‘รังสิมันต์ โรม’ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ (กคพ.) เลื่อนการพิจารณาคดีฮั้วเลือกตั้งสว.โดยจะมีการเรียกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาสอบสวนก่อนว่า เห็นว่ามีคนไปล็อบบี้ มีอำนาจมากที่ไปล็อบบี้ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าใคร แต่คิดว่าการทำแบบนี้เข้าข่ายการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ และคิดว่าการใช้ดุลยพินิจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการในการรับเป็นคดีพิเศษ เรื่องนี้ต้องเป็นอำนาจของกรรมการในระดับที่ต้องไปว่ากัน
อย่างไรก็ตาม ขอเรียนตามตรงว่าในส่วนของการทำหน้าที่ของกกต.ก็ต้องทำ แต่ในส่วนที่ดีเอสไอต้องดำเนินการ ซึ่งจะเป็นเรื่องของอั้งยี่ ซ่องโจร ถ้ามีจริง ทางดีเอสไอก็สามารถรับทำคดีได้ แต่ปัญหาวันนี้เรื่องฮั้วสว.ตนไม่อยากให้มองว่าเป็นสว.หรืออะไร แต่อยากให้มองว่าเป็นคดีๆหนึ่ง ที่หน่วยงานรัฐจะต้องดำเนินการ
“ปัญหาคือมีคนมาแทรกแซงหรือไม่ ผมอยากให้คนที่ใช้อำนาจนั้นหยุด และควรใช้กระบวนการตามกระบวนการยุติธรรมดำเนินการ ผมคิดว่าเรื่องฮั้วสว.เป็นเรื่องที่มีความร้ายแรง วันนี้เราจะยอมรับกันได้หรือไม่ว่า เรื่องนี้ทำลายความน่าเชื่อถือความศรัทธาของพี่น้องประชาชนที่มีต่อฝ่ายนิติบัญญัติและสว.ก็เป็นส่วนหนึ่งของสภาฯ ดังนั้นถ้าเรื่องนี้จบด้วยการเคลียร์ จบด้วยการล็อบบี้ หรือจบด้วยการไม่มีความจริงออกมา มันจบแค่การต่อรองทางการเมือง ผมคิดว่าประชาชนจะเชื่อมั่นและศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมได้อย่างไร ฉะนั้นผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรจบด้วยความไม่โปร่งใส วิธีการที่ดีที่สุดของเรื่องนี้คือความโปร่งใส ถ้ามีพยานหลักฐาน มีคนที่เกี่ยวข้องกับการฮั้วสว.จริงก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป”
— รังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่ามองว่าสุดท้ายแล้วจะใช้ดีเอสไอเป็นแค่เกมต่อรองเท่านั้นหรือไม่ รังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นห่วงว่าจะกลายเป็นเรื่องของการต่อรองทางการเมือง ซึ่งไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่เป็นห่วงว่าจะมีการแทรกแซงจากบุคคลที่ 3 ที่จะเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะทำให้ความยุติธรรมเสียหายกันหมด วันนี้คนเล่นใหญ่รัชดาลัย แต่สุดท้ายจบลงด้วยการเคลียร์ จบลงที่การดิล ซึ่งเป็นเรื่องที่เรารับไม่ได้
เมื่อถามว่าสว.บางส่วนไม่พอใจที่กคพ.จะเรียก กกต.ไปชี้แจง โดยตั้งคำถามว่ามีอำนาจอะไร รังสิมันต์ กล่าวว่า จะใช้คำว่าเรียก หรือเชิญ ขอไม่ก้าวล่วง แต่คิดว่าเรื่องนี้ กกต. ต้องชี้แจง เพราะมีความเป็นไปได้ว่าการฮั้วสว.เกิดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นการที่ กกต.จะไปชี้แจงกคพ. ก็ไม่เสียหายอะไร และเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจของการดำเนินคดี ซึ่งจริงๆก็เป็นคำถามว่าทำไม กกต.ไม่ดำเนินการเอง แต่กลับให้ดีเอสไอดำเนินการ ทั้งที่ กกต.ควรจะเป็นผู้ริเริ่มดำเนินการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่กลับปล่อยให้ฝ่ายอื่นมาดำเนินการแทน อย่างไรก็ตามการตั้งคดีว่าอั้งยี่ซ่องโจร สามารถตั้งได้โดยอีเอสไอ ส่วนถ้ามีมิติอื่นที่เป็นอำนาจของกกต.ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง แต่วันนี้เราไม่เห็นกกต.ขยับอะไร ไม่รู้ว่าติดอะไร
นอกจากนี้ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมผลักดันเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จะทะลักเข้ามาในประเทศไทย ว่า เข้าใจว่าสถานการณ์วิกฤตจริงๆ เพราะมีเหยื่อและอาจจะมีคนที่ร่วมกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ค้างอยู่ประมาณ 7 พันคน การที่ตัวเลขนี้ค้างอยู่ในพื้นที่ของกองกำลังอาจจะทำให้มีปัญหาตามมาว่าการจะไปช่วยเหลือหรือทลายเพิ่มเติมนั้น อาจจะทำให้เกิดความยากลำบากได้ เพราะกองกำลังอาจจะไม่มีศักยภาพพอที่จะดูแลการให้ข้าวให้น้ำให้อาหารทุกอย่างกับบรรดาเหล่านี้ได้เป็นเวลานาน
