พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ทำพิธีส่งมอบหน้าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้แก่ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ท่านใหม่ ที่ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม โดยมีนายทหารชั้นนายพลที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งใหม่ เข้าร่วมพิธี
พล.ร.อ.อะดุง กล่าวยินดีตอนหนึ่งกับ พล.ร.อ.จิรพล ว่า “พล.ร.อ.จิรพล เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 23 เป็นนักเรียนนายเรือที่ได้รับคัดเลือกไปเรียนที่โรงเรียนนายเรือเมอร์วิค ประเทศเยอรมนี แล้วกลับมาเดินชีวิตราชการ เฉกเช่นนายทหารเรือที่จบจากโรงเรียนนายเรือ ผ่านการศึกษาหลักสูตรภาคบังคับครบทุกหลักสูตร และหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรสาธารณรัฐประชาชนจีน ปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เคยเป็นผู้บังคับการเรือ ผู้บังคับหน่วย ปฏิบัติหน้าที่ทั้งในหน่วยศึกษา ฝ่ายอำนวยการ หัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ ผบ.ทร. ผมมีความเชื่อมั่นว่า พล.ร.อ.จิรพล จะนำความรู้ความสามารถที่สั่งสมมา นำพากองทัพเรือให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างสง่างาม เต็มภาคภูมิต่อไป”
ขณะที่ พล.ร.อ.จิรพล กล่าวชื่นชม พล.ร.อ.อะดุง ในการดำรงตำแหน่ง ผบ.ทร. 1 ปี ว่า นับตั้งแต่ พล.ร.อ.อะดุง สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือและบรรจุรับราชการทหารเรือ ทั้งรุ่นพี่รุ่นเพื่อน รุ่นน้อง ที่ได้ร่วมงานกับ พล.ร.อ.อะดุง ต่างยอมรับในความรู้ความสามารถ ความซื่อสัตย์ สุจริต ขยันหมั่นเพียร รวมถึงความเป็นผู้นำในการปกครองบังคับบัญชา จนได้ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำสูงสุดของกองทัพเรือ ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา พล.ร.อ.อะดุง ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจ ในภารกิจสำคัญในการพัฒนากองทัพเรือ โดยมุ่งเน้นในการพัฒนาด้านต่างๆ รวมกว่า 210 งาน ได้แก่ การพัฒนาด้านกำลังพล-สวัสดิการ การพัฒนาด้านการค้า-เทคโนโลยีสารสนเทศ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และการพัฒนาอุตสาหกรรมประเทศ พัฒนาด้านกิจการพลเรือน สายงานด้านสมาคมภริยาทหารเรือ เป็นต้น
ตลอดจนเสริมสร้างความมั่นคงเข้มแข็งให้กองเรือ เป็นผลให้ของทัพเรือมีความเจริญก้าวหน้า เป็นที่ยอมรับศรัทธาของประชาชน ในวาระที่ พล.ร.อ.อะดุง เกษียณอายุราชการ กำลังพลทุกนายขอจดจำคุณงามความดีที่ได้กระทำไว้อย่างไม่ลืม รวมทั้งจะถือเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติราชการ
ทั้งนี้ภายหลังพิธีส่งมอบหน้าที่ นายทหารและกำลังพลกองทัพเรือ ได้ตั้งแถวมอบดอกกุหลาบให้กับ พล.ร.อ.อะดุง ตั้งแต่หลังท้องพระโรง พระราชวังเดิม ไปจนถึงทางเข้า บก.ทร.วังเดิม โดยระหว่างทาง พล.ร.อ.อะดุง ร้องไห้ และกล่าวอำลากับกำลังพลตอนหนึ่งว่า “ช่วงหลังเจอทัวร์เยอะเหลือเกิน”
โดยก่อน พล.ร.อ.อะดุง จะขึ้นรถออกจาก บก.ทร. ได้กล่าว พล.ร.อ.จิรพล ว่า “ดูแลกองทัพเรือด้วย ทำให้ดีที่สุด คำครหา คำปรามาสนะ” จากนั้น พล.ร.อ.จิรพล ตอบกลับว่า “จะทำเต็มที่ เต็มกำลังความสามารถ” และทั้งคู่ได้สวมกอดกัน จากนั้นขบวนรถของ พล.ร.อ.อะดุง ได้เคลื่อนออกจาก บก.ทร.
