มรดกสุดท้าย ! ‘ทักษิณ’ ส่งต่อ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ทายาทการเมือง ‘เพื่อไทย’ ร่างทรงอมตะ ‘กงสีชินวัตร’

16 พ.ย. 2565 - 06:21

  • เปรียบเป็น ‘มรดกสุดท้าย’ ที่ ‘ทักษิณ’ ส่งต่อ ‘อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร’ ในการขึ้นเป็น ‘แม่ทัพเพื่อไทย’ ผ่านการผ่องถ่ายอำนาจ สร้างบารมีการเมือง ในฐานะ ‘ทายาททางการเมือง’

  • สานต่อการต่อสู้แบบอมตะ ที่ ‘ทักษิณ’ เคยกล่าวเชิงสั่งเสียไว้ รักษาพรรคเพื่อไทย ที่เปรียบเป็น ‘กงสีตระกูลชินวัตร’ ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ‘พรรคตระกูลการเมือง’ อื่นหรือไม่

Shinawatra-Family-Pheuthai-Party-Inheritance-SPACEBAR-Main
ถือเป็นอีกครั้งที่ ‘บ้านชินวัตร’ ทุ่มสุดตัว หลัง ‘ทักษิณ ชินวัตร’ เคยส่งน้องสาว ‘ยิ่งลักษณ์’ ลงชิงนายกฯ กระแสฟีเวอร์ ‘นารีขี่ม้าขาว’ ขึ้นเป็น ‘นายกฯ หญิง’ คนแรก สร้างพลังอำนาจต่อรองให้ ‘ขั้วทักษิณ’ เรียกว่าเป็นยุคเฟื่องฟู ที่ทำให้ ‘ขั้วอำมาตย์’ ต้องถอยร่น หลังพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ยับเยิน ในความนิ่งของ ‘ขั้วอำมาตย์’ กลับมีความเคลื่อนไหวที่แยบยล ชนิดที่ฝั่งขั้วทักษิณ ‘ตายใจ’ นำมาสู่ ‘แผนหักหลัง’ ผสมกับ ‘สัญญาณทิพย์’ ทำให้ฝั่งทักษิณ ‘สะดุดขาตัวเอง’ ผ่านการดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย กลายเป็นตอนอวสานยุคทองของขั้วทักษิณ - เพื่อไทย

ทำให้ ‘ยิ่งลักษณ์’ มีชะตากรรมไม่ต่างจาก ‘ทักษิณ’ ชนิดที่เป็น ‘หนังม้วนเดิม’ แต่ที่ต่างไปจากเดิมคือ ‘ระบอบ 3ป.’ ที่เป็นอำนาจใหม่ อยู่มายาวนาน 8 ปี วางฐานกำลังทั้ง ‘ขั้วการเมือง-กลุ่มทุน’ ชนิดที่ตรึงกำลังฝั่ง ‘ขั้วอำมาตย์’ ไว้เป็นปึกแผ่น จุดนี้จึงทำให้ ‘ระบอบ 3ป.’ อยู่ได้ยาว และผิดจาก ‘สูตรยึดอำนาจ’ ในอดีต ที่เมื่อยึดแล้ว ต้องรีบคืนอำนาจ ซึ่งที่ผ่านมาล้วน ‘เสียของ’ ซึ่งบทเรียนนี้ ถูกถอดมาเรียบร้อยแล้ว

ผ่านมา 8 ปี กระแสนิยมขั้วอำนาจ ‘3ป.’ ลดลง เป็น ‘สัจธรรม’ ของอำนาจ ที่ไม่เข้าใครออกใคร ผสมกับกระแสเบื่อระบอบลุง 3ป. ทำให้ ‘ทักษิณ’ ที่เป็น ‘นักการตลาดการเมือง’ เห็นลู่ทาง จึงปลุกปั้น ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร’ ลูกสาวคนเล็ก เข้ามาคุมพรรคเพื่อไทย ในทางหนึ่งก็เพื่อ ‘ห้ามเลือด’ ไม่ให้ไหลออก และเป็นการส่งสัญญาณว่า ‘ทักษิณ’ เอาจริง ถึงขั้นส่งลูกสาวมาเอง ชนิดที่ไม่มีสายตรงกว่านี้แล้ว ในบรรดาลูกทั้ง 3 คน ของ ‘ทักษิณ’ ก็มี ‘อุ๊งอิ๊ง’ ที่มีบุคลิกและสนใจการเมืองมาตั้งแต่เด็กๆ

