เกรงใจกลุ่มทุน ‘เพื่อนพ่อ’? ‘ไอซ์ รักชนก’ ฟาด ‘อิ๊งค์’ ปาหี่ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์

25 มี.ค. 2568 - 09:59

  • ‘ไอซ์-รักชนก’ สับ ‘แพทองธาร’ ปาหี่ปราบ ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ของปลอม

  • เย้ยปราบ ‘ทุนไทยเทา-จีนเทา’ เหลว เหตุเป็น ‘ลูกน้องพ่อ’

  • ซ้ำมี ‘ดีล’ แลกประโยชน์ของตระกูลกับประโยชน์ชาติ

  • พร้อมจี้ปรับ ‘รมว.ดีอี’ พ้นเก้าอี้

Rukchanok_Srinork_discusses_and_criticizes_Paetongtarn_SPACEBAR_Hero_489095395e.jpg

รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในประเด็นความล้มเหลวในการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์, แก๊งสแกมเมอร์ และการค้ามนุษย์ของรัฐบาลนี้

โดยชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลแพทองธาร ขาดภาวะผู้นำ, ปล่อยปละละเลยต่อการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนคนไทย โดยปล่อยให้ “ทุนไทยเทา-จีนเทา” หลอกลวงดูดเงินจากคนไทยเสียหายปีละร่วมแสนล้านบาท ผ่านแก๊งอาชญากรข้ามชาติที่ตั้งใน 3 ชาติอาเซียน  

โดยจากข้อมูลในปี 2023 มีความเสียหายมากถึง 2.24 พันล้านบาท แยกเป็น

  • การหลอกลวงที่ตั้งฐานใน สปป.ลาว 37.8 พันล้านบาท
  • แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา 77.5 พันล้านบาท
  • แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา 437.5 พันล้านบาท

รักชนก ระบุว่า พรรคเพื่อไทยพยายามผลักดันให้ประเทศไทย เป็น “ฮับ” (Hub) ของการท่องท่องเที่ยว-การขนส่ง แต่เป็นได้แค่ฮับของการค้ามนุษย์ การส่งอิฐหินปูนทรายและสาธารณูปโภคให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เท่านั้น ขนาดสื่อในเมียนม่า ยังลงข่าวด่าประเทศไทยข้ามชาติ ว่า ไทยเป็นต้นตอในการสนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งไฟฟ้า, สัญญาณอินเทอร์เน็ต และสาธารณูปโภคอื่นๆ

แม้แต่ตัวนายกฯ เองยังยอมรับว่าตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมื่อ 15 มกราคม2568 โดยยอมรับ แต่กลับไม่มีการสืบสาวหาตัวคนทำผิดให้ถึงต้นตอ สะท้อนว่านายกฯ แพทองธาร ไม่เคยเข้าใจกับความสูญเสียที่ถูกหลอกลวงเงินในบัญชีของประชาชนคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อ แต่กลับบอกว่า “ฉันก็โดนหลอก แต่ฉันรอดมาได้” ทั้งที่ปัญหานี้กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ต่อเศรษฐกิจชาติ และความเชื่อมั่น ต่อต่างประเทศ ละเลยไม่แก้ปัญหา เป็น “รัฐบาลลูกอีช่างเกี่ยง” จงใจไม่แก้ไขปัญหานี้ให้สิ้นซาก ไม่กล้าจัดการทุนไทยเทา-จีนเทา ตั้งแต่ครั้งแรกที่ไม่ตัดกระแสไฟฟ้าที่ขายให้ จนเกิดดราม่ามีไทม์ไลน์ของ 2 รองนายกฯ ในรัฐบาลนี้ที่ขัดแย้งเรื่องการตัดไฟ จนพ่อนายกฯ ต้องเข้ามาจัดการ โดยมีแรงกดดันจาก ‘หลิว จงอี้’ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงของจีน ที่เดินทางมาดูพื้นที่ใน จ.ตาก จึงมีการตัดไฟ ตัดสัญญาณเน็ต

รักชนก ศรีนอก

ทั้งนี้ มีการขายไฟให้เพื่อนบ้าน 3 ชาติ-รวม 18 จุด แต่ตัดจริงไปแค่ 5-6 จุด ในเมียนมา, ส่วนฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ยังไม่กล้าทำอะไร หรือเพราะมีความสัมพันระหว่างสองครอบครัวทั้งรุ่นพ่อ-รุ่นลูก จึงไม่ทำอะไร

