รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 กล่าวถึงประเด็นห้ามถ่ายทอดสดการประชุมประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 69 ว่า “เมื่อครั้งที่นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อสภาได้มีการชี้แจงดัชนีคอร์รัปชัน ดิฉันจึงหวังว่าการพิจารณางบฯ 69 ซึ่งเป็นภาษีของประชาชน ถ้าไลฟ์สด ดัชนีคอร์รัปชันจะดีขึ้นแน่นอน เพราะประเทศที่มีอารยะ พัฒนาแล้ว และเป็นประเทศรายได้สูงหลายประเทศ มีการไลฟ์สดการประชุม กมธ. งบฯ”
“ดิฉันเห็นว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะมาหักล้างเหตุผลของดิฉันได้ เพราะเหตุผลที่ทุกคนพูดมา ดิฉันหักล้างได้ทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องความรับผิดชอบ หากมีผลกระทบหรือมีการพูดถึงข้อมูลลับหรือความมั่นคง ก็สามารถขอมติประชุมลับได้ และในเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคง ประธานในที่ประชุมสามารถตัดสินใจได้ว่าจะประชุมลับหรือเผยแพร่ และถ้าอยากควบคุมคอนเทนต์ 100% จริง ๆ ก็ควรถ่ายทอดสดเองจากช่องของรัฐสภา เพื่อควบคุมเนื้อหาได้ เชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาได้”
ส่วนที่บอกว่าจะมีการตำหนิข้าราชการ, จะดูไม่ดีต่อ สส. ถ้ามีการถ่ายทอดสด, ข้าราชการจะไม่กล้าชี้แจงไม่กล้าพูดเชิงลึก ห่วงข้าราชการจะได้รับผลกระทบนั้น ดิฉันมองว่าควรห่วงข้าราชการอย่างจริงใจ ไม่ได้ห่วงแต่ปาก แล้วให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงมาชี้แจงเอง ถือเป็นการปกป้องข้าราชการดีที่สุด รับผิดชอบด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการปกป้องข้าราชการที่ดีที่สุด ส่วนที่บอกว่าประชาชนจะรู้สึกไม่พอใจหากมีสมาชิกบางคนพูดอะไรที่ไม่ดีออกไปนั้น ถ้าดิฉันมีการถามอะไรโง่ๆ โดยไม่มีการทำการบ้าน ก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง ถ้ากลัวประชาชนจะด่า หรือว่าก็อย่าพูดอะไรที่เสร่อ หรือไม่ได้ทำการบ้านมา
เมื่อถามถึงข้อกังวลเรื่องคลิปจะถูกตัดต่อ? รักชนก กล่าวว่า “ดิฉันขอเสนอทางออกที่ดีที่สุด คือการให้ประชาชนเห็นคลิปเต็ม เพราะกรรมาธิการบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับการถ่ายทอดสด เช่น ไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคกล้าธรรม ได้บอกว่าการถ่ายทอดสดไม่มีประโยชน์อะไร ดิฉันขอตั้งคำถามไปยังคนที่เลือกเขามาทำหน้าที่ว่าเลือกมาได้อย่างไร และให้นายไผ่ไปถามประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการถ่ายทอดสด และขอให้ประชาชนไปบอกนายไผ่ด้วย เพราะดิฉันพูดหลายครั้งแล้วเขาก็ไม่ฟัง”
ส่วนกรณี วิสาร เตชะธีราวัฒน์ กมธ.จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพ่อตาของ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง อ้างว่า “ถูกตัดต่อคลิปบางช่วงบางตอนออกไป” รักชนก ตั้งข้อสังเกตว่า “ทำไมกล้าพูด แต่ไม่กล้ายอมรับฟังความเห็นจากประชาชน”
ขณะที่ ธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อ้างว่า “มีความแตกต่างระหว่าง สส.กทม. กับ สส.ต่างจังหวัด ที่ต้องปรับตัว” ก็เห็นว่า “ถ้าเป็นห่วงตัวเองขนาดนั้น ออกไปอยู่บ้านดีกว่าไม่ต้องเป็น สส.หรือรัฐมนตรีหรอก ถ้าจะไม่รับผิดชอบอะไรเลย ทุกคนที่อยู่ในห้องงบประมาณ ถ้าชีวิตนี้จะไม่รับผิดรับชอบอะไรในฐานะ สส.เลย ก็ไม่มีความอยากจะทำประโยชน์ให้ประเทศนี้ก้าวหน้า หรือว่าโปร่งใส ลดการคอร์รัปชัน ก็ลาออกเถอะ ไปอยู่บ้านจริงๆ ตัวท่านเองที่มีความคิดล้าหลังหลายคน ไม่เจาะจงว่าใคร อาจเป็นคนที่ถ่วงรั้งความเจริญของประเทศนี้อยู่”
ขอสื่อสารไปยังประชาชนทั่วประเทศว่า สิ่งที่เราประชุมทุกวันนี้คืองบประมาณ 3.8 ล้านล้านบาท ทำไมถึงต้องกระเสือกกระสน พยายามให้ประชาชนรับรู้และมีส่วนร่วมเพราะเป็นเงินของท่าน เมื่อวาน (16 มิ.ย.) ดิฉันโกรธจนหน้าสั่น แต่ถูกห้ามไม่ให้ร้องไห้ ทั้งที่เป็นสิทธิส่วนบุคคล ถ้ากลัวว่าต้องรับผิดชอบ ต้องขอเสนอให้ลาออก อย่ามาเป็นกรรมาธิการงบประมาณ, เป็น สส. หรือรัฐมนตรีเลย