กรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพิจารณาไต่สวนคดีชั้น 14 ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 มิ.ย. 68
เรื่องนี้มีความเห็นจาก รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่มองว่า กรณีชั้น 14 มีความชัดเจนอยู่แล้วว่า มีปัญหาจริงๆ มีทั้งพยานหลักฐานแวดล้อม และการพูดของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่สันนิษฐานได้ว่าแพทองธารรู้เรื่องนี้ดีที่สุด องค์ประกอบจิ๊กซอว์ต่างๆต่อออกมาชัดเจนว่า กรณีชั้น 14 เป็นกรณีแกล้งป่วย ทำให้ทักษิณไม่ต้องติดคุกจริง
ยิ่งกว่านั้นยังพบหลักฐานการใช้โทรศัพท์มือถือต่างๆ ที่อาจบ่งชี้ได้ว่า ทักษิณอาจบัญชาการสั่งการต่างๆ รวมถึงการปล่อยให้บุคคลภายนอกไปเจอทักษิณ จึงชัดเจนว่าการติดคุกของทักษิณไม่มีอยู่จริง มีความจำเป็นที่องค์กรต่างๆ และศาลต้องใช้กลไกกฎหมายตรวจสอบทักษิณอย่างจริงจัง
ส่วนตัวมองประเทศอย่างไม่สบายใจ เห็นภาพประธานสภาผู้แทนราษฎร เจอกับประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ฝ่ายค้านส่งเรื่องให้ประธานสภาตรวจสอบประธาน ป.ป.ช. มานานแล้ว แต่ไม่เห็นความคืบหน้าว่า รัฐสภาจะส่งเรื่องนี้เมื่อใด ทั้งที่มีคลิปวิดีโอออกมาขนาดนี้ ถ้าส่งเรื่องไปให้ประธานศาลฎีกาตั้งคณะกรรมการไต่สวนจะเห็นความจริงอีกหลายอย่างมากขึ้น
ส่วนจะเกี่ยวกับกับชั้น 14 หรือไม่นั้น มองว่า วันนี้องค์กรต่างๆแทบไม่สามารถเชื่อมั่นได้เลยว่า จะจัดการคดีชั้น 14 ดังนั้นการตั้งคณะกรรมการไต่สวนกรณีชั้น 14 จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะ ตอนนี้แทบไม่เหลือองค์กรใดจัดการชั้น 14 แล้ว บ้านเมืองกำลังถูกกัดกร่อนทำลายจากความอยุติธรรมที่ช่วยเหลือพ่อ เพื่อน พวกพ้อง
เมื่อถามว่าที่ผ่านมาองค์กรตรวจสอบไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รังสิมันต์ ระบุว่า ศาลมีดาบอยู่ในมือที่เข้มแข็งมากที่สุดกว่าทุกองค์กร ถ้าใครไม่ปฏิบัติตามศาล มีโทษจำคุกค้ำอยู่ ค่อนข้างมั่นใจว่าหน่วยงานต่างๆต้องให้ความร่วมมือมากยิ่งขึ้น
และต้องกลับไปถามนายกรัฐมนตรีและองค์กรที่เกี่ยวข้องว่า ถ้ามั่นใจกรณีชั้น 14 ทำถูกต้อง โปร่งใส เหตุใดไม่ให้ความร่วมมือ ทั้งแพทยสภา ป.ป.ช.ก็ประสบปัญหา สภาก็ประสบปัญหา อภิปรายไม่วางใจนายกรัฐมนตรีแทนที่จะตอบเรื่องนี้กลับไปเอาเรื่องพันธมิตร มาพูดทั้งๆที่ไม่มีมูลความจริง นายกรัฐมนตรีกลายเป็นหนึ่งในคนที่เผยแพร่เฟคนิวส์ วันนี้บ้านเมืองไปกันใหญ่แล้ว ศาลจึงเป็นที่พึ่งหวัง สร้างความกระจ่างเรื่องนี้