กลายมาเป็นเรื่องตลกโปกฮา หรือแม้กระทั่งเรียกเสียงวิจารณ์ไปพอหอมปากหอมคอ สำหรับกรณีที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ออกมายืนยันว่าโกดังข้าว 10 ปี “ยังกินได้”
หนึ่งในคนที่ออกมาแสดงความเรื่องนี้คือ ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมองว่า เรื่องนี้คงไม่มีใครขัดข้อง ถ้าข้าวที่เก็บไว้ในโกดังยังมีคุณภาพดี สามารถบริโภคได้ หุงได้ กินได้ แต่ดูจากข้อเท็จจริงแล้ว เจ้าหน้าที่นำข้าวสารไปเตรียมการหุง ก่อนหุงข้าว ซาว 13-15 น้ำนั้น น้ำซาวข้าวมีมอดลอยอยู่เป็นจำนวนมาก ย่อมแสดงให้เห็นว่า ข้าวไม่ได้คุณภาพอย่างแท้จริง
นายภูมิธรรม ควรเอาข้าวในโกดังดังกล่าว ไปหุงให้รัฐมนตรีได้กินกันทั้งคณะ ในทุกวันอังคารที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรี แต่ต้องแนะนำแม่บ้านที่หุงข้าว ไม่อยากให้ซาวน้ำหลายครั้ง เพราะถ้าซาวน้ำมากกว่า 3 ครั้ง อาจจะทำให้สูญเสียสารอาหารและกลิ่นหอมในข้าวได้ ก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและประหยัดค่าใช้จ่ายได้
ราเมศ กล่าวต่อไปว่า กระบวนการตรวจคุณภาพของข้าว ว่ามีคุณภาพสามารถบริโภคได้หรือไม่ มีกระบวนการหลักการอยู่ มีหลายหน่วยงานที่สามารถเข้ามาช่วยกันได้เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ว่าบริโภคได้แน่ เพราะถ้าหากข้าวที่ไม่มีคุณภาพหลุดออกไปประชาชนผู้บริโภคคือผู้รับกรรม การตักข้าวใส่ปากกินโชว์ของรองนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่มาตรฐานการตรวจวัดคุณภาพข้าว
และภาพมันฟ้องว่า แม้แต่ตัวรองนายกฯ เองก็ไม่มีความกล้าเต็มร้อย เพราะเน้นกับ ไม่เน้นข้าว
มีคนฝากถาม ช้อนซื้อที่ไหนตักติดแต่กับไม่ค่อยติดข้าว และอีกอย่างที่รองนายกรัฐมนตรีมีความประสงค์จะสื่อสารคือ โครงการรับจำนำข้าวไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ซึ่งการมากินข้าวโชว์ก็เช่นกัน ที่ไม่สามารถมาลบล้างเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาในคดีทุจริตรับจำนำข้าวได้แม้แต่บรรทัดเดียว