ผู้สื่อข่าสรายงานการประชุมสมาชิกวุฒิสภา (สว.) วาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับเลือกเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้แก่
- สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ชาตรี อรรจนานันท์ อดีตอธิบดีกรมการกงสุล และอดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศ
เพื่อแทน นครินทร์ เมฆไตรรัฐ ประธานศาลตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และ ปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ในที่ประชุมได้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง ซึ่งส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนทั้ง สิริพรรณ และ ชาตรี
โดยทาง เทวฤทธิ์ มณีฉาย (สว.) อภิปรายว่า คนที่ สิริพรรณ จะเข้าไปแทนคือ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ก็ให้ความเห็นกับมาตรา 112 ไว้ โดยมีการเผยแพร่ในสื่อช่วงปี 2554 เป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่ สิริพรรณ มีมุมมองต่อมาตรานี้ รวมถึง อุดม รัฐอมฤต ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เคยเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ให้กับนักศึกษาเกี่ยวกับมาตรานี้ หากหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพิจารณา เพราะหากมีปัญหา ทั้ง 2 ท่านก็คงจะเป็นประเด็นไปก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น จึงคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรนำมาเป็นประเด็น
ด้าน น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ (สว.) อภิปรายว่า ทั้ง 2 คนผ่านการคัดเลือกมาด้วยความรู้ความสามารถ และประสบการณ์อย่างแท้จริง แทบจะไม่มีข้อสงสัยใดๆ ทุกคนที่ได้อ่านประวัติล้วนแล้วแต่ชื่นชมยินดี โดยเฉพาะ สิริพรรณ จึงอยากให้สมาชิกได้พิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อจะลงคะแนนให้ท่านได้เป็นตุลาการศาล และเราจะได้มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นสุภาพสตรีที่มีความรู้ความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใครในประเทศไทย
ส่วน ชาตรี ก็เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องรัฐศาสตร์ทางการทูตอย่างดี ถ้าเรามีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ล่วงรู้ไปถึงกลไกลของศาลโลก ย่อมที่จะได้รับอานิสงส์จากท่านเป็นอย่างยิ่ง จึงขอสนับสนุนทั้ง 2 คนให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ อังคนา นีละไพจิตร (สว.) อภิปรายว่า ผู้ถูกเสนอชื่อบางคนเป็นคนทำงานเป็นที่รู้จัก มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ คนเหล่านี้มักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ หลายคนถูกฟ้องร้อง ถูกดำเนินคดีซึ่งเป็นธรรมดาสำหรับคนที่ทำงานเพื่อสาธารณะและเพื่อประโยชน์ของสังคม
ในฐานะที่เคยเป็นอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ก็เคยถูกเลือก และมีเพื่อนอีกหลายคนที่ได้รับการเสนอชื่อแต่ไม่ถูกเลือก จึงเห็นว่าสิ่งสำคัญที่สุด วุฒิสภาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีเหตุผลที่สามารถอธิบายต่อสังคมได้ แต่ในการพิจารณาองค์กรอิสระทุกครั้ง ผู้ได้รับการเสนอชื่อจะไม่มีโอกาสได้เข้ามาชี้แจงด้วยตัวเองวุฒิสมาชิกเอง ก็มีเฉพาะบางท่านที่มีโอกาสได้รับเลือกเข้าเป็นกรรมการตตรวจสอบประวัติ
และดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยมีโอกาสได้รับเลือกให้เป็นกรรมการฯ และไม่เคยมีโอกาสที่จะซักถามผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ, คิดว่าคนที่ทำงานเพื่อสังคมเรา จะรู้ว่าใครที่เป็นคนทำงานและปกป้องผลประโยชน์ประชาชนอย่างแท้จริง คิดว่าการเลือกองค์กรอิสระทุกครั้งมีความสำคัญ หลายครั้งคนที่ดิฉันเห็นว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมและสมควรที่จะได้รับเลือกเข้ามา กลับไม่ได้รับเลือก และไม่มีเหตุผลที่จะอธิบายว่าเพราะอะไร
ดิฉันจึงอยากเห็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีสัดส่วนทางเพศ และอยากเห็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศ ด้านสิทธิมนุษยชน เพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องสำคัญ และต่อไปในการพิจารณาคัดเลือกองค์กรอิสระ ดิฉันอยากเห็นคนที่ทำงานโดยที่ไม่กลัวถูกวิพากษ์วิจารณ์ ไม่กลัวการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี แต่เอาตัวเองเป็นหลักในการที่จะปกป้องคนอื่น จึงอยากให้สมาชิกเลือกด้วยความรอบครอบและเป็นอิสระ
อังคนา นีละไพจิตร (สว.)