ต่อมา พล.ร.อ.จิรพล ให้สัมภาษณ์เมื่อสื่อถามถึงความกลมเกลียวภายในกองทัพเรือ จะเสริมสร้างอย่างไรในระยะเวลา 1 ปี ว่า “กำลังพล ทร. ของเราทำงานร่วมกัน มีกำลังหลากหลาย ทั้งพลทหาร ชั้นประทวน นายทหารที่มาจากเหล่าหลัก พรรคนาวิน สายแพทย์ เยอะแยะเต็มไปหมด ความกลมกลืนประสานการทำงานกัน ทุกคนรู้หน้าที่ ทำงานในหน้าที่ได้อย่างชัดเจน ไม่เห็นจะต้องมีกังวลอะไรเลย”
เมื่อถามย้ำว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างกันส่งผลต่อการบริหารงานหรือไม่ พล.ร.อ.จิรพล กล่าวว่า “ความคิดเห็นที่แตกต่างเป็นเรื่องดี ผมยินดีรับฟังทุกความคิดเห็น แล้วต้องหาข้อมูลหลักการมาวิเคราะห์ เพื่อหาทางออกเท่านั้นเอง ความคิดเห็นแตกต่างไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ซึ่งทุกประเทศต้องไปดูว่ามีเรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์ ในสภาฯเองก็มีการวิพากษ์วิจารณ์”
เมื่อถามถึงกรณีการเป็นนักเรียนนอกคนแรกที่ขึ้นเป็น ผบ.ทร. นั้น พล.ร.อ.จิรพล กล่าวว่า “ก็อย่าไปคิดมากครับ”
เมื่อถามย้ำว่าอยากขอร้องให้จบหลังโผทหารออกแล้วหรือไม่ พล.ร.อ.จิรพล ยิ้มตอบว่า “ผมไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้”
เตรียมแผน ‘เรือดำน้ำ-ซื้ออาวุธ’ คุย ‘ภูมิธรรม’ ก้าวทีละก้าว กินข้าวทีละคำ
พล.ร.อ.จิรพล ให้สัมภาษณ์หลังพิธีรับ- ส่งหน้าที่ว่า สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ตนเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ ซึ่งตำแหน่งนี้ต้องดูแลกองทัพเรือ เป็นภาระที่หนักอึ้งเมื่อมีคำสั่งให้ทำหน้าที่ ก็ต้องพร้อมทำหน้าที่
เมื่อถามว่า พล.ร.อ.อะดุง บอกให้ ผู้บัญชาการทหารเรือทำหน้าที่ให้เต็มที่เพื่อลบคำสบประมาท พล.ร.อ.จิรพล กล่าวว่า เป็นธรรมชาติของทุกคนไม่ว่าตนหรือใครที่ขึ้นมาตำแหน่งนี้ ก็ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ไม่มีใครสามารถย่อหย่อนได้เลย เพราะความมั่นคงเป็นเรื่องสำคัญของชาติ
ส่วนหลักคิดที่ทำให้ตนเดินหน้าต่อไปได้นั้นก็คือการคิดบวก ไม่เอาเรื่อง เนกกาทีฟ มาใส่ใจ รับฟังทุกเรื่องและหาข้อมูลมาวิเคราะห์ก่อนตัดสินใจ ซึ่งก็เชื่อว่าทุกคนมีหลักคิดเดียวกัน
