จี้รัฐบาลดันแก้ปัญหา ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์-ค้ามนุษย์’ เป็น ‘วาระแห่งชาติ’

8 ม.ค. 2568 - 08:36

  • ‘โรม’ จี้ดันแก้ปัญหา ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์-ค้ามนุษย์’ เป็น ‘วาระแห่งชาติ’

  • ชี้ขึ้นอยู่กับ ‘รัฐบาล’ จะทำหรือไม่ เปรียบไทยไม่ต่างจากนายหน้าทางผ่าน

  • บ่นเรื่องนี้พูดไม่รู้กี่รอบแล้ว แนะเพิ่ม ‘มาตรการพิเศษ’ ในพื้นที่ ‘ละเอียดอ่อน’

  • หวั่นกระทบอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หลังต่างชาติเตือน

Rangsiman_Urge_government_push_problem_call_center_gangs_human_trafficking_as_national_agenda_SPACEBAR_Hero_b2949a4c61.jpg

ถือเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางสำหรับกรณี ‘หวัง ซิง’ หรือ ‘ซิง ซิง’ (Xing Xing) นักแสดงชาวจีน ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไปทำงาน โดยมีประเทศไทยเป็นทางผ่าน ซึ่งมีการตั้งคำถามไปถึงรัฐบาลถึงการแก้ปัญหา เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก

ขณะที่ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นประเด็นดังกล่าว ว่า เรื่องนี้จะมองว่าเป็นปัญหาของประเทศอื่นไม่ได้ แต่เป็นปัญหาของประเทศเราด้วย

เพราะเราไม่แตกต่างจากการเป็นนายหน้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เลย เนื่องจากเวลาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงไปเป็นการค้ามนุษย์ จะอ้างว่ามาทำงานในประเทศไทย วันนี้ต้องยอมรับว่า ประเทศไทยต้องทำมากกว่าที่เป็นอยู่ น่าเสียดายที่เราปล่อยประละเลย

รังสิมันต์ โรม

การช่วยเหลือ ซิง ซิง ได้เป็นเรื่องดี แต่ยังมีคนจำนวนมากที่เป็นเหยื่ออยู่ อาจจะมากกว่า 6,000 คน ตามที่มีการรายงาน ในบริเวณพื้นที่เมียวดี ซึ่งเป็นอาคารสถานที่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่น้อยกว่า 35 แห่ง มีคนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมคอลเซ็นเตอร์ไม่น้อยกว่า 300,000 คน

ฉะนั้น คนที่เป็นเหยื่อ หรือไม่ได้สมยอมที่จะไปเป็นคอลเซ็นเตอร์มีอีกเยอะมากมาย เพียงแต่เราไม่มีมาตรการที่จะดำเนินคดี รัฐบาลสามารถทำได้ อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะทำ หรือไม่ทำ

รังสิมันต์ โรม

รังสิมันต์ ชี้ให้เห็นว่า ชเวก๊กโก ในเมียนมาถูกนำเสนอเป็นเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนบังหน้า แต่มีคอลเซ็นเตอร์เป็นธุรกิจที่แท้จริง และวันนี้ เจ้าของถูกดำเนินคดี และถูกจับอยู่ในประเทศไทย หากรัฐบาลอยากจะแก้ปัญหาเรื่องการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง เราต้องทำหลายอย่าง ทั้งการตัดน้ำ ตัดไฟ สกัดกั้นบริเวณชายแดนให้มีความเข้มแข็ง จัดการกับข้าราชการที่ทุจริตคอรัปชั่น

เพราะธุรกิจสีเทาที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน สุดท้ายก็เกี่ยวพันกับข้าราชการไทย นักการเมืองไทย และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการค้ามนุษย์ จึงอยากให้รัฐบาลหยิบเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ

รังสิมันต์ โรม

ส่วนจะเกี่ยวกับการฟรีวีซ่าหรือไม่นั้น ก็ต้องยอมรับว่าเกี่ยวกัน ตราบใดที่ฟรีวีซ่าสามารถเดินทางทั่วราชอาณาจักรได้ทุกตารางนิ้ว ตำรวจก็จับไม่ได้ ต่อให้รู้ว่าจะมีธุรกิจสีเทา หรือเป็นหนึ่งในกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์แต่หากไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ก็ไม่สามารถจับได้ 

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องทบทวนเรื่องพื้นที่ละเอียดอ่อนทางความมั่นคง ซึ่งอาจจะต้องมีมาตรการพิเศษ การสนับสนุนเรื่องการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

อยากเห็นแม่สอดมีการพัฒนาในระดับสูง แต่ปัญหาคือวันนี้ธุรกิจที่เข้าไปเยอะมาก คือ ธุรกิจสีเทา ซึ่งอาศัยฟรีวีซาแล้วเดินไปในทุกตารางนิ้ว ทำให้อาจจะต้องมีมาตรการบางอย่างเพิ่มขึ้นเช่น การจำกัดฟรีวีซาให้เดินไปในบางพื้นที่ไม่ได้ หรืแหากจะเดินทางไปต้องรายงานตัว อย่างน้อยที่สุด ก็เพื่อให้เรามีฐานข้อมูล เพราะถ้าไม่มีกระบวนการอะไรเลย ประเทศไทยจะไม่ต่างอะไรจากการเป็นนายหน้าค้ามนุษย์ ซึ่งต้องบอกว่า เป็นเครือข่ายมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

รังสิมันต์ โรม

เมื่อถามว่า กมธ.จะมีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อทำข้อเสนอไปยังรัฐบาลหรือไม่? รังสิมันต์ กล่าวว่า “พูดตรงๆ ก็อยากถอนหายใจ เพราะพูดไปไม่รู้กี่รอบแล้ว เวลาถามรัฐบาลในสภาฯ ก็ไม่มาตอบ ไม่ให้ความสัมพันธ์เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ”

รังสิมันต์ เปิดเผยด้วยว่า มีคนกัมพูชาเป็นเหยื่อค้ามนุษย์มากกว่า 100 คน เรื่องนี้เป็นวาระใหญ่ที่เราต้องดำเนินการ สถานเอกอัครราชทูตต่างๆ ก็มีการเตือนพลเมืองของเขาว่า การเดินทางมาประเทศไทยสุ่มเสี่ยงอันตราย ซึ่งอาจส่งผลทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเรากำลังจะพังทลาย

ภาคประชาสังคมเอง ก็รายงานว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์แฝงตัวเป็นไกด์ล่อลวงนักท่องเที่ยวเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงอยากถามว่า ใครจะมาเที่ยวประเทศไทย

รังสิมันต์ โรม

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์