ส่วน รัชนีกร ทองทิพย์ (สว.) อภิปรายว่า เท่าที่รู้จัก สิริพรรณ เป็นคนดีอย่างยิ่ง เป็นผู้ที่มีความเป็นกลางทางวิชาการมีความเป็นกลางในการพิจารณาสิ่งต่างๆ โดยใช้หลักวิชาการเข้ามาประกอบ ปัจจุบัน สิริพรรณ เป็นศาสตราจารย์ ดังนั้นการเป็นศาสตราจารย์ในสาขาวิชารัฐศาสตร์ไม่ใช่เรื่องง่าย คนที่เป็นศาสตราจารย์ได้ต้องมีผลงานทางวิชาการเชิงประจักษ์ ไม่ใช่เชิงประจักษ์ธรรมดา แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างมากในเรื่องของรัฐธรรมนูญและสาขาต่างๆ ของวิชารัฐศาสตร์
การเป็นอาจารย์ที่จุฬาลงก่อนมหาวิทยาลัยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย สิริพรรณดำรงในฐานะแม่พิมพ์อย่างดียิ่ง เป็นแบบอย่างของบุคคลที่ได้เห็น ประพฤติตนอยู่ในกรอบแห่งจริยธรรมครบถ้วนสมบูรณ์ และไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับ สิริพรรณในทางที่ไม่ดีเลย วันนี้ สิริพรรณได้รับเลือกเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คือทางออกของประเทศไทย
ทำงานเพื่อสาธารณะ มักมีประเด็นทุกครั้งที่ทำอะไรมักจะมีสองด้านเสมอ คนไม่พูดคือไม่ผิด ใช่หรือไม่? คนทำ คนไม่ทำอะไรคือไม่ผิด ใช่หรือไม่? ประเทศไทยเราต้องการให้คนไม่ทำอะไรเข้ามาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่? สิ่งที่อาจารย์สิริพรรณทำ เคยถูกตั้งคำถาม แต่อาจารย์ก็ชี้แจงได้ว่าเป็นเหตุผลทางวิชาการ, คนไม่ทำอะไร ไม่เคยด่างพร้อย ไม่เคยถูกตั้งคำถาม ไม่เคยถูกร้องเรียนเลย ควรมาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่? เราอยากได้คนที่เพิกเฉยต่อสาธารณะ เพิกเฉยต่อประเทศชาติมาทำงานในตำแหน่งที่สูงของประเทศ-ขององค์กรอิสระหรือ? เชื่อว่าเมื่ออาจารย์สิริพรรณ เข้ามาเป็นตุลาการฯ จะทำงานด้วยความเป็นกลางไม่เห็นแก่พวกพ้อง
รัชนีกร ทองทิพย์ (สว.)
ส่วน นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ (สว.) อภิปรายว่า ทั้ง 2 ท่านที่ได้รับการเสนอชื่อในการดำรงตำแหน่งได้ผ่านกระบวนการอันชอบธรรม โดยคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง บางท่านอาจจะได้เสียงเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ 8:0 บางท่านอาจจะผ่านการพิจารณาถึง 3 รอบ
ซึ่งตนเองไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวทั้ง 2 คน เพราะอยู่คนละแวดวงกัน แต่ให้เกียรติคณะกรรมการสรรหาทั้ง 8 คน มีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับ เมื่อคัดเลือกมาแล้ว ส่วนตัวก็จะเลือกทั้ง 2 คน แม้อาจจะมีบางคนต้องต่อสู้คดีบ้าง ปัจจัยสิ่งสำคัญคือคำพิพากษา เมื่อพิสูจน์แล้วว่าบริสุทธิ์ ถือว่าผ่าน
คนเราจะไม่มีคดีเลย ก็คือเราต้องไม่ออกจากบ้าน ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใคร เพราะบางคนอาจจะถูกหมั่นไส้เฉยๆ ก็ได้หรืออบางเรื่องอาจจะไปพัวพัน โดยอาจจะไปร่วมเฉยๆ ก็ได้ เมื่อพิสูจน์แล้วว่าบริสุทธก็ถือว่าผ่าน ในส่วนคุณธรรมจริยธรรมผมคิดว่า เราควรดูว่าเขาทำงานได้หรือไม่ มีปัญหาไม่ดี ไม่งาม หรือไม่ ผมไม่อยากให้เป็นบรรทัดฐานว่าได้รู้จักกับใครหรือไม่ เขาเคยไปท่องเที่ยวเมืองรองหรือเปล่า ซึ่งเมืองรอง มีหลายเมือง เคยไปหรือไม่ หรือไม่ไปก็ยังไม่ผ่าน ต้องไปสันถวไมตรีก่อนถึงผ่าน หากเกณฑ์เป็นเช่นนี้ก็น่าเศร้าใจ หลายคนดำรงตำแหน่งจนถึงทุกวันนี้เพราะความมั่นใจในสิ่งที่ตนเองมั่นใจในคุณธรรมที่มี จึงไม่ไปสันถวไมตรีกับผู้ยิ่งใหญ่ที่ไหน และถ้าเหตุผลนี้จะเป็นเหตุผลที่ทำให้ตกไป ผมคิดว่าน่าเสียดาย
นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ (สว.)
จากนั้น เป็นการประชุมลับ เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปรายและแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่ไม่สามารถเปิดเผยได้
หลังประชุมลับเสร็จสิ้น มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้แจ้งให้สมาชิกลงมติ ให้ความเห็นชอบหรือไม่ ต่อบุคคลทั้งสอง โดยใช้การออกเสียงแบบลับเป็นรายบุคคล ซึ่งผลปรากฏว่า
- สิริพรรณ นกสวน สวัสดี : ไม่ได้รับความเห็นชอบ ด้วยคะแนน 136 ต่อ 43, งดออกเสียง 7, ไม่ลงคะแนน 1
- ชาตรี อรรจนานันท์ : ไม่ได้รับความเห็นชอบ ด้วยคะแนน 115 ต่อ 47, งดออกเสียง 22, ไม่ลงคะแนน 3
ทำให้ทั้งสองคนได้รับคะแนนเสียงน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดที่ลงคะแนนได้ และไม่ผ่านการเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