ที่สำคัญ ต้องขอบคุณประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ที่เป็นโอกาสให้นายกฯ ไทยเข้าพบ และเกิดการแก้ไขปัญหานี้ โดยท่าน ‘หลิว จงอี้’ เดินทางมาเอง

รักชนก ศรีนอก

ส่วนสัญญาณอินเทอร์เน็ต ยังเป็นปัญหาต่อ เพราะบริษัทเอกชนที่ให้สัญญาณ เขาก็ขาย เขารู้ว่ามีจุดไหน-อย่างไร แต่ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเองที่ไม่เอาจริง นายกฯ ต้องกำชับให้เป็นรูปธรรม  

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาท่าข้ามระหว่าง 2 ประเทศไทย-เมียนม่า ที่มีมากถึง 59 ท่า เฉพาะใน อ.แม่สอด มีมากกว่า 40 ท่า แม้อยู่ในอำนาจการขอเปิดของกรมศุลกากร แต่ผู้อนุมัติสั่งเปิด คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก โดยมี 10 ท่าข้าม ที่มีปัญหาส่งของต่างๆ สนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนพนันออนไลน์

จึงต้องตั้งคำถามว่า ผู้ว่าฯ, ข้าราชการในพื้นที่ทั้ง ตม., ทหาร, ตำรวจ, สมช. ไม่รู้้ข้อมูลเรื่องนี้หรือ? จึงคิดเป็นอื่นไม่ได้ว่า เจ้าหน้าที่รัฐเองที่สนับสนุนให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์, แก๊งสแกมเมอร์, แก๊งค้ามนุษย์ ทำสิ่งผิดกฎหมาย หรือนายกฯ ไม่รู้อะไรเลย ยังไม่รวมถึงปัญหา ‘ซิมม้า’ ที่บริษัทเอกชนให้เซลล์ไปจ้างคนในชุมชนแออัดมาลงทะเบียนชื่อเจ้าของซิม แล้วนำไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์, แก๊งสแกมเมอร์ เพื่อเลี่ยงกฎหมายและนำมาใช้หลอกลวงคนไทยดูดเงินจากบัญชี

รักชนก ศรีนอก

รักชนก ระบุว่า มีข่าวการจับกุมซิมม้าล็อตใหญ่ถึง 3 แสนซิม แต่รัฐบาลก็ไม่ขยายผลถึงต้นตอ แทนที่จะออกกฎหมายบังคับ ควบคุมให้บริษัทผู้ให้บริการสัญญาณมือถือ ต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายในกรณีการหลอกลวง รัฐบาลกลับละเลยเปิดช่องให้บริษัทขายซิมมือถือรีดไถ่ประชาชน โดยขายประกันการป้องกันภัยไซเบอร์ คิดเงินเพิ่มกับประชาชน รัฐบาลไม่คิดจะทำอะไรเพื่อปกป้องประชาชนเลย  

ส่วนปัญหา ‘บัญชีม้า’ แม้รัฐจะร่วมมือกับธนาคารปิดบัญชีม้าไปได้นับล้านบัญชี แต่ก็ยังมีการจ้างคนในต่างจังหวัดให้เปิดบัญชีม้าเพิ่ม โดยที่รัฐบาลไม่เคยจับกุมขยายผลถึงต้นตอ ตัวใหญ่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้เลย

แม้ศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาให้ธนาคารเจ้าของบัญชีต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นคนล่ะครึ่งกับผู้เสียหาย แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าในการออก “พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ร่วมรับผิดชอบ” เพื่อแก้ปัญหาและให้ธนาคารร่วมรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย รวมถึงธุรกิจที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่มีกลุ่มทุนที่อาจเสียประโยชน์ ตั้งแต่ ประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดีอี ทำหน้าที่ 2 ปี แต่ พ.ร.ก.นี้ยังไม่ออกมาบังคับใช้ จึงควรปรับออกจากตำแหน่งได้แล้ว, ดิฉันขอคำชี้แจงจากนายกฯ

