขนาดที่จะไปนัดกินกาแฟกันเฉยๆ การพบกันครั้งนี้จึงเป็นวาระสำคัญ
จุดนี้เองที่ ‘พร้อมพงศ์’ นำมาตั้งข้อสังเกตว่าการที่ ‘ชูวิทย์’ อ้างว่าแฉเพื่อชาติ และปฎิเสธว่าไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวกับ ‘เศรษฐา’ และไม่ได้ขายที่ดินให้กับแสนสิริ เป็นเรื่องโกหก เชื่อว่าเรื่องนี้ทำให้ ‘ชูวิทย์’ ไม่พอใจและเป็นเหตุให้ออกมาเคลื่อนไหว รวมถึงยังมีวาระอื่นซ่อนเร้นด้วย จึงขอตั้งคำว่า ‘ชูวิทย์’ แฉเพื่อใครกันแน่
หลังการแถลงข่าว ‘พร้อมพงศ์’ ได้เรียกพนักงานขนส่งพัสดุ มารับป้ายไวนิลที่สกีนภาพวันที่ ‘ชูวิทย์’ เข้าเจรจาขายที่ดินให้ บริษัท แสนสิริฯ ไปให้ส่งให้ ‘ชูวิทย์’ ถึงที่โรงแรม เดวิส เพื่อทวนความจำและไม่ลืมพฤติกรรมของตัวเอง
นอกจากนี้ ‘พร้อมพงศ์’ ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม โดยย้ำว่า ‘เศรษฐา’ ไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่ ‘ชูวิทย์’ กล่าวหา และไม่มีประวัติด่างพร้อย ไม่มีมลทินมัวหมอง ต่างจาก ‘ชูวิทย์’ ไม่มีคุณสมบัติทางการเมือง แบบนี้จะเชื่อถือได้หรือไม่ พร้อมบอกว่าตัวเองรู้จัก ‘ชูวิทย์’ ดี เพราะเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขในเรือนจำพิเศษกรุงเทพด้วยกันมา ร่วมกับ ‘เสธหิ-หิมาลัย ผิวพรรณ’ ด้วย
แต่วันนี้ตนอยากแม้ไม่มีตำแหน่ง แต่อยากมาสร้างตำนาน ตรวจสอบคนที่ตรวจสอบคนอื่นอีกที เพื่อความถูกต้อง อยากฝากความห่วงใย ถึง ‘ชูวิทย์’ ว่าเบาได้เบา และยังแฉ ‘เศรษฐา’ ต่ออีก ก็พร้อมฟ้องกับเพิ่มเช่นกัน
"พี่ชูมี 21 คดี และเมื่อเช้าอีก 1 คดี เป็น 22 คดี แล้วไป ป.ป.ช. อาจจะโดนข้อหาเพิ่ม ผมเลยมาเตือนไว้ เพราะพี่ชูก็ไม่ค่อยสบาย อายุขนาดนี้แล้ว จะ 62 ปีแล้ว เบาได้เบาเถอะครับ ทำประโยชน์ ทำบุญทำทาน เป็นความหวังดีจากกัลยาณมิตร รักกัน เรียกพี่ชูตลอด แต่ตอนนี้จะเรียกพี่ชูแว๊ป"
ช่วงท้ายผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ ‘ชูวิทย์’ หวังผลทางการเมือง เป็นการทำเพื่อประโยชน์ของฝั่งไหน ‘พร้อมพงศ์’ นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนหัวเราะพร้อมตอบว่า ในวงการเขารู้กันทั้งนั้นว่า ‘ชูวิทย์’ สนิทกับใคร บิ๊กคนไหน ผมอยู่การเมืองมา 20 ปี พอรู้ ‘พิธา’ เป็นนายกฯ ไม่ได้ ‘เศรษฐา’ ก็ถูกสกัด ต่อให้เป็นแคนดิเดตคนอื่นของพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าก็ถูกสกัด ไม่รู้จะไปถึงไหน ถึงใคร
เมื่อถามว่าใช่พรรคพลังประชารัฐหรือไม่ หรือสีอะไร และเป็นกระบวนการเดียวกับ สว. หรือไม่ ‘พร้อมพงศ์’ หัวเราะแห้ง ก่อนตอบว่า “ผมตอบไม่ได้ แต่คนในวงการเขารู้ให้ไปถามคนในวงการ”
ที่ โรงแรมดิเอ็มเมอรัลด์ กรุงเทพฯ ‘พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์’ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานด้านกฎหมาย ที่ได้รับมอบอำนาจจาก ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ได้เปิดภาพที่ ‘ชูวิทย์’ กำลังจับมือกับ ‘เศรษฐา’ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดย ‘พร้อมพงศ์’ อธิบายว่าเป็นภาพที่ ‘ชูวิทย์’ เข้ามาที่บริษัท แสนสิริฯ เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 เพื่อเจรจาเสนอขายที่ดินให้ ‘เศรษฐา’ และผู้บริหารของแสนสิริฯ แต่ทางบริษัท แสนสิริฯ ได้ปฎิเสธ เพราะประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย
เพราะก่อนหน้านั้น ‘ชูวิทย์’ ได้ขายที่ดิน ที่อยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ให้กับ บริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) ไปในราคา 2,000 ล้านบาท โดยมีการจ่ายมัดจำกันไว้ 400 ล้านบาท ส่วนที่เหลือยังไม่ได้จ่ายเพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่โควิด
พร้อมฝากไปถาม ‘ชูวิทย์’ ว่าหลังวันที่ 8 กันยายน 2565 ทางครอบครัวของชูวิทย์ ได้ให้ฝ่ายกฎหมายไปบอกเลิกสัญญากับ บริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) เพื่อหวังจะมาขายที่ดินให้กับแสนสิริฯ จริงหรือไม่ อีกทั้งตามปกติแล้ว ‘ชูวิทย์’ จะไม่ยอมไปพบใครง่าย และตัว ‘ชูวิทย์’ ก็ไม่ได้สนิทสนมกับ ‘เศรษฐา’ ถึงขนาดที่จะไปนัดกินกาแฟกันเฉยๆ การพบกันครั้งนี้จึงเป็นวาระสำคัญ
จุดนี้เองที่ ‘พร้อมพงศ์’ นำมาตั้งข้อสังเกตว่าการที่ ‘ชูวิทย์’ อ้างว่าแฉเพื่อชาติ และปฎิเสธว่าไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวกับ ‘เศรษฐา’ และไม่ได้ขายที่ดินให้กับแสนสิริ เป็นเรื่องโกหก เชื่อว่าเรื่องนี้ทำให้ ‘ชูวิทย์’ ไม่พอใจและเป็นเหตุให้ออกมาเคลื่อนไหว รวมถึงยังมีวาระอื่นซ่อนเร้นด้วย จึงขอตั้งคำว่า ‘ชูวิทย์’ แฉเพื่อใครกันแน่
หลังการแถลงข่าว ‘พร้อมพงศ์’ ได้เรียกพนักงานขนส่งพัสดุ มารับป้ายไวนิลที่สกีนภาพวันที่ ‘ชูวิทย์’ เข้าเจรจาขายที่ดินให้ บริษัท แสนสิริฯ ไปให้ส่งให้ ‘ชูวิทย์’ ถึงที่โรงแรม เดวิส เพื่อทวนความจำและไม่ลืมพฤติกรรมของตัวเอง
นอกจากนี้ ‘พร้อมพงศ์’ ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม โดยย้ำว่า ‘เศรษฐา’ ไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่ ‘ชูวิทย์’ กล่าวหา และไม่มีประวัติด่างพร้อย ไม่มีมลทินมัวหมอง ต่างจาก ‘ชูวิทย์’ ไม่มีคุณสมบัติทางการเมือง แบบนี้จะเชื่อถือได้หรือไม่ พร้อมบอกว่าตัวเองรู้จัก ‘ชูวิทย์’ ดี เพราะเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขในเรือนจำพิเศษกรุงเทพด้วยกันมา ร่วมกับ ‘เสธหิ-หิมาลัย ผิวพรรณ’ ด้วย
แต่วันนี้ตนอยากแม้ไม่มีตำแหน่ง แต่อยากมาสร้างตำนาน ตรวจสอบคนที่ตรวจสอบคนอื่นอีกที เพื่อความถูกต้อง อยากฝากความห่วงใย ถึง ‘ชูวิทย์’ ว่าเบาได้เบา และยังแฉ ‘เศรษฐา’ ต่ออีก ก็พร้อมฟ้องกับเพิ่มเช่นกัน
"พี่ชูมี 21 คดี และเมื่อเช้าอีก 1 คดี เป็น 22 คดี แล้วไป ป.ป.ช. อาจจะโดนข้อหาเพิ่ม ผมเลยมาเตือนไว้ เพราะพี่ชูก็ไม่ค่อยสบาย อายุขนาดนี้แล้ว จะ 62 ปีแล้ว เบาได้เบาเถอะครับ ทำประโยชน์ ทำบุญทำทาน เป็นความหวังดีจากกัลยาณมิตร รักกัน เรียกพี่ชูตลอด แต่ตอนนี้จะเรียกพี่ชูแว๊ป"
ช่วงท้ายผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ ‘ชูวิทย์’ หวังผลทางการเมือง เป็นการทำเพื่อประโยชน์ของฝั่งไหน ‘พร้อมพงศ์’ นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนหัวเราะพร้อมตอบว่า ในวงการเขารู้กันทั้งนั้นว่า ‘ชูวิทย์’ สนิทกับใคร บิ๊กคนไหน ผมอยู่การเมืองมา 20 ปี พอรู้ ‘พิธา’ เป็นนายกฯ ไม่ได้ ‘เศรษฐา’ ก็ถูกสกัด ต่อให้เป็นแคนดิเดตคนอื่นของพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าก็ถูกสกัด ไม่รู้จะไปถึงไหน ถึงใคร
เมื่อถามว่าใช่พรรคพลังประชารัฐหรือไม่ หรือสีอะไร และเป็นกระบวนการเดียวกับ สว. หรือไม่ ‘พร้อมพงศ์’ หัวเราะแห้ง ก่อนตอบว่า “ผมตอบไม่ได้ แต่คนในวงการเขารู้ให้ไปถามคนในวงการ”