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น การจะดึงเข้ามาในประเทศไทย เราสามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้ หมายความว่าต่อให้เขาเป็นเหยื่อหรืออาชญากร เขาย่อมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะบางคนอยู่มานาน เขาจึงสามารถให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่รัฐฝั่งไทยได้ว่าใครเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ ซึ่งตนคิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการที่จะทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเป็นรูปธรรมได้ โดยประเทศไทยเรามีเครื่องมือที่จะสามารถช่วยดูดข้อมูลจากโทรศัพท์ได้ และเราก็อาจจะเสริมทัพโดยการใช้บุคลากรในการสอบถามข้อมูลได้ นี่เป็นสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดในเวลานี้เพื่อนำไปขยายผลปราบปรามจีนเทา ไทยเทาต่อไปได้
“หากเรารีบส่งคนเหล่านี้เร็วเกินไป สุดท้ายก็ไม่มีอะไรการันตีว่าคนเหล่านี้หากเขากลับไปแล้วจะไม่สามารถกลับมาอีกได้ และไม่มีการการันตีว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะถูกทำลาย อย่าลืมว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้เขาชักจูงกันมา คนที่เป็นเอเยนต์ในการพามาและได้เงินไปแล้วนั้น ตอนนี้เขายังอยู่ในเมืองไทย ยังอยู่เชียงใหม่ ยังอยู่กรุงเทพฯ ยังอยู่ภูเก็ตหรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่เราต้องนำไปสู่การสอบสวนต่อไปให้ได้”
— รังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า หากรับเข้ามาแล้วมองว่าจะคุ้มหรือไม่กับข้อมูลที่เราจะได้ รังสิมันต์ กล่าวว่า หากถามคิดว่าเมื่อแลกกับความปลอดภัยและความมั่นคงของประชาชนชาวไทยระยะยาว ก็คุ้ม และเวลาที่เราบอกจะรับเขาเข้ามานั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะอยู่กับเขาเป็นปีๆ แต่ต้องมีการประสานงานกับสถานทูตต่างๆ และส่วนใหญ่จะต้องมีการประสานงานกับทางประเทศจีน ซึ่งจากที่ตนทราบมาทางรัฐบาลจีนก็พร้อมดูแลคนของเขา แต่ก็อยู่ที่เรา
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ฉะนั้น หากเขาพร้อมดูแลและใช้เวลาไม่นานเกินไปในการสกรีนคนเหล่านี้ เชื่อว่าก็ไม่ได้ใช้ทรัพยากรมากกับความคุ้มค่าในความปลอดภัยคนไทย และคิดว่าการพูดคุยกับจีนในการเอาข้อมูลชุดนี้ แหล่งข่าวตนก็บอกว่าทางจีนยินดี ยืนยันว่าจีนไม่ได้มีปัญหา แต่ที่ผ่านมารัฐบาลไทยไม่ยอมคุยกับจีน อย่างไรก็ตาม เมื่อคนเหล่านี้จะเข้ามายังประเทศไทยก็จะต้องมีการสกรีนคนที่เป็นอาชญากรและเหยื่ออยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามโปรโตคอลของประเทศไทยที่มีอยู่แล้ว ทุกประเทศต้องเคารพ หากไทยไม่ยอมเอาเข้าสู่กระบวนการนี้ ขณะที่ประเทศอื่นเอาเข้า ก็อาจจะเกิดคำถามว่าประเทศไทยปฎิบัติต่อคนประเทศอื่นไม่เท่าเทียมกัน
เมื่อถามว่า หากมีการอพยพเข้ามาจะเป็นเหมือนผึ้งแตกรังหรือไม่ รังสิมันต์ คิดว่าเรื่องอพยพอะไรต่างๆ เป็นคนละส่วนกัน หากเป็นเหยื่อเขาก็ต้องการความช่วยเหลือ ดังนั้น หากเราสามารถสร้างความมั่นใจได้ว่าจะมีกระบวนการและพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เชื่อว่าแม้เขาจะเป็นผึ้งแตกรังแต่เขาจะเป็นผึ้งแตกรังที่เข้ามาหาเจ้าหน้าที่รัฐ สามารถควบคุมได้ แม้อาจจะมีบางส่วนที่กลัวจะเป็นอาญา แต่เราน่าจะสามารถบริหารจัดการได้ และไม่ต้องห่วงเพราะวันนี้เรามีผู้หนีภัยจากการสู้รบในเมียนมามาหลักล้าน น่าจะอยู่ในประเทศไทยเป็นหลักล้านแล้ว สเกลมันน้อยกว่าเยอะมาก ซึ่งที่ต้องยาวไปกว่านั้นคือในจำนวนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 7 พันกว่าคนอาจจะเป็นเปอร์เซ็นต์น้อยของจำนวนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมด ยืนยันว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ชเวก๊กโกและเคเคปาร์คนั้นอาจจะมีกว่าแสนคน
เมื่อถามว่า จะต้องมีการติดตามการส่งต่อเรื่องระหว่างรัฐบาลไทยไปยังรัฐบาลจีนหรือไม่ รังสิมันต์ กล่าวว่า จะต้องมีการติดตามต่อและต้องปราบให้เด็ดขาด หากคิดว่าวันนี้เราปราบแล้ว พอแล้ว เดี๋ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะกลับมา ความเสียหายในประเทศไทยก็จะเกิดขึ้นอีก ซึ่งทราบมาว่าวันนี้จำนวนสายและการแจ้งความเรื่องนี้น้อยลงแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอ เรายังต้องปฎิบัติการเชิงรุกต่อไป ต้องขยับให้มากกว่านี้ และทราบมาว่าทางประเทศกัมพูชาก็ขอข้อมูลมา ฉะนั้น เราต้องแชร์ข้อมูลกันเพื่อให้เกิดความร่วมมือกัน แต่ต้องดูว่าจะสามารถแชร์ได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงต้องไปดูว่ายังมีกระบวนการนี้อยู่ที่ประเทศไหนบ้างเพื่อจะได้ไปจัดการ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่เป็นระดับบอสนั้น เรายังจัดการได้ค่อนข้างน้อย