สภาพของ ‘พรรคเพื่อไทย’ ก็เปรียบเหมือน ‘กงสีตระกูลชินวัตร’ ที่มีความเป็น ‘สถาบันครอบครัว’ มากกว่าเป็น ‘สถาบันพรรคการเมือง’ การขึ้นมาของ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ยิ่งตอกย้ำภาพเหล่านี้ แต่งานก็ใช้ยุทธวิธี ‘หนามยอกเอาหนามบ่ง’ สถาปนา ‘อุ๊งอิ๊ง’ ขึ้นเป็น ‘หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย’ ไปเลย ปลุกกระแส ‘ทักษิณฟีเวอร์’ อีกครั้ง ขายผลงานตั้งแต่ยุคไทยรักไทยอีกครั้ง เพราะ ‘แบรนด์ทักษิณ - อดีตไทยรักไทย’ ยังขายได้ กับฐานเสียงที่เดิม รวมทั้ง ‘คนรุ่นใหม่’ ในกลุ่มที่เดิน ‘สายกลาง’ ไม่สุดโต่งทางการเมือง ที่แบ่งฐานเสียงกับ ‘ขั้วอนาคตใหม่’ ไปแล้ว ในการดึงคะแนนกลับมายังพรรคเพื่อไทย

ดังนั้นการดึงชื่อ ‘อุ๊งอิ๊ง’ จึงถูกวางแผนมาแล้วว่า ‘ได้มากกว่าเสีย’ เป็นสูตรที่คล้ายกับยุค ‘ยิ่งลักษณ์’ แต่บริบททางการเมืองต่างกันเท่านั้น การเดินสายของ ‘อุ๊งอิ๊ง’ จึงเข้มข้นขึ้น ล่าสุดลงพื้นที่ จังหวัด เชียงใหม่ พื้นที่ยุทธศาสตร์ที่เป็น ‘หัวใจ’ ของพรรค เพราะเป็นบ้านเกิดของ ‘ตระกูลชินวัตร’ ที่พรรคเพื่อไทยปูพื้นว่า ‘ชาวเชียงใหม่เขียนประวัติศาสตร์การเมือง’ มาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งก็คือ ‘ทักษิณ - ยิ่งลักษณ์’ ที่กำลังจะส่งต่อให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’

ที่สำคัญ ‘หญิงอ้อ’คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ได้มาให้กำลังใจ ถือเป็นการ ‘เปิดหน้าออกสื่อ’ ในงานการเมืองครั้งแรกๆ นับตั้งแต่ ‘พรรคไทยรักไทย’ ถูกยุบไป ซึ่งที่ผ่านมา ‘คุณหญิงพจมาน’ จะทำการเมืองหลังม่านมากกว่า ในอดีตก็คือเครือข่าย ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ โดย ‘ทักษิณ’ กล่าวในคลิปช่วงวันเกิด 26 กันยายน 2565 ตอนหนึ่งว่า อยากกลับเมืองไทย เพราะ ‘คุณหญิง’ รับภาระแทนตนมาเยอะ ตนสงสาร อยากกลับมาอยู่กลับครอบครัว ทำตัวให้แข็งแรง ชดเชยเวลาที่หายไป พร้อมกล่าวเชิงสั่งเสียลูกหลานว่า “ถ้าผมตายอย่าเผา ให้เก็บร่างไว้ เพราะต้องการให้การต่อสู้ ให้ชีวิตผมเป็นอมตะของครอบครัว ของลูกหลาน”

ดังนั้นการที่ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ขึ้นเป็น ‘แม่ทัพพรรคเพื่อไทย’ จึงเปรียบเป็น ‘มรดกสุดท้าย’ ที่ ‘ทักษิณ’ ได้มอบให้กับลูกสาว ในการต่อสู้ที่ไม่รู้จบทางการเมือง หรือเป็นการต่อสู้อัน ‘อมตะ’ ของ ‘ทักษิณ’ ผ่านพรรคเพื่อไทย แต่ในทางการเมืองการนั้น ‘อำนาจ’ ส่งต่อกันได้ แต่ ‘บารมี’ เป็นเรื่องที่ต้องสร้างขึ้นเอง ส่งต่อกันไม่ได้ จึงเป็นสิ่งที่ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ต้องสร้างด้วยตัวเอง โดยผ่านแรงผลักดันจาก ‘ทักษิณ-พจมาน’ ถ่ายทอดและผ่องถ่าย ในยุคที่ ‘พรรคเพื่อไทย’ อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ไม่ต่างจากหลายพรรคการเมือง ที่มีภาพ ‘ตระกูลการเมือง’ เป็นผู้นำพรรค ซึ่งส่วนใหญ่ เมื่อถึง ‘รุ่นลูก’ ก็ไม่มีพลังเท่า ‘รุ่นพ่อ’ เพราะ ‘บารมี’ ทางการเมือง ไม่เทียบเท่าและส่งต่อกันไม่ได้ ทำให้พรรคเหล่านั้น ‘อิ่มตัว’ หรือถึง ‘จุดตัน’ ทางการเมือง นำมาสู่การที่พรรคเหล่านั้น ‘เลือดไหล’ หรือบางพรรคก็ ‘ล่มสลาย’ ไป

จากนี้ไปจะเป็น ‘บทพิสูจน์’ ของ ‘ทักษิณ - อุ๊งอิ๊ง’ ประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนไปหรือซ้ำรอย เลือกตั้งปี 2566 คงจะพอเป็น ‘คำตอบ’ ได้บ้าง
 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3CyWPpE4It6USXppzfgnoE/afcf075b14253f8c4ff1467e9bba511e/Shinawatra-Family-Pheuthai-Party-Inheritance-SPACEBAR-Photo01

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์