สว.พันธุ์ใหม่ นำโดย นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา(สว.) แถลงถึงกรณีการของบประมาณปรับปรุงรัฐสภาว่า เป็นงบประมาณที่ฟุ้งเฟ้อเกินความจำเป็น ไม่สมเหตุสมผลและมีแนวโน้มที่จะส่อไปในเชิงความไม่โปร่งใส เราจึงต้องออกมาสื่อสารกับประชาชนว่างบประมาณที่มีการขอเข้ามาไม่สมเหตุสมผล ไม่ได้ยึดโยงกับหลักการที่ควรจะเป็น งบประมาณจัดสร้างรัฐสภา จำนวน 120 ไร่ พื้นที่ 420,000 ตารางเมตร ใช้งานมาแล้ว 4 ปี แต่ชำรุดสุดโทรมเป็นอย่างมาก ในฐานะที่พวกเราเป็น สว.เวลาประชุมก็เจอน้ำรั่ว ทั้งน้ำฝน น้ำแอร์ ฝ้าเพดานถล่ม ซึ่งเราเห็นความรั่วชำรุด แต่ไม่มีงบในการจัดการ
“พวกเราหาห้องประชุมไม่เจอ แม้จะทำงานมา 10 เดือน รัฐสภานี้เป็นรัฐสภาพิศวง ต้องเชื่อมจิตไปยังห้องต่างๆ เอง ไม่สามารถหาห้องได้จากป้าย และยังไม่มีแนวโน้มที่จะของบมาทำป้าย แต่งบที่ขอมาเป็นงบที่สิ้นเปลืองโดยสิ้นเชิง”
— นันทนา กล่าว
นันทนา กล่าวว่า สำหรับงบประมาณซ่อมแซมสภาฯ ที่จะถูกพิจารณาในงบปี 69 มี 10 โครงการ มูลค่า 956 ล้านบาท ส่วนอีก 5 โครงการเป็นงบฯ หมกเม็ด แม้ยังไม่อนุมัติ แต่ก็มีการดำเนินการไปแล้ว โดยงบประมาณ 10 โครงการที่จะมีการพิจารณา อาทิ โครงการปรับปรุงพิพิธภัณฑ์รัฐสภา ทั้งที่ไม่เคยใช้เลย เขาเรียกว่า ‘ป่าช้า’ เพราะไม่มีอะไรจัดแสดงให้เห็นว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวข้องกับกระบวนการนิติบัญญัติ
“โครงการพัฒนาระบบภาพยนตร์ 4D แบบ IMAX ดินน้ำลมไฟต้องมา จำนวน 180 ล้านบาท เอามาทำอะไร เราเป็นรัฐสภาไม่ต้องการลมฝนพายุ โครงการปรับปรุงไฟส่องสว่างห้องสัมมนา 117 ล้านบาท โครงการปรับปรุงศาลาแก้ว ซึ่งไม่เคยมีใครใช้ เหมาะแก่การตากปลาหมอคางดำ เสนอติดแอร์มา 123 ล้านบาท อาจทำให้ค่าไฟของรัฐสภาพุ่งเป็น 30 ล้านบาท จากเดิม 12 ล้านบาทต่อเดือน”
— นันทนา กล่าว
นันทนา กล่าวว่า โครงการติดตั้งภาพและเสียงห้องจัดเลี้ยง 99 ล้านบาท โครงการจัดซื้อจอ LED 72ล้านบาท โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ 43 ล้านบาท โครงการปรับปรุงห้องจัดเลี้ยงอีก 43 ล้านบาท ปัจจุบันน้ำยังรั่ว ฝ้ายังถล่ม รายังขึ้นตามเสา มีคำถามว่า ผู้รับเหมาเดิมไม่รับผิดชอบหรือไม่ ปกติการสร้างอาคารหรือบ้านจะใช้เวลารับประกันน้อยที่สุด 10 ปี แต่นี่อาคาร 2 หมื่นกว่าล้านบาท ทำไมไม่เรียกผู้รับเหมาเดิมมาซ่อมหรือปรับปรุง

นันทนา กล่าวว่า ส่วนอีก 5 โครงการที่หมกเม็ด เป็นโครงการสร้างอาคารจอดรถเพิ่มเติม ปัจจุบันอาคารจอดรถชั้น B1 และB2 จอดรถได้ 1,900 คัน ทั้งที่ข้อบัญญัติของกทม.ระบุว่า อาคารที่สร้างขึ้นหลังปี 2540 จะต้องมีพื้นที่ 120 ตารางเมตรต่อรถ 1 คัน ดังนั้นสภาฯ มีพื้นที่ 420,000 ตารางเมตร จึงต้องมีที่จอดรถ 3,530 คัน ทำผิดระเบียบผิดกฎหมายตั้งแต่ต้น ทำไมถึงจะสร้างอาคารจอดรถเพิ่มเติม จอดได้เพิ่ม 4,600 คัน เฉลี่ย 1 ช่องจอด 1 ล้านบาท แพงกว่าตึก สตง.อีก
นอกจากนี้ ยังมีโครงการตกแต่งฉากหลังบัลลังก์ประธานสภาฯ 133 ล้านบาท ตนไม่เข้าใจว่าเราจะทำจิตรกรรมฝาผนังงดงามระหว่างที่ประชุมเพื่อพิจารณาความเดือดร้อนของประชาชนไปเพื่ออะไร โครงการงบซ่อมแซมเสาไม้สักที่ราขึ้นอีก 31 ล้านบาท เราผิดพลาดตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง มีการรับมอบงานเมื่อเดือน ก.ค.67 ไม่ถึง 1 ปี ชำรุดทรุดโทรมช้ามั่วรั่วพัง เป็นสิ่งที่เราออกมาปฏิเสธว่า เราไม่สามารถที่จะให้งบประมาณที่ฟุ้งเฟ้อผ่านสภาฯ ไปได้
