



‘อังคณา นีละไพจิตร’ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เข้าแสดงตนเป็น สว.ต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาแล้ว พร้อมกล่าวถึง การพูดคุยประสานเพื่อเลือก ‘ประธานวุฒิสภา’ ว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครมาพูดคุยด้วย แต่ส่วนตัวเห็นว่า โดยหลักการอยากสนับสนุนให้มีประธานหรือรองประธานวุฒิสภาที่เป็นสตรี หากมองเรื่องความเสมอภาคทางเพศ เพราะขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรก็ไม่มีผู้หญิงเป็นประธาน ส่วนจะเป็นใครนั้นโดยหลักการคิดว่าเป็นใครก็ได้ คนที่ได้รับเลือกเป็นสว.เข้ามาก็มีศักยภาพที่ทำหน้าที่ได้ และหากว่า มีคนเสนอตนเอง ก็ทำได้เช่นกัน
สำหรับกรณีที่มีการรวมกลุ่มโดยใช้ชื่อว่า ‘สว.พันธุ์ใหม่’ และมีชื่อ ‘อังคณา’ อยู่ในนั้นด้วยนั้น อังคณา กล่าวว่า ในกลุ่มของนันทนา นันทวโรภาส ก็เป็นกลุ่มที่เคยทำงานภาคประชาสังคมด้วยกันมาก่อน มีความสัมพันธ์ส่วนตัวและรู้จักกัน ก็รวมตัวกันประมาณ 20 กว่าคน และตนเองก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
อังคณา ย้ำว่า ส่วนตัวอยากเห็นประธานวุฒิสภามาจากพลเรือน และอยากเห็นว่าเป็นผู้หญิง และถ้าพูดไปแล้ว เราไม่ได้มาจากกลุ่มที่มีใครหนุนหลังเข้ามา ก็อยากจะขอโอกาสเสียงของคนส่วนน้อยไม่ได้เข้ามามีบทบาทในวุฒิสภาด้วย ซึ่งต้องรอดูว่า สมาชิกที่ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มก้อนใหญ่จะเปิดโอกาส หรือจะใจกว้างให้กับคนที่เป็นคนส่วนน้อยได้แค่ไหนด้วย
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เคยทำงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หากมี ‘พล.อ.’ มานั่งเป็นประธานจะรู้สึกอย่างไร อังคณา กล่าวว่า หากพูดถึงในระดับสากล ในประเทศที่เป็นประชาธิปไตย เราไม่ค่อยเห็นหน่วยงานด้านความมั่นคง ในระดับเจ้าหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นอดีต หรือในปัจจุบันที่กำลังปฏิบัติหน้าที่เข้ามาเป็นประธานในสภา จึงอยากเห็นคนที่เป็นพลเรือนมาเป็นประธานมากกว่า
ส่วนที่ขณะนี้สว.มีหลายก๊กหลายก๊วนจะเป็นอุปสรรคในการทำงานร่วมกันในอนาคตหรือไม่นั้น อังคณา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่น่าจะเป็นอุปสรรค และสุดท้ายก็ต้องทำงานร่วมกัน แต่อยากขอให้คนที่เป็นกลุ่มใหญ่เปิดใจรับฟังหรือ ฟังเสียงของคนที่เป็นส่วนน้อยด้วย เพราะตนเองก็เหมือนจะเป็นส่วนน้อย และหากว่า ทำงานแบบประชาธิปไตย สุดท้ายเราก็ต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ แต่อยากเห็นเสียงส่วนใหญ่มีมติอย่างมีเหตุมีผลตามหลักการทำความเป็นจริง ความถูกต้องชอบธรรม
ส่วนหากคนที่เป็นตัวเต็งและถูกมองว่า เชื่อมโยงกับฝ่ายการเมืองมาเป็นประธาน จะเป็นการยืนยันว่า การเมืองเข้ามาครอบงำวุฒิสภาหรือไม่นั้น อังคณา กล่าวว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ทำให้คิดได้ เช่นคนที่ใกล้ชิดหรือสนิทกับพรรคการเมือง คงทำให้ชาวบ้านอดคิดไม่ได้ว่า น่าจะมีความเชื่อมโยงหรือความสัมพันธ์ในอนาคต ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้อยากจะพูดแบบมี Ambition ว่า กลุ่มคนอิสระและกลุ่มคนเล็กๆ หลายคนก็มีศักยภาพที่จะทำงานได้ หากเปิดโอกาสให้