senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo00.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo01.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo02.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo03.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo04.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo05.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo06.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo07.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo08.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo09.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo10.jpg

Photo Story: สว.รุมสับ! ‘รมว.ยุติธรรม-อธิบดี DSI’

4 มี.ค. 2568 - 04:23

  • สว.รุมสับ ‘รมว.ยุติธรรม-อธิบดี DSI’ ปม ฮั้วเลือก สว.

  • ด้าน ‘สว.ฉัตรวรรษ’ ปูด ทฤษฎี ศูนย์มีค่ามากกว่าหนึ่ง หวังได้สว.มาแก้รธน. ถาม ‘DSI’ รู้ขบวนการปิดห้อง 400 คน แจกโพยเลือก ได้ตัวเลข 21+24 หรือไม่ ยืนยัน ‘สว.น้ำเงิน’ พร้อมเข้าสู่กระบวนการ หากมีพยานหลักฐานเพียงพอ

  • ‘นันทนา’ สะท้อน ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของผู้ต้องขัง ชี้ ถ้ามีเงินได้อัพเกรดเป็น ‘เทวดา’ อยู่ชั้น 14 แต่คนจนไม่มีอำนาจ เปรียบเป็น ‘สัมภเวสี’

senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo00.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo01.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo02.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo03.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo04.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo05.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo06.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo07.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo08.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo09.jpg
senator-4mar25-ep1-SPACEBAR-Photo10.jpg

การประชุมวุฒิสภา ที่มี ‘บุญส่ง น้อยโสภณ’ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้พิจารณาเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเสนอโดย ‘พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร’ สว. เป็นผู้เสนอ

ในตอนหนึ่งของการเสนอญัตติ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า ในกระบวนการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ต่อการรับเรื่องร้องเรียนในกระบวนการเลือก สว. มีการล็อกเป้าหมาย โดยอ้างว่า มี สว.จำนวน 138 คน ซึ่งในกระบวนการสืบสวนสอบสวนดีเอสไอสามารถล็อกเป้าแยกประเภทสี มุ่งเป้าสว.สีน้ำเงินได้อย่างไร ซึ่งวันนี้ใส่เสื้อสีน้ำเงินมาเพื่อขออภิปราย และพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการแจ้งข้อกล่าวหาและกระบวนการยุติธรรม หากมีพยานหลักฐานเพียงพอจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ 

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวด้วยว่า เคยได้ยินหรือไม่ว่า มีทฤษฎี ‘ศูนย์มีค่ามากกว่าหนึ่ง’ นักคณิตศาสตร์ยังคิดไม่ได้ แต่มีนักเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทยสามารถคิดได้ ทำให้ศูนย์มีค่ามากกว่าหนึ่ง และได้จำนวน สว. ที่เข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ  ทั้งนี้ มี สว.ที่เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้อิมแพคเมืองทองธานี พบเห็นเหตุการณ์ปิดห้องประชุมลับ จำนวน 400 คน และแจกจ่าย เอกสาร หมายเลขที่ใช้เลือก อยากถามว่า อธิบดีดีเอสไอรับทราบข้อมูลดังกล่าวหรือไม่ มีข้อมูลสืบสวนเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ เห็นว่า การดำเนินการลักษณะดังกล่าวเป็นขบวนการสมคบกัน ร่วมกันตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน อำเภอ จังหวัด และจากการดำเนินงานได้ตัวเลข คือ 21+24 คล้ายกับตัวเลข 138+2

“ตัวเลขชุดนี้ อธิบดีดีเอสไอสามารถสอบสวนตามที่กล่าวหาว่า เป็นกระบวนการอั้งยี่หรือไม่ ผมเห็นว่า การเลือกปฏิบัติ และการที่ดีเอสไอพยายามให้บอร์ดดีเอสไอให้สิทธิพิเศษฮั้วเลือกตั้ง สว. เป็นการก้าวก่าย เข้าข่ายล้มล้างการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งคนธรรมดาและอัยการสูงสุดสามารถดำเนินการเพื่อให้วินิจฉัยและยุติการกระทำดังกล่าว และตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 116 เข้าข่ายยุยง ปลุกปั่น มีเจตนาเปลี่ยนแปลงกฎหมายของแผ่นดิน ทำให้เกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร”

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าว

จากนั้น ‘นันทนา นันทวโรภาส’ สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ ลุกขึ้นอภิปรายเป็นคนแรก โดยระบุว่า คำกล่าวที่ว่า คุกมีไว้ขังคนจน เป็นจริงหรือไม่ วิญญุชนย่อมรู้ดี และยิ่งไปกว่านั้น ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของผู้ต้องขังก็ยิ่งแตกต่างกันคนละพิภพ ถ้ามีเงินมีอำนาจ ก็จะได้อัพเกรดเป็นเทวดาจุติมาที่วิมานชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนคนจนไม่มีอำนาจ ก็เป็นสัมภเวสี รอรับการรักษาพยาบาลอยู่แถวหน้าห้องพยาบาลในเรือนจำ ไม่ว่าจะป่วยหนักแค่ไหน ก็ห้ามออกไปรักษาที่ไหน ถ้าจะตายก็ต้องตายในเรือนจำ ที่หรือคือความยุติธรรมของผู้ต้องขังในเมืองไทย

