หลังมีข่าวออกมาไม่กี่วันก่อน ในที่สุด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ก็แถลงจุดยืนพรรคเสรีรวมไทย ขอถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกับ ‘พรรคเพื่อไทย’
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ ระบุว่า พรรคเสรีรวมไทยทำหน้าที่พรรคร่วมรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว แม้ยังต้องการทำงานให้ประเทศ แต่เมื่อไม่มีโอกาสก็ขอไปทำงานด้านอื่นก็ได้ ที่ผ่านมา เศรษฐา ทวีสิน ตั้ง ‘นักโทษ’ มาเป็นรัฐมนตรี แต่ปัจจุบัน ‘นักโทษ’ มาตั้งรัฐมนตรีเอง จะอยู่ร่วมกันต่อไปได้อย่างไร จึงได้ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เมื่อวันที่ 27 ส.ค. และมีมติ 7 เสียงต่อ 4 เสียง ให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล
ได้แจ้ง แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผ่าน สรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ว่าขอถอนตัว และจะเป็นอิสระต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อให้พรรคได้สร้างผลงานและปฏิบัติงานตามอุดมการณ์แนวนโยบายของพรรคอย่างเต็มที่และรักษาประโยชน์ประชาชนประเทศชาติ ทั้งนี้ การอยู่ร่วมรัฐบาลต่อ โดยมารยาทจะไม่สามารถวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลได้ จะอึดอัด ทำอะไรต้องยอมให้เขาเหยียบตลอดเวลา
ส่วนเหตุผลที่ถอนตัว เป็นเพราะอาการน้อยใจหรือไม่นั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอบว่า “ผมโกหกใครไม่เป็น ผมน้อยใจ เห็นว่าวันที่ไปประชุมพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อคุณอุ๊งอิ๊งค์เป็นนายกฯ พูดแดกดันว่าพรรคเสรีรวมไทย รับใช้เพื่อไทยมาทั้งชีวิตแล้ว เผื่อมีโอกาสร่วมงานกับรัฐบาลบ้าง เพราะมีปัญหา เช่น เรื่องตำรวจ ที่รองนายกฯ และรักษาการนายกรัฐมนตรี บอกจะขอดูแลงานตำรวจเอง แบบนี้จะมีปัญหา ทั้งที่ผมเคยเป็น ผบ.ตร. มาก่อน เพราะการดูแลตำรวจไม่ใช่แค่การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจให้เป็นคนของตนเองเท่านั้น แต่ตำรวจต้องมีการปฏิรูปการทำงาน การบริหารจัดการ พรรคเพื่อไทยไม่เคยคิดทำงานให้ตำรวจเลย คิดแต่จะคุมการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ทำให้ประชาชนขาดศรัทธาตำรวจ”

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เล่าด้วยว่า สมัยที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีความสนิทกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และครอบครัว มีนักการเมือง ทั้ง ทักษิณ, คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มาขอเรื่องการแต่งตั้งผู้กำกับการ ตนเองก็ให้ รวมถึง ชวน หลีกภัย, อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, สุวัจน์ ลิปตพัลลภ, สุเทพ เทือกสุบรรณ มาขอตำแหน่ง ‘ผู้การ’ ก็ให้หมด แต่ไม่เคยได้รับการตอบแทนจากคนเหล่านี้ ยกเว้น สุเทพ ที่ตอบแทนการแต่งตั้งตำรวจ
