‘ทอ.’ ย่นระยะบินรับคนไทยที่ ‘ยูเออี’ ไม่ต้องไปถึง ‘อิสราเอล’

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง (บน.6) กองทัพอากาศได้จัดเครื่องบินลำเลียงแบบ A340-500 จำนวน 1 เครื่อง เพื่อ พยพคนไทยในประเทศอิสราเอล เที่ยวบินที่ 3 จำนวน 140 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.)  และเจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงแรงงายทร่วมรับฟังการบรรยายสรุปแผนการปฏิบัติ พร้อมทั้งให้กำลังใจกำลังพลทหารอากาศ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

ทั้งนี้ จะออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ในเวลา 13.30 น. ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ ทางกองทัพอากาศจะบินเส้นทางการบินใหม่ ผ่าน 7 ประเทศ ได้แก่ เมียนมา อินเดีย กาต้า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย จอร์แดน และลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติเบนกูเรียน กรุงเทลอาวีฟ โดยใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงครึ่ง จากเดิมที่ต้องบินอ้อมใช้เวลาประมาณ 13 ชั่วโมงเศษ

พล.อ.อ.พันธ์ภักดี กล่าวว่า ทางกองทัพอากาศได้จัดกำลังพล ประกอบด้วยนักบิน ลูกเรือ เจ้าหน้าที่อำนวยการ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และทีมแพทย์ รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมเดินทางไปด้วยเพื่อให้การช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกแก่คนไทย เหมือนทั้ง 2 เที่ยวบินที่ผ่านมา และในเที่ยวบินที่ 3 นี้มี นาวาอากาศตรี เจริญชัย กังสมุทร นักบินการบินไทย เดินทางไปกับเที่ยวบินนี้ด้วย  โดยจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยในวันอาทิตย์ที่ 22 ต.ค. 2566 เวลา 10.50 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน

ผบ.ทอ. กล่าวอีกว่า เที่ยวบินที่ 3 นี้ เป็นเที่ยวบินสุดท้ายที่จะเดินทางไปรับคนไทยที่ประเทศอิสราเอล และปรับเปลี่ยนภารกิจเที่ยวบินใหม่ Air Bridge ทั้งนี้ สำหรับเที่ยวบินที่ 4, 5 และเที่ยวบินที่ 6 ที่ทางกองทัพได้รับมอบหมายจากศูนย์ RRC ให้อพยพคนไทย ที่สนามบินฟูไจราห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ วันที่ 25, 28 และ 31 ต.ค. 2566 ด้วยเครื่องบิน A340-500 โดยไม่ต้องบินไปถึงอิสราเอล

ยันพร้อมปฏิบัติภารกิจ หลังยังมีแจ้งขออพยพกลับประเทศต่อเนื่อง

เมื่อถามว่าหลังจากจบ 6 เที่ยวบินแล้ว ทางกองทัพอากาศมีแผนที่บิกว่าเตรียมไว้เป็นอย่างไร พล.อ.อ.พันธ์ภักดี กล่าวว่า มีอย่างแน่นอน ซึ่งหากมีพี่น้องประชาชนคนไทยที่ยังมีหลงเหลือหรือต้องการกลับเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นส่วนของกองทัพอากาศเองหรือบริษัทสายการบินอื่นๆ ก็ยังคงปฏิบัติภารกิจเหมือนเดิม

“กองทัพอากาศเองได้รับรายงานอยู่ตลอดว่า มีประชากรที่จะเดินทางกลับประเทศจาก 3,000 คนเป็น 4,000 คน 7,000 คนปัจจุบัน 8,600 คน”

ปัจจุบันได้รับรายงานว่า มีแรงงานบางคนเปลี่ยนใจไม่กลับ เนื่องจากผู้ประกอบการต้องการให้อยู่ และจ่ายค่าตอบแทนให้มากขึ้น อย่างไรยืนยันว่า กองทัพอากาศเองหรือแม้กระทั่งสายการบินต่างๆ ที่พร้อมให้การสนับสนุนโดยการนำของกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจ