‘โรม’ เชื่อ ‘ภท.’ แกนนำรัฐบาลตัวจริง ตอก ‘ทักษิณ-ภูมิธรรม’ ปมตากใบ

8 ต.ค. 2567 - 08:01

  • ‘โรม’ มอง ‘เนวิน-อนุทิน’ เข้าบ้านจันทร์ฯ สะท้อน ‘ภูมิใจไทย’ แกนนำรัฐบาลตัวจริง-มีอำนาจชี้นำ

  • ถาม ‘ทักษิณ’ ช่วงเกิดคดีตากใบ ปี 47 ทำไมไม่หยุดตีกอล์ฟ เพื่อไปแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิด

  • ตอก ‘ภูมิธรรม’ ขาดวุฒิภาวะ แก้ไฟใต้ไร้คำตอบ

rangsiman_8_oct_2024_SPACEBAR_Hero_98faafb1d8.jpg

ที่รัฐสภาวันนี้ (8 ต.ค.) รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์สื่อถึงความเคลื่อนไหวการเมืองในหลายประเด็น เริ่มต้นที่กรณี เนวิน ชิดขอบ และ อนุทิน ชาญวีรกูล แกนนำพรรคภูมิใจไทย เข้าพบ ทักษิณ ชินวัตร ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า

ประเด็นนี้ รังสิมันต์ มองว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่เรื่องนี้สะท้อนการเมืองหลายอย่าง เช่น ความเป็นเอกภาพทางการเมือง ที่พรรคภูมิใจไทยมีบทบาทชี้นำรัฐบาลหลายอย่าง เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคภูมิใจไทยมีบทบาทค่อนข้างมาก

“ตอนนี้เราเริ่มไม่แน่ใจว่าใครคือพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำ แล้วที่เหลือเป็นอาจเป็นพรรคร่วม เราบอกได้ว่าตอนนี้พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแกนนำตัวจริง เพราะการตัดสินใจหลายๆ อย่าง การพลิกไปพลิกมาที่เราเห็นของฝั่งรัฐบาล ล้วนถูกชี้นำโดยพรรคภูมิใจไทยทั้งสิ้น”

รังสิมันต์ กล่าว

พร้อมย้อนว่าในประวัติศาสตร์การเมืองไทย คุณเนวินกับคุณทักษิณ เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขและมีความขัดแย้งกันมา วันนี้ต้องกลับมาร่วมกันอีก อาจด้วยเหตุผลทางการเมือง แต่ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะจบที่ มันจบแล้วครับนายหรือไม่

“ถึงบอกว่าประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอยกันได้ เราก็ไม่รู้ว่าจะซ้ำรอยไหน รอยร่วมทุกข์ร่วมสุขหรือรอยที่มันจบแล้วครับนาย เราก็ไม่ทราบ”

รังสิมันต์ กล่าว

รังสิมันต์ ยังมองว่า ต่อให้ทักษินเป็นกาวใจ ก็อาจไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไร และสุดท้ายความฝันของคุณเนวินที่อยากให้คุณอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีจะเป็นจริงหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป 

ส่วนข่าวลือเรื่อง นายกรัฐมนตรีแบบคนละครึ่ง รังสิมันต์มองว่า ไม่ควรเกิดขึ้น เนื่องจากการแบ่งตำแหน่งลักษณะนี้ส่งผลให้การเมืองขาดเสถียรภาพ และอาจเป็นการเล่นเก้าอี้ดนตรีทางการเมืองที่ไม่เหมาะสม 

ยังไม่เคยเห็นนายกฯ พ้นตำแหน่ง จากการตั้งที่ปรึกษาฯ ปม ‘เรืองไกร’ ยื่นสอย ‘อิ๊งค์’ ตั้งเต้นเป็นที่ปรึกษาฯ

เมื่อถามว่าการที่ เนวินและอนุทิน ไปพบทักษิณถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า เป็นการดีลกันทางการเมืองหรือไม่ เนื่องจากเป็นจังหวะเดียวกันกับที่  เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ไปยื่นเรื่องให้ กกต. ตรวจสอบ แพทองธาร ชินวัตร ว่าเข้าข่ายผิดจริยรรมหรือไม่ กรณีตั้ง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เนื่องจากทั้งคู่เคยต้องโทษจำคุกคดีทางการเมืองมาก่อน 

รังสิมันต์ ระบุ ยังไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้น และ ยังไม่เคยเห็นกรณีที่นายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะตั้งที่ปรึกษา ย้ำว่า พรรคประชาชนไม่สนับสนุนการใช้นิติสงครามเพื่อแก้ปัญหาการเมือง พร้อม เรียกร้องให้ ณัฐวุฒิ ช่วยแนะนำนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องนิรโทษกรรม ที่ประชาชนหลายกลุ่มยังรอคอยคำตอบจากรัฐบาลอยู่

