ทำไม ‘สังคม’ ไม่ไว้ใจ MOU44 ? เปิดสัมพันธ์ ‘ตระกูลฮุน-ชินวัตร’

5 พ.ย. 2567 - 14:20

  • ทำไม ‘สังคม’ ไม่ไว้ใจ ‘รบ.แพทองธาร’ เจรจา ‘กัมพูชา’ แบ่งขุมทรัพย์ใต้ทะเล ผ่าน ‘พื้นที่อ้างสิทธิไหล่ทวีปทับซ้อนกัน’ หรือ OCA ของทั้ง 2 ประเทศ ผ่านกรอบ-กลไก MOU 44 ที่จัดทำขึ้นสมัย ‘รบ.ทักษิณ’

  • ย้อนสัมพันธ์ ‘ทักษิณ-ฮุน เซน’ 30 ปีที่ผ่านมา ในหลายสถานะของ ‘ทักษิณ’ จาก ‘นักธุรกิจ-นายกฯ’ มาสู่การ ‘เคลื่อนไหวการเมือง’ เกี่ยวโยง ‘การเมืองไทย’ ห้วง 20 ปีที่ผ่านมา

  • เมื่ออดีต MOU44 ถูก ‘ปัดฝุ่น’ ก็ทำให้มีการ ‘ขุดอดีต’ เพื่อเขย่า ‘ปัจจุบัน’ ฝ่าครหา ‘ไหล่ทวีปทับซ้อน VS ผลประโยชน์ทับซ้อน’ จับตา ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ สายตรง ‘จันทร์ส่องหล้า’ นั่งประธาน ‘เจทีซี’ ฝ่ายไทย

Shinawatra_Hun_Relationship_MOU_44_overlapping_territorial_claims_area_SPACEBAR_Hero_d3ed6d9822.jpg

สัมพันธ์ 2 ตระกูล ระหว่าง ‘ตระกูลฮุน’ นำโดย ‘ฮุน เซน’ กับ ‘ตระกูลชินวัตร’ นำโดย ‘ทักษิณ’ ที่ยาวนานกว่า 30 ปี ในยุคที่ ‘ทักษิณ’ ต้องออกนอกประเทศ ก็เคยใช้ ‘กัมพูชา’ เคลื่อนไหวการเมือง โดยเฉพาะในยุค ‘รัฐบาลอภิสิทธิ์’ ที่กรำศึกกับ ‘คนเสื้อแดง’ แต่น่าสนใจว่าในยุค คสช. ท่าที ‘ฮุน เซน’ กลับเป็นมิตรกับ ‘บิ๊กตู่’ และท่าทีของ ‘ทักษิณ’ ต่อ คสช. ก็อ่อนลง

สำหรับ ‘ทักษิณ’ พบกับ ‘ฮุน เซน’ ครั้งล่าสุดอย่างเป็นทางการ ปรากฏ ‘ภาพข่าว’ ออกมาเมื่อ 21 ก.พ.67 ที่ ‘ฮุน เซน’ เข้าเยี่ยม-ทานข้าวเที่ยงกับ ‘ทักษิณ’ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า

ย้อนกลับไปปี 2566 ทั้งคู่พบกันที่ จ.กันดาล ประเทศกัมพูชา บ้านเกิด ‘ฮุน เซน’ เมื่อ 5ส.ค.66 โดยมี ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ น้องสาว อยู่ด้วย ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อน ‘ทักษิณ’ กลับไทย 17 วัน เท่านั้น เพื่อร่วมงานวันเกิดของ ‘ฮุน เซน’ อายุครบ 71 ปี (ในขณะนั้น) ซึ่งในภาพถ่ายพบว่าส่วนใหญ่เป็นคนในครอบครัว ‘ฮุน เซน’ ทั้งหมด

Shinawatra_Hun_Relationship_MOU_44_overlapping_territorial_claims_area_SPACEBAR_Photo03_8d4aed7c73.jpg
‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ อวยพรวันเกิด ‘ฮุน เซน’ เมื่อ 5ส.ค.66 ที่ประเทศกัมพูชา

จุดกำเนิดสัมพันธ์ ‘ทักษิณ-ฮุน เซน’

ย้อนสายสัมพันธ์ระหว่าง ‘ทักษิณ-ฮุน เซน’ ยาวนานกว่า 30 กว่าปี เริ่มจากช่วงที่ ‘ทักษิณ’ เข้าไปทำ ‘ธุรกิจเคเบิลทีวี’ ในกัมพูชา ในชื่อ บริษัท ไอบีซี กัมพูชา จำกัด มาถึงช่วงปี 2538 ‘ทักษิณ’ เข้าสู่สนามการเมือง ในตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ ได้เสนอ ครม. ให้อนุมัติกระทรวงการต่างประเทศ จัดทำข้อตกลงด้านการส่งเสริมการลงทุนรัฐบาลไทย-กัมพูชา