รักชนก ศรีนอก

รักชนก กล่าวต่อไปว่า 95% ของเงินที่ถูกหลอก จะถูกโอนต่อไปในรูปการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) อยู่นอกเหนือการควบคุมของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยเป็นการซื้อขาย หรือเป็นการทำธุรกรรมการเงินโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายที่อาศัยความเชื่อใจกัน หรือ พีทูพี (P2P) ที่รัฐบาลต้องสั่ง ก.ล.ต.ให้ควบคุมการซื้อขายในส่วนนี้ หรือควบคุมการขึ้นทะเบียนแอปพลิเคชันการซื้อขายคริปโทฯ ที่ต้องได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต.เท่านั้น ไม่ให้มีการซื้อขายคลิปโทฯ ผ่าน P2P จะป้องกันปัญหานี้ได้เหมือนที่ประเทศสิงคโปร์ทำ แต่รัฐบาลก็ไม่ดำเนินการใดๆ  

ไม่ว่านายกฯ แพทองธาร จะหันหน้าทางไหน มีผลประโยน์ของกลุ่มทุน แทนที่จะจัดการเพราะเกรงใจประชาชน ไม่ใช่เกรงใจ “เพื่อนพ่อ” หรือ “กลุ่มทุนคนใกล้ชิดพ่อของนายกฯ” รัฐบาลไม่เคยจับรายใหญ่ได้ ทั้งที่เจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองอำนวยความสะดวกให้หรือไม่

กรณีที่รัฐบาลย้ายนายตำรวจยศใหญ่ เช่น พล.ต.ต.เอกราษฎรร์ อินต๊ะสืบ หรือ ‘ผู้การต๊ะ’ ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 5 ที่เกี่ยวข้องกับเมียววดีคอมเพล็กแล้ว จะทำอย่างไรต่อ? มีการพิสูจน์เส้นเงิน หรือคนในครอบครัวว่าเกี่ยวข้องหรือไม่? หรือเพราะใกล้ชิดกับบุคคลที่ชื่อย่อ ‘ย.ยักษ์’ ที่ใกล้ชิดกับบิดานายกฯ ใน จ.เชียงราย หรือไม่? นายกฯ จึงไม่กล้าจัดการปราบปรามให้สิ้นซาก

รักชนก ศรีนอก

ปัญหาไม่ใช่ความไร้ประสิทธิภาพ แต่จงใจปล่อยปละ เพราะมีผลประโยชน์แอบแฝง ที่ต่างจากการปราบปรามปัญหาของต่างประเทศที่มีการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบทั้งกระบวนการ

การที่ พทองธาร ไม่กล้าแตะประโยชน์ของกลุ่มทุน เพราะเกรงใจกลุ่มทุนเพื่อนพ่อทุกคน แต่ไม่เคยเกรงใจประชาชนคนที่เลือกท่านมาเลย เวลาเดินหาเสียงบอกว่าเห็นประโยชน์ของประชาชน แต่พอมาทำงานจริงผลประโยชน์ประชาชนอยู่หลังสุด

รักชนก ศรีนอก

รักชนก ยังยกตัวอย่างทุนไทยเทา ชื่อ ‘ตือ คอสโม่’ ที่มีชื่อกว้างขวางในธุรกิจสีเทา ในวงการตำรวจและวงการการเมือง รัฐมนตรีหลายคนที่นั่งอยู่คนรู้จักดี มีการเรียกใช้มากเป็น 10 ปี ที่เปิดบ่อนการพนันในไทย เปิดๆ ปิดๆ ในหลายที่ แบ็คใหญ่มาก, อยากให้นายกฯ ปราบตัวใหญ่ๆ แบบนี้” คนที่นายกฯ จะขอข้อมูลได้จากพ่อของนายกฯ หาตัวได้ที่ไหน?

การปราบปรามทุนไทยเทาและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ไม่สำเร็จ ไม่ใช่เพราะนายกฯ แพทองธาร ไร้ความสามารถ แต่เพราะคนในตระกูลชินวัตร ไปทำดีลกับชนชั้นนำ ไปทำดีลกับปีศาจ ทำให้ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของมิจฉาชีพ เอาประโยชน์ของคนในชาติแลกประโยชน์กับตระกูลตัวเอง ดิฉันจึงไม่สามารถไว้วางใจนายกฯ คนนี้ ให้บริหารต่อแม้แต่วันเดียวได้

รักชนก ศรีนอก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการอภิปรายของ รักชนก ช่วงหนึ่งได้หยุดอภิปรายช่วงหนึ่งก่อนกล่าวว่า “เงียบเหงามาก ไม่มีใครลุกประท้วงดิฉันเลย” ซึ่งสร้างเสียงหัวเราะให้กับ สส.พรรคประชาชน ที่ร่วมนั่งฟังการอภิปรายในห้องประชุม

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์