รัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการเข้าชี้แจง กับคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ถึงการส่งตัวชาวอุยกูร์ว่า เพื่อหาข้อเท็จจริงและทางออกให้กับประเทศชาติ ซึ่งได้ย้ำถึงการตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์ ไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า เป็นคำร้องขอจากทางการจีน มีหนังสือยืนยันรับรองความปลอดภัย และให้คำมั่นว่า จะไม่ทำให้ชาวอุยกูร์เป็นอันตราย จึงทำให้ไทยได้ตัดสินใจดำเนินการตัดสินใจส่งตัวชาวอุยกูร์กลับ แม้จะมีบางประเทศพร้อมรับตัวชาวอุยกูร์ แต่รัฐบาลก็เห็นว่า ทางออกที่ดีที่สุดคือการส่งตัวกลับจีน เพราะแม้หากประเทศที่ 3 จะยินดีรับ ก็ควรจะต้องไปหารือเจรจากับทางการจีนให้ประสานตัวส่งไปประเทศที่ 3 ด้วย
ส่วนข้อกังวลเรื่องความปลอดภัยนั้น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า จะต้องยึดมั่นในคำพูดของจีน ข้อกังวลที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องความปลอดภัยนั้น ก็เป็นเพียงสมมุติฐานว่า การส่งตัวกลับอาจจะไม่ปลอดภัย ซึ่งถือเป็นเพียงความเชื่อ แต่ทางการจีน ก็พร้อมให้มีการติดตามดูภายหลังการรับตัวชาวอุยกูร์ด้วย และกระทรวงการต่างประเทศ จะได้รับไปหารือถึงการเชิญผู้แทนจากสำนักจุฬาราชมนตรีไปติดตามชาวอุยกูร์ภายหลังการส่งตัวด้วย
สำหรับความแตกต่างในการส่งตัวชาวอุยกูร์ไปยังจีนในครั้งนี้ กับเมื่อ 11 ปีที่แล้ว จนทำให้หลายฝ่ายออกมาแสดงความกังวลถึงเรื่องความปลอดภัยต่อทั้งชาวอุยกูร์ และสถานการณ์ความปลอดภัยในประเทศไทยนั้น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า มณฑลซินเจียงในปัจจุบันมีความแตกต่างจากอดีต และการส่งตัวกลับไปในปัจจุบันนั้น มีการรับรองจากทางการจีนเป็นลายลักษณ์อักษร ที่ทำให้ไทยมีความมั่นใจ และสามารถติดตามภายหลังได้ ซึ่งแตกต่างจากเมื่อ 10 ปีที่แล้ว