ระยะเวลา ‘พิสูจน์เพื่อน’

ช่วงปี 2546 ยุค ‘รบ.ทักษิณ’  ได้เกิดเหตุการณ์เผาสถานทูตไทยในกัมพูชา หลังมีกระแสข่าวลือเรื่องนักแสดงชาวไทยดูหมิ่นชาวกัมพูชากรณีนครวัด เหตุการณ์ครั้งนั้น ‘ทักษิณ’ ได้ประกาศลดระดับความสัมพันธ์ 2 ประเทศ เหลือระดับ ‘อุปทูต’ เพื่อเปิดช่องเจรจากัน ในเหตุการณ์ครั้งนั้นรัฐบาลไทยได้ ‘ปฏิบัติการโปเชนตง’ อพยพคนไทยออกจากกัมพูชา นำโดย ‘บิ๊กแอ้ด’พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผบ.ทหารสูงสุด ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ในขณะนั้น หลังรัฐบาลตั้ง ‘ตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อควบคุมและอำนวยการเหตุการณ์’ ขึ้น

หลังเหตุการณ์ ‘รัฐประหาร 2549’ ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ ‘ทักษิณ’ ต้องอยู่ต่างประเทศ หนึ่งในประเทศที่เปิดรับ ‘ทักษิณ’ ตลอดคือ ‘กัมพูชา’ ช่วงที่ ‘ทักษิณ’ ต้องอยู่ต่างแดนระยะแรก ก็จะใช้ ‘กัมพูชา’ เคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะยุค ‘รบ.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ เช่น การจัดเวทีปราศรัย นปช. 

ต่อมาปี 2552 ‘ฮุน เซน’ ได้แต่งตั้ง ‘ทักษิณ’ เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวและที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาด้านเศรษฐกิจ 

ปี 2553 ‘ฮุน เซน’ เปิดเผยว่า ‘ทักษิณ’ ได้ออกจาก 2 ตำแหน่งดังกล่าวไปแล้ว แต่ยังคงย้ำถึงสัมพันธ์ความเป็น ‘เพื่อน’ ที่มีต่อกัน

อีกทั้ง ‘กัมพูชา’ ยังปฏิเสธหนังสือส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจากไทย หลัง ‘รบ.อภิสิทธิ์’ ส่งหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ซึ่งทางกัมพูชาให้เหตุผลในเรื่องกระบวนการยุติธรรมของไทย ที่เป็นเรื่องการเมือง โดยผลพวงจาก ‘รัฐประหาร 2549’ จึงไม่ส่งตัว ‘ทักษิณ’ กลับไทย

ปี 2554 ยุค ‘รบ.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ กลุ่ม นปช. นำโดย ‘จตุพร พรหมพันธุ์’ ได้เดินทางไปแข่งฟุตบอลกระชับมิตรกับ ‘รัฐบาลกัมพูชา’ 

ปี 2555 ยุค ‘รบ.ยิ่งลักษณ์’ กลุ่ม นปช. จัดเวทีปราศรัย-จัดงานสงกรานต์ ที่ จ.เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา ถือเป็นเวทีในตำนาน เพราะเป็นที่มาของ ‘เพลง Let It Be’ ที่ ‘ทักษิณ’ ขับร้องบนเวที

ยุคหลัง ‘รัฐประหาร 2557’ เป็นที่สังเกตว่า ‘ทักษิณ’ เคลื่อนไหวทางการเมืองลดลง และไม่ปรากฏข่าวไปเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กัมพูชา ซึ่งในยุค คสช. เรียกว่าความสัมพันธ์ ‘รัฐบาลประยุทธ์ - รัฐบาลฮุน เซน’ มีความแนบชิด เกิดภาพ ‘ฮุน เซน’ สวมกอดประยุทธ์ อย่างน้อย 2 ครั้ง ในการพบปะกัน

Shinawatra_Hun_Relationship_MOU_44_overlapping_territorial_claims_area_SPACEBAR_Photo02_c14c6245e2.jpg
‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ อวยพรวันเกิด ‘ฮุน เซน’ เมื่อ 5ส.ค.66 ที่ประเทศกัมพูชา

MOU44 ขุด ‘อดีต’ เขย่า ‘ปัจจุบัน’

สายสัมพันธ์ระหว่าง 2 ตระกูล ‘ชินวัตร-ฮุน เซน’ ถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง หลัง ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกฯ ที่เป็น ‘ลูกสาว’ ของ ‘ทักษิณ’ ทำการปัดