รังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร นำแถลงผลการติดตามสถานการณ์การสู้รบในเมียนมา กับผลกระทบต่อความมั่นคงและชายแดนไทย ว่า วันนี้ใน กมธ. มีการพูดคุยถึงเรื่องน้ำมัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่มีการซื้อขายจากประเทศไทยถึง 25% และน้ำมันบางส่วน ใช้ในเรื่องอากาศยานที่ใช้ในปฏิบัติการโจมตี
สิ่งเหล่านี้ เป็นอำนาจต่อรองสำคัญที่ประเทศไทย สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างสันติภาพ และเพิ่มดุลในการเจรจากับรัฐบาลทหารเมียนมา
รังสิมันต์ โรม
วันนี้ ถ้าเรานับเฉพาะตัวเลขผู้หนีภัยการสู้รบ อาจจะดูไม่มาก มีแค่หลักพันเท่านั้น แต่ถ้าเรานับว่าตั้งแต่มีการรัฐประหารเมียนมา เป็นต้นมา จะพบว่า มีผู้หนีภัยจำนวนมหาศาล เราได้รับข้อมูลจากภาคประชาสังคมว่า คนเหล่านี้จำนวนมากต้องจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้คนเหล่านี้อยู่ในซอกหลืบ ดังนั้น วิธีการหนึ่งที่เราควรดำเนินการและสามารถทำได้คือ กลไกการออกบัตรประชาชนรหัสพิเศษ
ขอย้ำว่า ไม่ใช่การให้สถานะหรือบัตรประชาชนชาวไทย แต่เรากำลังพูดถึงอำนาจการดำเนินการเพื่อการตรวจสอบและติดตามได้
รังสิมันต์ โรม
รวมถึงมีข้อเสนอของอนุกรรมการฯ ว่า เราอาจจะใช้อำนาจตามมาตรา 17 พ.ร.บ.คนเข้าเมืองปี 2522 ที่จะให้ความเห็นชอบผู้ลี้ภัยเข้ามาในราชอาณาจักรได้ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาต หรือการอนุญาตสิ้นสุดลง และมีความจำเป็นต้องทำงานเลี้ยงชีพ ก็สามารถให้อยู่อาศัยได้ชั่วคราวได้ เพื่อเข้าสู่การบริหารจัดการตามกฎหมายในอนาคต วิธีการเหล่านี้จะตอบโจทย์ภาคเศรษฐกิจของเราที่ต้องการแรงงานได้
ด้าน ปิยรัฐ จงเทพ โฆษก กมธ. กล่าวว่า กมธ.เตรียมนำคณะลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ในช่วงวันที่ 12-14 พ.ค.นี้ เพื่อติดตามสถานการณ์และรับฟังปัญหาจากประชาชนโดยตรง ที่สำคัญหลังจากนั้น จะมีการเดินทางไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกระทรวงการต่างประเทศต่อไป