วันนี้ (17 ม.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดอ่านคำวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของ ‘ศักดิ์สยาม ชิดชอบ’ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กรณีเป็นเจ้าของและถือครองหุ้น ‘บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น’ ขณะดำรงตำแหน่ง หลัง สส. พรรคฝ่ายค้านขณะนั้น เข้าชื่อกัน 54 คน ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้ ‘ศักดิ์สยาม’ หยุดปฎิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย
โดยผลการพิจารณาขององค์คณะศาลวันนี้ ปรากฎว่ามีมติเสียงข้างมาก 7 : 1 วินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของ ‘ศักดิ์สยาม ชิดชอบ’ สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ คือ วันที่ 3 มี.ค. 66
หลังสิ้นสุดการพิจารณาคดี ‘ศักดิ์สยาม’ ได้เดินออกมาจากศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย พร้อมระบุว่ารอคัดคำวินิจฉัยของศาลฉบับเต็มภายใน 15 วัน เพื่อดูว่าศาลจะให้ปฏิบัติอย่างไร และส่วนตัวไม่รู้สึกหรือกังวลอะไร เพราะพร้อมน้อมรับคำวินิจฉัยของศาล
เมื่อถามผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้จะมีผลต่ออนาคตทางการเมืองหรือไม่ เพราะเป็นการถูกตัดสินว่าตั้งนอมินีมาถือหุ้นแทน ‘ศักดิ์สยาม’ ย้ำว่าขอคัดคำวินิจฉัยของศาลก่อน แล้วเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวพยายามถามว่า ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้กำชับอะไรหรือไม่ โดย ‘ศักดิ์สยาม’ ตอบว่าไม่ได้กำชับอะไรมาเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ แม้ปัจจุบัน ‘ศักดิ์สยาม’ จะไม่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว มีเพียงสถานะความเป็น สส. บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น แต่ผลที่ตามมาหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย คือ ภายใน 2 ปี นับจากความเป็นรัฐมนตรีของ ‘ศักดิ์สยาม’ สิ้นสุดลง ระหว่างนี้ ‘ศักดิ์สยาม’ จะไม่สามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้
นอกจากนี้สิ่งที่จะต้องจับตาดูต่อไป คือ สส. พรรคก้าวไกล ที่เป็นผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจศักดิ์สยาม ในขณะดำรงตำแหน่งกรณีซุกหุ้นบุรีเจริญฯ จะดำเนินการขยายผลเรื่องนี้อย่างไรต่อไป เช่น การเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบเรื่องการปกปิดบัญชีทรัพย์สินขณะดำรงตำแหน่ง หากเป็นเช่นนี้จริงศักดิ์สยามก็ต้องไปรอลุ้นสถานีต่อไปว่าจะมีความผิดในเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งหากมีความผิดจริงอาจถูกสั่งห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ได้
ขณะที่บรรยากาศที่บริเวณศาลรัฐธรรมนูญ ภายในศูนย์ราชการฯ อาคาร A วันนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวได้ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญได้ออกประกาศกำหนดให้เป็นพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ควบคุม เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ได้จัดพื้นที่ให้ผู้สื่อข่าวได้รับชมการพิจารณาคดีที่บริเวณหน้าอาคารศาลรัฐธรรมนูญ ข้างดีเอสไอ โดยพบว่ามีหญิงสูงวัยรายหนึ่งได้เดินทางมาปักหลักรอฟังการพิจารณาคดีในครั้งนี้ด้วย