สำหรับแนวทางผลักดันโครงการ จัดหาเรือดำน้ำนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ ระบุว่า ในช่วงเช้าได้หารือกับ พลร.อ.อะดุง ในเบื้องต้น แต่คงจะให้คณะกรรมการบริหารโครงการเรือดำน้ำมา ชี้แจงในรายละเอียดอีกครั้งแต่ในภาพรวมได้เสนอไปที่กระทรวงกลาโหมแล้วซึ่ง นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ขอเวลาศึกษา ตนก็จะขอท่านเข้าไปชี้แจง ว่าประเด็น ที่เกี่ยวข้องมีอะไรบ้าง และท่านรัฐมนตรีหนักใจเรื่องอะไรก็จะเข้าไปชี้แจงทั้งหมด ซึ่งเรือดำนำ้เป็นเรื่องที่สำคัญอยู่แล้ว เพราะเป็นกำลังรบที่สำคัญที่เราวางแผนไว้ ทั้งหมดอยู่ในแผนพัฒนากำลังรบของกองทัพเรือ
พล.ร.อ.จิรพล ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการไปชี้แจงในคณะกรรมาธิการฯสภา ซึ่งมีฝ่ายค้าน อยู่ด้วยว่า เป็นหน้าที่ของเราที่เราต้องเข้าไปชี้แจงให้ทุกฝ่ายเข้าใจถึงความสำคัญของความมั่นคงทางทะเล โดยกองทัพเรือดูแลอยู่สภาพแวดล้อมด้านนี้ ณ ปัจจุบัน ไม่ได้แค่ในประเทศเราอย่างเดียว แต่สองขั้วอำนาจใหญ่ก็กระทบกันแรง แต่ไทยเป็นประเทศไม่ใหญ่นัก ก็จะถูกแรงกระแทกตรงนี้เข้าไปด้วยซึ่งเราก็จะบอกรัฐบาลว่าจะเตรียมพร้อมได้อย่างไร ถ้ารัฐบาลเข้าใจโครงการก็จะเดินหน้าต่อ
สำหรับโครงการจัดหาเรือฟริเกต ในงบประมาณประจำปี 2569 นั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า กองทัพมีแผนพัฒนากำลังรบอยู่แล้ว ทั้งเรืออากาศยาน เรือดำน้ำ รถรบ ยานเกราะ ปืนใหญ่ สิ่งเหล่านี้จะถูกนำไปเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้ท่านเห็นความสำคัญของเรา และถึงเวลาที่จะขึงแผนร่วมกัน ถ้าท่านเห็นชอบด้วยก็เดินหน้า ส่วนแนวทางในการชี้แจงให้กับหลายฝ่ายทั้งรัฐบาล กรรมาธิการงบฯ นั้น ก็คงเป็นการสร้างความเข้าใจร่วมกันในว่ากองทัพมีหน้าที่สนับสนุนความมั่นคงให้กับประเทศ และรัฐบาล
“ถ้ารัฐบาลบอกว่าเอาไว้ก่อนความสามารถของเราก็จะถดถอยลง ถ้ารัฐบาลยอมรับได้รวมถึงฝ่ายค้านยอมรับได้กองทัพเรือก็ไม่สามารถไปดึงดันอะไรทุุกคนต้องยอมรับร่วมกันว่าถ้าเราไม่มีสิ่งนี้จะทำอะไรไม่ได้บ้างเท่านั้นเอง”
เมื่อถามว่าในฐานะที่จบจากโรงเรียนนายเรือเยอรมันและจบหลักสูตรดำน้ำ จะแก้ปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ และอนาคตจะซื้อเรือดำน้ำเยอรมันหรือไม่ พล.ร.อ.จิรพล กล่าวว่า ต้องค่อยๆ ก้าวเดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ โดยดูว่าท่านรัฐมนตรีสงสัยเรื่องอะไรก่อน ตนก็จะเข้าไปชี้แจง ซึ่งเรือดำน้ำ เป็นเรื่องที่ต้องเดินหน้าชัดเจนอยู่แล้ว