




พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) นำทีม สว.81 คนยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผ่าน สาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 สงสัยกลั่นแกล้งสมาชิกวุฒิสภา กรณีรับคดีฮั้วเลือกสว.เป็น คดีพิเศษ ในความผิดฐานฟอกเงิน ทั้งที่ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบ โดยมีสว. ลงชื่อทั้งหมด 105 คน
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวถึงการมายื่นครั้งนี้ว่า เป็นผลสืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษที่มีมติให้รับคดี ฮั้วเลือกสว. เป็นคดีพิเศษ จึงตั้งสมมติฐานว่า มีมูลค่าเกี่ยวกับการฮั้วสว.300 ล้านบาท ไม่รู้ว่า คิดขึ้นมาได้อย่างไร รวมถึงพยายามปล่อยข่าวรายชื่อสว.ข่มขู่ให้ตกใจ ทั้งที่เรื่องนี้เป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้งเท่านั้นที่จะมีอำนาจวินิจฉัย ไม่ใช่หน้าที่ดีเอสไอ การกระทำของบอร์ดดีเอสไอ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ใครเป็นเสียงข้างมากให้รับเรื่องเป็นคดีพิเศษ เท่ากับทำไม้บรรทัดให้เป็น 13 นิ้ว มีเจตนาพิเศษ ให้สว.ได้รับโทษทางอาญา และทราบว่า ขณะนี้ดีเอสไอ ตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบสวนคดีนี้แล้ว ซึ่งจะเป็นรายการที่สว.จะดำเนินการต่อไป เพราะหากผู้สอบไม่มีอำนาจ ก็ไม่มีสิทธิ์มาสอบผู้ถูกสอบ สามารถไม่ไปพบหรือไม่ไปให้การได้ อยากให้หน่วยงานกลาง อย่าง ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ชี้ขาดเรื่องอำนาจในการตรวจสอบของดีเอสไอก่อน เราจึงจะยอมรับ พร้อมยืนยันว่า ที่มาของสว.ชุดนี้มีกระบวนการถูกต้อง ผู้ที่ไม่ได้รับเลือกย่อมไม่พอใจ แม้อ้างว่า มีพยานหลักฐานมากมาย แต่พยานหลักฐานเหล่านั้นเพียงพอหรือไม่
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวอีกว่า การกล่าวหา สว.ของพ.ต.อ.ทวีและดีเอสไอ ทำให้สว.ถูกดูหมิ่น ว่าไม่สุจริต ทั้งที่กกต.รับรองสว.มาตั้งแต่ต้น และกกต.ได้รับคำร้องเรียนเรื่องเลือกสว.เป็นจำนวนมาก อาจมีหลักฐานมากกว่าดีเอสไอ แต่ผู้ร้องอยากเป็นสว.เร็ว อยากขยับขึ้นมาเร็ว ก็ไปกล่าวหากกต.ทำงานช้า ถ้ากกต.ไปสอบผู้สมัครทั่วประเทศ 40,000 คน จะใช้เวลานานเท่าไร ดังนั้น อย่าไปกดดันหรือก้าวก่ายการทำงานของกกต. เรายอมรับการตรวจสอบจากกกต. ที่ผ่านมา สว.หลายคนถูก กกต.เรียกไปสอบ ก็ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของกกต. _แต่ดีเอสไอ เมื่อสอบแล้ว พบว่าเป็นความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ก็ต้องส่งเรื่องให้กกต.ตรวจสอบ ไม่ใช่เก็บคดีไว้ตรวจสอบเองเพื่ออะไร_
“ไม่รู้ว่าใครคุมกระทรวงยุติธรรม แต่ความยุติธรรมในประเทศไม่เกิดขึ้น ความระส่ำระสายเกิดขึ้นทุกองค์กร จากผู้นำจิตวิญญาณบางคนที่คุมฝ่ายการเมืองได้ ฝ่ายการเมืองที่คุมดีเอสไอถูกครอบงำหรือไม่ ให้ไปคิดดูกันเอาเอง ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีอำนาจในการตรวจสอบ”
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าว
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ได้ยกตัวอย่างเปรียบเทียบกรณีนี้ว่า เหมือนคนเลี้ยงแมวที่มีปลอกคอ คอยกระตุกว่า จะเลือกจับหนู ตัวไหน โดยนอกจากแมวจะจับหนูแล้วยัง กินปลาด้วย แต่วันหนึ่งเจ้าของแมว โยนแมวลงไปในน้ำเพื่อให้จับปลา แต่ลืมไปว่าแมวว่ายน้ำไม่เป็น แมวก็เลยจมน้ำตาย เหมือนอธิบดีดีเอสไอที่ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบ ซึ่งสักวัน หากคนเลี้ยงแมวไม่อยู่ แมวก็จะตายและติดคุก
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเสนอให้ยุบดีเอสไอ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเพียงข้อเสนอของรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการชุดหนึ่ง ซึ่งมีการนำเข้ามารายงานในที่ประชุมวุฒิสภา โดยจะหยิบยกข้อเสนอดังกล่าวเข้าไปพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาลวุฒิสภา
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องของการฮั้วเลือก สว.มีความพยายามที่จะเปลี่ยนสี สว.สีน้ำเงินให้มาเป็นสว.สีแดงนั้น พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ กล่าวว่า เป็นเพียงนักวิเคราะห์ข้างตู้ที่คนอีสานเอาไว้ดูมวย ซึ่งส่วนตัวไม่ฟัง จะวิเคราะห์ถูกหรือผิดก็ไม่เห็นมีใครออกมารับผิดชอบ และที่สังคมมองว่าเรื่องนี้เป็นการเอาคืนทางการเมืองนั้น พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ก็กล่าวว่า ทำไมไม่มองว่าสว.ถูกกลั่นแกล้งบ้าง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง และสว.มีหน้าที่ในการปกป้องสถาบัน