ช่วงที่ ทักษิณ อยู่ต่างประเทศ 17 ปี ผมเคยไปเยี่ยม 5 ครั้ง ช่วงหลังการเลือกตั้งปี 2562 ที่ผมได้เป็นประธาน กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ตอนนั้นพรรคเพื่อไทยมีอะไร ขอผมหมด เช่น มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เมื่อครั้งเป็น สส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ขอให้ช่วยเอา ศุภชัย โพธิ์สุ จากพรรคภูมิใจไทย ออกไปให้หน่อย เพราะเป็นคู่แข่งในเขตเลือกตั้ง ซึ่งผมช่วยโดยไม่ได้กลั่นแกล้ง เพราะ ศุภชัย ครอบครอบที่ดินทั้งที่ไม่มีสิทธิ 1,000 ไร่ จนถูกตัดสิทธิทางการเมือง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังอ้างถึงกรณีที่ ประเสริฐ จันทรรวงทอง ขอให้ช่วยจัดการ วิรัช รัตนเศรษฐ จากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งกว้างขวางใน จ.นครราชสีมา ก็จัดการให้ ทำให้พรรคเพื่อไทย ได้ สส.อีกหลายคน แต่เป็นการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่เคยทำผิดให้เป็นถูก ทำให้พรรคเพื่อไทย ได้ สส.เพิ่มขึ้น
ดังนั้น ผมช่วย สส.ของพรรคเพื่อไทย มาตลอด และรัฐมนตรีอีกหลายคน เมื่อเลือกตั้งเสร็จ ผมมีเสียงเดียว เอาไปเทียบกับพรรคหนึ่งเสียงได้อย่างไร เพราะรู้จักมา 51 ปี เมื่อเขาไม่รู้จักกันแบบนี้ จะให้ผมรู้จักหรือ ถอนตัวดีกว่า

เมื่อถามว่า ทักษิณ รับปากจะให้ตำแหน่งหรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า “พูดกับผมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ว่าเป็นหนี้บุญคุณผม ขอให้ไปคิดดู คนที่เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ จะมีรุ่นพี่ที่ดูแล, ทักษิณ ตั้งเป็นผู้การ ผู้บัญชาการทั้งหมด แต่ไม่ตั้งผมเลย พูดตลอดเวลาเป็นหนี้ผมเป็นพันครั้งต้องชดใช้ แต่พูดแล้วก็เฉย แม้กระทั่งตอนผมไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลตำรวจ ก็พูดว่าต้องตอบแทน แต่ก็เฉย ไม่เป็นไร เพราะการจัดตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องของ แพทองธาร จะเอา สส. หรือไม่เอา สส. ก็ได้ เป็นอำนาจนายกฯ แต่ลืมผมทุกที ไม่รู้ว่าคิดอย่างไร อาจคิดว่าพรรคเสียงเดียว ไปเปรียบเทียบกับพรรคอื่น ๆ ได้อย่างไร เพราะเข้ามาหวังประโยชน์ แต่ผมต้องการเข้ามาทำงาน หลังจากเกิดปัญหาขัดแย้งระหว่างผมกับ ทักษิณ, ทักษิณ ก็ไม่โทรมาหา พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ว่าอะไร”
ขอยืนยันว่า ผมเคยไปเยี่ยม ทักษิณ 2 ครั้ง ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ คือ ช่วงเดือน พ.ย. 2566 และเดือน ก.พ. 2567 และมีหลักฐานยืนยันเป็นข้อความสนทนาในแชทไลน์ การพูดคุยระหว่างตัวแทนของ ทักษิณ กับผม เพื่อนัดวันเวลาที่จะให้ผมเข้าไปพบ ทักษิณ ที่โรงพยาบาลตำรวจ ครั้งแรกนัดพบกันเดือน พ.ย. 2566 ครั้งที่สอง ตัวแทนของ ทักษิณ ได้ส่งแบบฟอร์มการขอให้ถอนคำฟ้องที่ผมฟ้อง เศรษฐา ทวีสิน ต่อ ป.ป.ช.มาให้ผมลงนาม พร้อมกับนัดเวลาอีกครั้งในวันที่ 4 ก.พ. 2567 เวลา 10.00 น. ยืนยันว่ามีหลักฐานการไปพบ ทักษิณ จริง ๆ ส่วนตัวแทน ทักษิณ ที่เจรจาทางแชทเป็นใคร? ยังไม่ขอเปิดเผย รวมถึงอาการของ ทักษิณ ระหว่างที่ไปเยี่ยมที่ชั้น 14 มีอาการเป็นอย่างไร? ยังไม่ขอพูด ขอชี้แจงเป็นสเต็ป ๆ ยังไม่อยากปล่อยข้อมูลทั้งหมดว่าคุยอะไรกันบ้าง ขณะนี้ผมหันหลังให้ ทักษิณ ถือว่าหมดเวลาแล้ว
ส่วนที่บอกว่า ตนเองจะไปจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ เป็นฝ่ายค้าน นั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่เอาคณะปฏิวัติ ส่วนจะรอสายตรงจาก ทักษิณ ติดต่อมาหรือไม่นั้น “ไม่มี”
เขาทำลายพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ อย่างเก่งก็ทำให้เสรีรวมไทยสูญพันธุ์ แต่เราก็มีแค่หนึ่งเสียง การออกมาแถลงข่าววันนี้ ไม่ได้ต้องการสร้างมูลค่าให้ตัวเอง ที่ผ่านมา สมัยตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการเสนอเงิน 300 ล้านบาท และให้ตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง แต่ผมไม่เอา