“ผมเองก็หวังว่าพี่เต้น จะใช้โอกาสนี้ในการที่ได้นั่งเป็นที่ปรึกษาช่วยแนะนำนายกฯ หน่อย ว่าเรื่องนิรโทษกรรม มันควรจะมีทางออกได้แล้ว มีคนจำนวนมากเห็นคุณณัฐวุฒิเป็นไอดอล คาดหวังว่ารัฐบาลนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในเรื่องยุติธรรมได้ รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลมา 1 ปีกว่าแล้ว ควรจะมีคำตอบให้ประชาชน อย่าให้ต้องสับสนมึนงง”

รังสิมันต์ กล่าว

‘โรม’ ซัดรัฐบาลไม่เคลียร์คดี ‘ตากใบ’ ถาม ‘ทักษิณ’ หยุดตีตีกอล์ฟเพื่อไปแก้ปัญหาก่อนไม่ได้หรือ ตอก ‘ภูมิธรรม’ ขาดวุฒิภาวะ แก้ปมไฟใต้ไร้คำตอบ

นอกจากนี้ รังสิมันต์ ยังแสดงความไม่พอใจต่อการจัดการคดีตากใบของรัฐบาล โดยวิจารณ์ว่า ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่มีความสามารถในการจัดการปัญหาดังกล่าว พร้อมตำหนิการตอบคำถามของรัฐบาลว่าไม่มีเนื้อหาสาระและขาดวุฒิภาวะ

“มันกลายเป็นว่าท่านต้องการที่จะโชว์ถึงวุฒิภาวะ พยายามทำตัวว่าใจเย็นจังเลย แต่เรื่องนี้ไม่มีคำตอบอะไรให้กับสังคมเลย การตอบของรัฐมนตรีอย่างมีวุฒิภาวะที่ดีที่สุด คือการตอบแบบมีเนื้อหาสาระ ปัญหาคือนายภูมิธรรมเป็นบุคคลที่ไม่มีวุฒิภาวะอะไรเลย ในการที่จะเป็นรองนายกฯและดูแลความมั่นคง ไม่น่าเชื่อว่าตัวท่านเองจะเคยผ่านเหตุการณ์ที่รุนแรงมาก่อน แล้วปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไป”

รังสิมันต์ กล่าว

และมองว่าพรรคเพื่อไทยคงอยากให้เรื่องนี้จบลงที่ พล.อ.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เท่านั้น และชี้ให้เห็นว่าเรื่องนี้จะมองแค่รัฐบาลนี้ไม่ได้ ต้องมองย้อนกลับไปสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยด้วย 

พร้อมตั้งคำถามย้อนถึงบทบาทของ ทักษิณ ชินวัตร ในเหตุการณ์นี้เมื่อปี 2547 โดยตั้งข้อสงสัยว่าทำไมทักษิณจึงไม่เข้ามาแก้ไขปัญหาในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ตากใบอย่างใกล้ชิด

“ผมถามว่าในวันที่เกิดเหตุการณ์ตากใบ จุดเริ่มต้นมันเริ่มตั้งแต่ตอนเช้าของวันที่ 25 ต.ค. 2547 คุณทักษิณให้สัมภาษณ์เองว่าตีกอล์ฟอยู่ ผมเข้าใจดีว่าวันนั้นเป็นวันหยุด คุณทักษิณมีสิทธิ์ที่จะตีกอล์ฟ แต่เราต่างรู้ดีว่าเหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นหลังจากการปล้นปืน กรือเซะ มีความละเอียดอ่อนอย่างไร เมื่อเริ่มมีการชุมนุม คุณจะพักการตีกอล์ฟมาติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดไม่ได้เลยหรือ มากไปกว่านั้น ถ้าคุณรู้ว่าเรื่องนี้มันกินระยะเวลายาวนาน เมื่อมีการชุมนุม ควบคุมฝูงชนที่ค่อนข้างรุนแรง มีการประทะกัน และมีคนตาย คุณจะไม่สามารถทำหน้าที่อย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่”

รังสิมันต์ กล่าว

รังสิมันต์ ยังระบุว่า มันกลายเป็นว่าท่านต้องการที่จะโชว์ถึงวุฒิภาวะ พยายามทำตัวว่าใจเย็น แต่เรื่องนี้ไม่มีคำตอบอะไรให้กับสังคมเลย การตอบของรัฐมนตรีอย่างมีวุฒิภาวะที่ดีที่สุด คือการตอบแบบมีเนื้อหาสาระ ปัญหาคือนายภูมิธรรมเป็นบุคคลที่ไม่มีวุฒิภาวะอะไรเลย ในการที่จะเป็นรองนายกฯและดูแลความมั่นคง ไม่น่าเชื่อว่าตัวท่านเองจะเคยผ่านเหตุการณ์ที่รุนแรงมาก่อน แล้วปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไป” นายรังสิมันต์ กล่าว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์