เอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เขายื่นหนังสือต่อ ปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการและที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร และ พิมพ์กาญจน์ กีรติวิราปกรณ์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษก กมธ. เพื่อขอให้สนับสนุนการ “ยกเลิกกิจกรรมหน้าเสาธงในโรงเรียน และ กิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน”
เอกชัย ชี้แจงว่า เนื่องจากสัปดาห์หน้า โรงเรียนจะเปิดภาคเรียนการศึกษาใหม่ และจะต้องมีกิจกรรมหน้าเสาธงทุกวันตั้งแต่เวลา 07.45 น. หลายคนอาจมองว่าเข้าแถวเพียงไม่นาน ไม่เท่าไร แต่ปีนี้ร้อนมาก แม้แต่เวลา 08.00 น. อุณหภูมิเกือบ 30 กว่าองศาแล้ว และบังคับให้นักเรียนทุกคนร่วมกิจกรรมนี้ ซึ่งรวมระยะเวลาเกือบ 1 ชั่วโมงกับสภาพอากาศร้อนจัด ที่อาจทำให้นักเรียนมีความเสี่ยงจะเป็นลม หรือฮีทสโตรก (Heat Stroke)
ต้องการที่จะให้ทางคณะ กมธ.ประสานไปยังกระทรวงศึกษาธิการ มีคำสั่งยกเลิกกิจกรรมดังกล่าว โดยให้เริ่มดำเนินการนำร่องในภาคเรียนที่จะถึงนี้ทันที และหากเป็นไปด้วยความราบรื่น ก็ต้องการให้ยกเลิกทั้งหมด เพื่อป้องกันสุขภาพของนักเรียน
เอกชัย หงส์กังวาน
ทางด้าน ปารมี กล่าวว่า นโยบายการยกเลิกเข้าแถว เป็นนโยบายหลักของพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว เพราะเห็นว่ากิจกรรมเหล่านี้ ไม่เหมาะกับยุคสมัยปัจจุบัน ควรจะเปลี่ยนให้เป็นกิจกรรมที่ทันยุคสมัยและสร้างสรรค์มากขึ้น แต่หลายคนอาจแย้งว่า การเข้าแถวตอนเช้าเป็นการปลูกฝังวินัย แต่คิดว่าไม่สัมพันธ์กับความเป็นจริง เพราะเราเห็นว่าคนที่อายุ 50 กว่า ในวัยเรียนที่ต้องเข้าแถว เมื่อมาถึงปัจจุบันก็ไม่ได้มีวินัยในหลายๆ ด้าน เช่น วินัยจราจร เห็นได้จากการที่ผู้ใหญ่ขับรถผ่าไฟแดง
จึงคิดว่าการปลูกฝังวินัย ไม่สัมพันธ์กับการเข้าแถวในตอนเช้า ดังนั้น ควรยกเลิกและเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอื่น เช่น ให้นักเรียนพูดคุยกับครูให้เรื่องที่มีปัญหา หรือเป็นการเปิดอกคุยระหว่างครูกับนักเรียน เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยจะดีกว่า
ปารมี ไวจงเจริญ
ทั้งนี้ แม้จะมีคนแย้งว่า นักเรียนเข้าแถวช่วงเช้าอากาศยังไม่ร้อน แต่อย่าลืมว่า ปัจจุบันเราอยู่ในภาวะโลกเดือดและมีปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่รุนแรงมาก จึงคิดว่าแดดในช่วง 08.00 น. ก็ร้อนสำหรับนักเรียนแล้ว ดังนั้น พิธีกรรมเข้าแถวก็ไม่เหมาะกับยุคสมัยแล้ว จะเอาชีวิตของโลกผู้ใหญ่มาใช้กับภาวะของคนในยุคโลกเดือดไม่ได้แล้ว
จะนำเรื่องดังกล่าว ส่งเข้าไปยังคณะ กมธ.เพื่อเรียกกระทรวงศึกษาการ และโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย มาพิจารณาหาทางออกร่วมกัน