ด้าน สุนทร พฤษพิพัฒน์ สว.กล่าวเสริมว่า การก่อสร้างอาคารจอดรถเพิ่มเติม 4,600 ช่อง มูลค่า 4,600 ล้านบาท มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 28 ม.ค.68 อนุมัติออกมาแล้ว แต่ส่วนตัวเห็นว่าไม่สมควรและราคาแพงเกินไป เพราะการก่อสร้างต้องขุดดินลงไปฝั่งถนนสามเสน ขณะนี้มีที่จอดรถ 1,900 คัน สามารถหาวิธีในการแก้ไขเพิ่มเติมได้ดีกว่านี้ ซึ่งก่อนหน้านี้สถาปนิกเคยมีการออกแบบไว้มากถึง 8 แบบ อีกทั้งเห็นว่ารอบสภาฯ มีพื้นที่เราเป็นพื้นที่ของทหาร สามารถไปขอใช้พื้นที่แล้วเดินข้ามมา หรือไปสร้างที่จอดไว้แล้วมีรถเวียนมารับได้ แต่คำถามที่อยากจะทราบคือ ทำไมต้องทำถึง 4,600 คัน สร้างเพิ่มแค่ 1,000 คันก็เพียงพอแล้ว
“ผมยังได้พูดคุยกับหัวหน้าคณะสถาปนิกที่ออกแบบอาคารรัฐสภา โดยมีการยืนยันว่า ผู้ว่าจ้าง ระบุที่จอดรถเพียง 2,000 คัน ซึ่งผิดข้อบัญญัติ กทม.ตั้งแต่เริ่ม เพราะความจริงจากพื้นที่อาคาร สภาฯ ควรมี 3,500 คันตามกฎหมาย ส่วนแนวคิดที่จะมีการถมสระมรกตเพื่อสร้างห้องสมุดเพื่อแก้ปัญหายุงนั้น ผมยังได้พูดคุยกับหัวหน้าคณะสถาปนิกที่ออกแบบฯ โดยยืนยันว่า สระมรกตออกแบบในลักษณะเดียวกับสระว่ายน้ำ มีการหมุนเวียนของระบบน้ำกรอง อีกทั้งการออกแบบสระนี้ ช่วยเรื่องการประหยัดพลังงานและเพิ่มความเย็นให้กับอาคาร การสร้างห้องสมุดจะทำให้อาคารร้อนขึ้น ซึ่งได้ยินเสียงว่า หากร้อนก็ให้ติดแอร์ ซึ่งผมเองไม่ได้เห็นด้วย เพราะค่าไฟของสภาฯ ก็สูงถึง 13 ล้านบาทต่อเดือนแล้ว”
— สุนทร กล่าว
พรชัย วิทยเลิศพันธุ์ สว. กล่าวว่า ในรัฐสภาตอนนี้มีปัญหาเร่งด่วนที่ควรจัดสรรงบประมาณโดยด่วน เรื่องที่มองว่าเป็นเรื่องอัปยศที่สุดคือ ห้องน้ำผู้ชายบริเวณชั้น B1 ที่อยู่ติดกับห้องสัมมนา ที่มีทั้งหมด 5 ห้องไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมด เสียมานานแล้ว ทั้งนี้ ได้สอบถามแม่บ้านที่ดูแลพื้นที่ดังกล่าวได้รับคำชี้แจงว่า มีช่างมาซ่อมหลายครั้งแล้ว แต่ปรากฎว่า ซ่อมไม่ได้ ขณะนี้มีการแก้ไขโดยการติดป้ายที่เขียนโดยลายมือว่า “ห้ามเข้าส้วมเป็นอันขาด น้ำไม่มี” ส่วนห้องประชุมก็ไม่ทราบว่าออกแบบกันอย่างไร เพราะชั้น 2 มีห้อง 203 ถึง 4 ห้อง บางครั้งไปทั้งหมด ยังไปไม่ถูก เพราะไม่มีป้ายแจ้งอย่างชัดเจน อีกทั้งเรื่องของโรงอาหารฝั่งสว. ต้องบอกเลยว่า กระจกงอกหง่อยมาก มีที่นั่งไม่ถึง 100 ที่นั่ง ขณะที่เฉพาะเจ้าหน้าที่ข้าราชการของวุฒิสภาก็มีมากกว่า 100 คนแล้ว อยากตั้งคำถามว่า งบทั้งหมดตั้งเพื่อประชาชนหรือเพื่อใคร
เมื่อถามว่า มีความเห็นอย่างไรในเรื่องของการของบให้สว.เรียนภาษาจีน พรชัย กล่าวว่า เข้าใจว่าเป็นงบสำหรับปี 2569 ซึ่งมีการจัดงบภาษาจีนสำหรับสว.ติดต่อกันมาแล้ว 10 ปี ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่างสถานฑูตจีน และมหาวิทยาลัยหัวเฉียว ในปี 2568 ใช้งบประมาณไปเพียง 3 หมื่นกว่าบาทเท่านั้น แต่ที่ปีนี้ของบกว่า 2 ล้านกว่าบาท ไม่แน่ใจว่า เกิดอะไรขึ้น แต่ล่าสุดมีการถอนงบดังกล่าวไปแล้ว