‘นันทนา’ ยังย้อนไทม์ไลน์กรณีที่มีผู้ต้องขังป่วยในเรือนจำหลายกรณีที่การรักษามีความล่าช้า จนกระทั่งผู้ต้องขังเสียชีวิต เพราะการที่จะเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลต้องป่วยหนักเท่านั้น หมอและพยาบาลเป็นของหายากในเรือนจำ สภาพภายใน รพ.ราชทัณฑ์แออัด บางครั้งผู้ต้องขังต้องนอนกับผู้ป่วยที่ตายแล้วจนถึงเช้า รอจนผู้คุมมาจึงเคลื่อนย้ายศพไปได้ นี่คือความเหลื่อมล้ำ

“เราไม่คาดหวังให้ผู้ต้องขังทุกคนต้องได้รักษาที่ชั้น 14 ขอเพียงให้เขาเหล่านั้น ได้เข้าถึงการรักษา หมอ พยาบาล ยา เครื่องมือ สถานพยาบาลตามสิทธิเท่านั้นพอแล้ว ขอฝากไปยัง รมว.ยุติธรรม เพื่อมอบสิทธิการรักษาพยาบาลผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ต้องไม่มีเทวดา ไม่มีสัมภเวสีอีกต่อไป”

นันทนา กล่าว

ด้าน ‘พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย’ สว. กล่าวว่า ที่ผ่านมาเป็นข่าวอึกทึกครึกโครมมาก ประชาชนตื่นเต้นมากว่า วุฒิสภาเป็นอะไร เป็นอั้งยี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นไปได้อย่างไร พวกเรามาตามบทบาทมาตามหน้าที่ มาตามครรลองของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  และมาตามรัฐธรรมนูญปี 2560 แต่คำกล่าวของบางท่าน เขียนป้ายใส่หน้าอกแล้วกล่าวหาว่า เป็นอั้งยี่ มันอะไรกันนักหนา มันคืออะไร

พล.ต.ท.บุญจันทร์ อธิบายคำว่า อั้งยี่ ว่าเป็นการรวมกลุ่มตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป รวมตัวกันเป็นสมาคมหรือองค์กรที่กระทำความผิดทางอาญา ซึ่งหากเป็นแบบนั้น ขอให้ดีเอสไอไปตรวจสอบการเลือกตั้งทั่วประเทศเลย แบบนี้มันเป็นอั้งยี่หมดทั่วประเทศ ตีความผิดหรือไม่ จินตนาการหรือไม่ว่าที่ผ่านมาเป็นอั้งยี่

พล.ต.ท.บุญจันทร์ กล่าวอย่างมีอารมรณ์ว่า เราไม่กลัวการตรวจสอบ แต่ขออนุญาตทำงานทำหน้าที่ไป แต่อย่าเอาปากทำ อย่าพูดมาก ลิ้นมันจะพันคอ สิทธิเสรีภาพของ สว.รัฐธรรมนูญเขียนไว้ ป้องคุ้มครอง มีสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว ชื่อเสียง เกียรติยศและครอบครัว

“ฝากนะครับ อธิบดีดีเอสไอและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อย่าใช้ปากทำงาน ใช้ส่วนอื่นทำ ทำหน้าที่ไป ถ้าทำไปพูดไป ความผิดจะตามมาหลายเรื่อง ยกตัวอย่าง หมิ่นประมาท ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เห็นได้ชัดเจนแล้วว่า ตอนนี้ สว.ทุกท่านที่นั่งอยู่ในห้องเกือบ 200 คน ถึงเวลาที่ต้องลุกขึ้นมายืนปกป้องสิทธิว่าพวกเรามาโดยชอบ มาโดยถูกต้องพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้เห็น ตอนนี้หลายกรรมาธิการ (กมธ.) ลงพื้นที่ตรวจสอบทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน เพื่อให้เห็นว่า สว. มีไว้ทำไม แต่ขณะเดียวกัน มีบางคนมันกระตุกขา กระตุกทำไม กระตุกเพื่ออะไร ตอนนี้เรากำลังทำทุกอย่างเดินไปด้วยดี แต่มีมารผจญ บางอย่างมากระตุก มาใส่ร้ายป้ายสีพวกเราตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องลุกขึ้นมายืนหยัด”

พล.ต.ท.บุญจันทร์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายของ สว.ส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ ประเด็นการได้มาซึ่ง สว. ที่มีการกล่าวหาเรื่องการฮั้วเลือก สว. มีเพียง ‘กลุ่มพันธุ์ใหม่’ ที่อภิปรายเน้นเรื่อง ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์