อ่านฉากทัศน์ ‘ก้าวไกล’ วันชี้ชะตาปม ‘ล้มล้างการปกครอง’

30 ม.ค. 2567 - 08:39

  • นับถอยหลัง ศาลรัฐธรรมวินิจฉัย 'พิธา' และ 'พรรคก้าวไกล' ปมล้มล้างการปกครอง กับฉากทัศน์ที่จะเกิดขึ้นของเครื่องจักรสีส้ม และการเมืองภาพใหญ่ ที่ต้องเปลี่ยนไปแน่นอน

scenario-move-forward-party-overthrowing -the-ruling-SPACEBAR-Hero.jpg

การที่ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ รอดพ้นจากบ่วง ‘หุ้นไอทีวี’ มาได้ ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ ให้กับพลพรรคเครื่องจักรสีส้มได้ปรีดาอยู่บ้าง หลังเกิดมรสุมวุ่นวายทั้งจากภายในและภายนอกเข้ารุมเร้า แต่จะบอกว่า ภูเขาทั้งลูก ถูกยกออกไปจากอกหมดสิ้น คงหาใช่ เพราะยังมีดาบสองรออยู่ 

กรณี ‘ธีรยุทธ สุวรรณกษร’ อดีตทนายความ ‘พุทธอิสระ’ ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาการกระทำของ ‘พิธา’ และ ‘พรรคก้าวไกล’ ที่เสนอร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิก มาตรา 112 เป็นนโยบายหาเสียง ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรค 1 หรือไม่  ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะพิจารณาในวันรุ่งพรุ่งนี้ (31 มกราคม 2567) 

แวดล้อมด้วยกระแสสังคมที่จับตามอง และฉากทัศน์ต่างๆ ที่งอกเงยจากการต่อยอดประเด็นของนักวิชาการและสื่อมวลชน  

มีตั้งแต่ ‘รอด - ไม่รอด’ ไปจนถึง ‘พรรคถูกยุบ’ 

“ผมคิดว่าการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ถึงยุบพรรคแน่นอน ประการแรกมาจากตัวกฎหมาย มาตรา 49 ของรธน. เป็นเรื่องการสั่งให้หยุดการกระทำ ในการล้มล้างการปกครอง ดังนั้นจึงทำได้แค่สั่งให้หยุดการกระทำเท่านั้น ขณะเดียวกันผู้ร้องก็ไม่ได้ร้องให้ยุบพรรค”

เป็นความเห็นของ ‘รศ.ยุทธพร อิสรชัย’ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ที่ให้มองถึงทิศทางที่จะเกิดขึ้น ณ ศาลรัฐธรรมนูญ โดยเชื่อว่า คงไม่ถึงกับการยุบพรรคก้าวไกล แต่อาจมีคำวินิจฉัยในทำนองว่า การฝ่าฝืนการกระทำที่ผ่านมาพ้นวิสัยไปแล้ว เพราะเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งปี 2566

scenario-move-forward-party-overthrowing -the-ruling-SPACEBAR-Photo02.jpg
Photo: รศ.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

ดังนั้นอาจมีการห้ามกระทำการในลักษณะดังกล่าวอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบกับพรรคก้าวไกลโดยตรง เพราะเป็นนโยบายหลักในการหาเสียงในปัจจุบันและในอนาคต เพราะเมื่อมีการเสนอข้อเรียกร้องหรือร่างกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายาญา มาตรา 112 จะทำให้มีผู้ร้องยกกรณีคำวินิจฉัยรอบนี้ ไปฟ้องต่อศาลทันที หากพรรคหรือประชาชนตั้งข้อสังเกตถึงกฎหมายมาตราดังกล่าว จึงกลายเป็นในลักษณะของสารตั้งต้น หรือแนวทางที่จะเป็นหลักปฏิบัติต่อไป 

