ไล่ ‘เศรษฐา’ ปากพาจน !

23 พ.ย. 2566 - 07:18

  • วิพากษ์ ‘เศรษฐา’ จากอากัปกิริยา ‘ปากพาจน’ พูดวันนี้แก้วันพรุ่ง กับปรากฏการณ์หลุดกลางวง ‘ฝาก สส. ตั้งผู้กำกับ’ ระวังจะติดหล่มเพราะคำพูด !

Settha-Thaveesin-prime-minister- loquacious-SPACEBAR-Hero.jpg

ไม่นึกไม่ฝันว่านายกฯ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ จะมาถึงวันนี้ในเวลาอันรวดเร็วแบบนี้ เพราะเพียงแค่สองเดือนเศษบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ที่หากเป็นสมัยอดีตในสถานการณ์ปกติ ก็คงยังอยู่ในช่วงของการฮันนีมูน 

แต่ด้วยความเร็วโดยเฉพาะ ปากที่อาจไวกว่าการเดินทางของแสง คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น จึงทำให้สร้างปัญหาตามมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ประเภทพูดวันนี้ พรุ่งนี้ต้องมาเสียเวลาอธิบายเพิ่ม ไม่ชี้แจงเองก็ต้องให้คนอื่นมาสื่อสารแทน 

ทว่าบังเอิญตัวช่วยก็ดูจะมีไม่มากนัก แถมยังอยู่ในกลุ่มมือใหม่หัดขับด้วยกัน จึงอยู่ในภาวะที่ไม่มีใครช่วยใครได้ ไม่ต่างจาก ‘เตี้ยอุ้มค่อม’ โดยเฉพาะทีมสื่อสารประชาสัมพันธ์ ที่ทำหน้าที่ได้ขาดๆ เกินๆ  

ทำให้กรณีหลังสุดที่ไปพลั้งปากเรื่องแต่งตั้ง ‘ผู้กำกับใหม่’ ในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทยวันก่อน ล่าสุดไปไกลถึงขั้นมีคนมาออกปากไล่กันแล้ว 

เข้าทำนองปากพาจน !!

โดย ‘พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส’ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ถึงคำพูดของนายกฯ เศรษฐา ในเรื่องที่เกิดขึ้นว่า คงเป็นเรื่องจริงที่มีทั้งผู้สมหวังและผิดหวัง เพราะจะให้ได้ทุกตำแหน่งคงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะตำแหน่งมีจำกัด  

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุว่า เศรษฐา เพิ่งเข้าสู่วงการเมืองคงอ่านรัฐธรรมนูญยังไม่จบ โดยเฉพาะมาตรา 186 วรรคสอง รัฐมนตรีต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งกระทำการใดไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม อันเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่นหรือของพรรคการเมืองโดยมิชอบ ตามที่กำหนดในมาตรฐานทางจริยธรรม 

“คำให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวของท่าน เปรียบเสมือนใบเสร็จรับเงินที่ออกให้ประชาชนไปแล้ว คงไม่อาจปฏิเสธเป็นอย่างอื่นได้อย่างแน่นอน หนทางเดียวคือการแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ให้มีกระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญกันใหม่ อย่างไรเสียประวัติศาสตร์ก็จารึกไว้แล้วว่าท่านคือนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย อย่าไปเสียดาย วาสนามีเท่านี้ก็ต้องเท่านี้ มิฉะนั้นท่านจะต้องอับอายไปทั่วโลก สู้ลาออกเดินเชิดหน้าอย่างสง่าผ่าเผยไม่ดีกว่าหรือ คดีอาจจะไม่มีก็ได้ เชื่อผมเถอะ” 

อีกคนคือ ‘สมชัย ศรีสุทธิยากร’ ที่ปรึกษา กมธ.ติดตามงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ได้ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กเช่นกันว่า การพูดของนายกฯ เศรษฐา ในประเด็นดังกล่าว อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ ถึงพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และบรรดา สส. พ้นจากตำแหน่งได้ ด้วยผิดรัฐธรรมนูญหลายมาตรา 

พร้อมกับนำรัฐธรรมนูญมาร่ายเรียงจำแนกเป็นรายมาตรา ได้แก่ มาตรา 185 (3) ห้าม สส. หรือ สว. ก้าวก่ายแทรกแซง ในการบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง ข้าราชการ 

มาตรา 186 ห้ามรัฐมนตรี (รวมนายกรัฐมนตรี) ก้าวก่าย การแต่งตั้งโยกย้าย ข้าราชการ 

มาตรา 234 (1) ให้อำนาจ ป.ป.ช. ไต่สวน กรณีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ 

มาตรา 235 (2) หาก ป.ป.ช. เห็นด้วยด้วยเสียงเกินครึ่ง ให้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลรับฟ้อง ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ศาลบอกผิด ต้องพ้นจากตำแหน่ง เพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต และอาจถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปีก็ได้ 

และลงท้ายด้วยข้อความว่า "แอบบอกหน่อยก็ได้ครับว่า ประชาชนแค่ 1 คน ก็ร้อง ป.ป.ช.ได้ครับ"

การออกมาไล่นายกฯ เศรษฐา และชี้ช่องให้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญโดยผ่านองค์กรอิสระ แม้จะไม่ถึงขั้นให้บังเกิดผลในทันทีทันใด แต่มันจะกลายเป็นปมทางการเมืองที่ล่ามนายกฯ เศรษฐาเอาไว้ 

ตราบที่ยังมีความจำเป็นต้องเดินร่วมทางกันต่อ ก็จะไม่มีปัญหาใดๆ แต่หากวันไหนหมดความจำเป็นแล้ว ปมต่างๆ ที่ผูกเอาไว้ ซึ่่งไม่รู้จะมีเพิ่มอีกกี่ปม ก็จะถูกนำมาใช้เป็นดาบฟาดฟัน เพื่อแผ้วถางทางการเมืองในวันข้างหน้า 

ว่ากันว่าสารพัดปัญหาที่รัฐบาลเศรษฐา เผชิญ ‘ติดหล่ม’ อยู่ในเวลานี้ ไม่ใช่เพราะไร้กระบวนท่า ขาดฝีมือ หรือห่างหายเรื้อเวทีงานบริหารไปนานของพรรคเพื่อไทย 

แต่เพราะจงใจให้เป็นแบบนี้ หาใช่เรื่องของ ‘ตถตา’ ที่เป็นเช่นนั้นเองแต่อย่างใด

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์