ยิ่งใกล้ถึงวันครบวาระของวุฒิสภาชุดปัจจุบันในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ ยิ่งมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเมืองออกมาให้เห็นกันถี่ยิบ โดยเฉพาะการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ภายใต้ “ดีลลับลังกาวี” ที่หากมีขึ้นจริงต้องจัดการรวบหัวรวบหางทุกอย่างให้เสร็จก่อนวุฒิสภาชุดนี้จะครบเทอม
เพื่อให้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ยังต้องไปว่ากันในที่ประชุมร่วมสองสภา ใช้ สว.250 เสียง เป็นผู้ชี้ขาด แต่ถ้าผ่านไปจนถึงวันที่ 11 พฤษภาคมแล้ว บทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 สิ้นสุดลง เสียง สว.ก็หมดความหมาย การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องไปว่ากันในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
จึงทำให้ได้เห็นข่าวความเคลื่อนไหวการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีออกมาเป็นระยะๆ บนหน้าสื่อ เพื่อทวงสัญญานายกฯ คนละครึ่ง ทั้งปั่นกระแสยกหางกันเอง ไปจนถึงการปล่อยข่าวเพื่อหวังทำลาย
ย้อนไปเมื่อหลายเดือนก่อน ชื่อของ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ถูกจับโยนออกมาบนหน้าสื่อในฐานะตัวตายตัวแทนของ ‘ลุงตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ตอนหลังค่อยๆ หายจากหน้าสื่อไป ในขณะที่มีชื่อของ ‘พี่ใหญ่’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาแทนที่
พล.อ.ประวิตร มาพร้อมกับการปรับลุกใหม่ ในชุดเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องแต่งกายทันสมัย สีสันแสบตา และการปรับฮวงจุ้ยสารพัดในพรรค เพื่อให้สอดรับกับความเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย แถมมีคำหยอกล้อจาก ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ขณะไปลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เรื่องใจบันดาลแรงกระเซ้ามาอีกต่างหาก
แต่ พล.อ.ประวิตร มาเสียรังวัดเอาในช่วงก่อนลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ วาระ 3 หลังมีคนเจตนาดีแต่ประสงค์ร้าย ปล่อยข่าวจะคว่ำร่างกฎหมายงบประมาณ เพื่อคว่ำ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน สานฝันให้ พล.อ.ประวิตร ได้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ผ่านการอุ้มสมของ 250 สว.
ข่าวปล่อยชนิดเจตนาดีประสงค์ร้ายที่ว่า ทำให้ภาพนายกฯ เศรษฐา ดูดีขึ้นเป็นกอง ส่วนสองศรีพี่น้อง ‘ป้อม-ป๊อด’ พล.อ.ประวิตร และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มีแต่เสียกับเสีย จึงเป็นการปล่อยข่าว ที่จงใจลำลาย พล.อ.ประวิตร โดยเฉพาะ
สถานการณ์ของ พล.อ.ประวิตร ในชั่วโมงนี้จึงไม่ค่อยสู้ดีนัก แม้จะมี สว.กลุ่มที่สนับสนุนพยายามปั่นข่าวสานฝันใจบันดาลแรงให้อยู่บ้าง แต่คงเข็นไม่ขึ้น และพล.อ.ประวิตรเอง ก็รู้ดีถึงสถานการณ์ดังกล่าว จึงพยายามเปิดการเจรจาโดยพร้อมให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ลุกจากเก้าอี้รัฐมนตรี ภายใต้เงื่อนไขขอให้ลูกสาวเข้ามาเป็นแทน
แต่คนที่เคยเป็นลูกรักมาก่อนที่ตอนนี้ทำตัวเหินห่างไม่ยอม!!
เมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้ พล.อ.ประวิตร จึงตกอยู่ในห้วงพยัคฆ์ลำบาก อย่าว่าแต่ไปกดดันให้เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเลย แม้แต่การ**ปรับ ครม.**ที่จะมีขึ้นในช่วงหลังสงกรานต์นี้ ก็คงถูกกดดันอย่างหนัก และนับวันหนทางการเมืองของ พล.อ.ประวิตร ยิ่งจะตีบตัน
โดยเฉพาะเมื่อคนที่เคยเป็นลูกรักไม่ใยดี เพราะไปมีเส้นทางใหม่ของตัวเองที่สามารถเข้าถึงวงในได้อย่างทะลุทะลวงไปแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องหันหลังกลับมาอีก
ในขณะที่ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ระหว่างลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มีหลายครั้งที่พูดถึงการมาดู “โครงการพิเศษ” ดังนั้น นาทีนี้จึงมีความมั่นใจสูงเรื่องการกระชับอำนาจการเมืองไว้ในมือ
ชั่วโมงนี้เสียงลือเสียงเล่าอ้าง ไม่ว่าจะเป็น ‘ดีลลับลังกาวี’ ‘นายกฯ คนละครึ่ง’ จึงถูกปิดประตูลั่นดาลสนิท จะไม่มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 10 พฤษภาคมนี้