ทั้งนี้ ยุทธพร ย้ำว่า ไม่ว่าคำวินิจฉัยจะออกมาด้านไหน ไม่ขอนิยามว่า ‘เป็นคุณ’ หรือ ‘เป็นโทษ’ แต่จะเป็น ‘อุปสรรคของพรรคก้าวไกล’ โดยเฉพาะการออกแบบนโยบายพรรค และหาเสียงภายภาคหน้า แต่หากคำวินิจฉัยออกมาว่า ‘ยกฟ้อง’ ย่อมส่งผลต่อการเมืองภาพใหญ่  เพราะจะทำให้การพูดถึงประมวลกฎหมายมาตรา 112 กว้างขึ้น และจะเป็นบรรทัดฐานในการนิยามคำว่า ‘ล้มล้างการปกครอง’ ได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ยังจับต้องไม่ได้

“ถ้าศาลวินิจฉัยว่าสามารถทำได้ จะทำให้ประเด็นเรื่อง ม.112 ถูกพูดถึงอีกครั้งเป็นวงกว้าง แต่ถ้าศาลวินิจฉัยว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง ก็จะเป็นอุปสรรคต่อพรรคก้าวไกล เรื่องการหาเสียงต่อไป แต่ผมว่ายังไงคงจะไม่ถึงขั้นยุบพรรค หรือถดถอนคุณพิธาทางการเมืองแน่นอน” 

รศ.ยุทธพร อิสรชัย กล่าวทิ้งท้าย

ขณะที่ ‘รศ.ดร. พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต' ผอ.หลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ มองว่า กรณีศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่า ยกคำร้อง พรรคก้าวไกลก็จะสามารถเสนอหรือตั้งข้อสังเกตกับ มาตรา 112 ในรัฐสภาได้ง่ายขึ้น แต่ทุกอย่างต้องวัดผลจากเสียงสมาชิกต่อไป ว่าจะดำเนินการถึงขั้นแก้ไขได้หรือไม่ เนื่องจากกระบวนการต่างๆ ยังมีอีกหลายขั้นตอน ส่วนคะแนนนิยมจากประชาชนจะเพิ่มหรือไม่ ขึ้นอยู่กับศักยภาพของบุคลากรของพรรคในการทำหน้าที่ สส.

scenario-move-forward-party-overthrowing -the-ruling-SPACEBAR-Photo01.jpg
Photo: รศ.ดร. พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผอ.หลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

แต่ถ้าคำวินิจฉัยไปในทิศทาง เข้าข่ายมีบทลงโทษถึงยุบพรรค ย่อมจะส่งผลต่อคะแนนเสียงของพรรคก้าวไกล ที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากความไม่พอใจของประชาชนที่มองว่า ‘ก้าวไกลถูกรังแก’ และจะส่งผลไปถึงกระบวนการในรัฐสภา เรื่องการเสนอแก้ไขมาตรา 112 จะเป็นเรื่องยากลำบากขึ้น อาจจนถึงขั้น ‘แตะต้องไม่ได้’ โดยพิชายตั้งข้อสังเกตต่อว่า

“ถ้าหากไปในทิศทางสุดท้าย ผมคิดว่าเป็นเรื่องแปลกในระบอบประชาธิปไตย เพราะฝั่งนิติบัญญัติ มีอำนาจในการออก - แก้ไขกฎหมาย โดยกระบวนการเสียงข้างมากอยู่ ไม่มีพรรคการเมืองใดที่ใช้หลักขั้นตอนที่ถูกต้อง จะไปล้มล้างระบอบการปกครองได้ ผู้ที่จะล้มล้างระบอบประชาธิปไตยได้ คือทหาร โดยการทำรัฐประหารเท่านั้น พรรคการเมืองหรือ สส. ทำได้แค่กรอบประชาธิปไตยเท่านั้น

รศ.ดร. พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต กล่าวทิ้งท้าย

จับตาดูให้ดี ไม่ว่าเหรียญจะออกมาหน้าไปไหน ก็ล้วนส่งผลต่อ ‘พรรคก้าวไกล’ และ ‘การเมืองภาพใหญ่’ แน่ทั้งสิ้น  

พรุ่งนี้คงรู้กัน…

02 (4).jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์