เมื่อถามว่า ถ้าตอนนี้มีการต่อรองให้เก้าอี้รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง จะเอาหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า “ไปก็โง่สิ เดินมาขนาดนี้ มันก็รบกันท่าเดียว แน่นอนว่าขอตัดสัมพันธ์ ทักษิณ คบมา 51 ปีแล้ว ทำได้แค่นี้ จะคบต่อไปทำไม หลังจากนี้ให้รอดู ป.ป.ช.จะเชิญผมไปให้ข้อมูลหรือไม่ ขอบอกเลยว่าจะต้องติดคุกกันทั้งหมด ตั้งแต่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม, อธิบดีกรมราชทัณฑ์, ผบ.เรือนจำ และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ”
ส่วนจะมี ‘ภาค 2’ ให้ติดตามใช่หรือไม่นั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า “ขอให้คอยดู เดี๋ยวนักข่าวไม่มีงานทำ”

เมื่อถามไปถึง แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เป็น ‘ร่างทรง ทักษิณ’ หรือไม่? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า สื่อฯ ก็รู้ ไม่เห็นต้องถาม ส่วนการกระทำของ ทักษิณ จะเข้าข่ายครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ สื่อฯ ก็รู้เช่นกัน ขณะนี้ ทักษิณ ไม่ใช่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้
เมื่อไม่ใช่สมาชิกพรรค จะไปแสดงตัวเชิญทุกพรรคร่วมรัฐบาลมาที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อคืนวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้สนับสนุน แพทองธาร เป็นนายกฯ ไม่ได้ ถือว่าครอบงำพรรค
เมื่อถามถึงมุมมองต่ออนาคตของพรรคเพื่อไทย และ แพทองธาร อย่างไร? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอบว่า “อยู่ได้ไม่ถึงปี สั้นกว่า เศรษฐา จะตายด้วยเรื่องของ ทักษิณ เอง รวมถึงเรื่องคดีของ แพทองธาร ด้วย แต่เราคงไม่ถึงขั้นไปยื่นร้อง แพทองธาร”
เมื่อถามถึงการประเมินว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเดินเกมแก้แค้น ทักษิณ อย่างไร? พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอบว่า ต้องแก้แค้นเต็มที่ แต่ พล.อ.ประวิตร คงสู้ไม่ได้ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคตระบัดสัตย์ หลังเลือกตั้งปี 62 ก็ตระบัดสัตย์ไปร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้มี สส.ลดลงจาก 52 คน เหลือ 25 คนในปัจจุบัน
เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยบอกว่า ถ้าพรรคแพ้การเลือกตั้งปี 66 จะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต แต่ก็ไม่เลิก ตระบัดสัตย์หรือไม่ ทั้งที่พูดต่อที่สาธารณะ ถามว่าผิดจริยธรรมหรือไม่ ผมมองว่าผิด แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องเป็นผู้ตัดสิน ดูแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีสัจจะดีกว่านักการเมือง
ส่วนบทบาทของพรรคเสรีรวมไทย ต่อจากนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุว่า จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน สิ่งไหนที่รัฐบาลทำดี ก็ไม่คัดค้น ถ้าทำไม่ดี ก็ค้าน และจะดำเนินการฟื้นฟูพรรคในการเลือกตั้งต่อไป ถ้าพรรคเพื่อไทยมาเชิญให้ร่วมรัฐบาล ก็ไม่เข้าร่วมแล้ว
เมื่อถามว่า ราคาที่พรรคประชาธิปัตย์ ต้องจ่ายในการเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้คืออะไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า “ก็จบแล้ว ใน กทม.ก็จบแล้ว”







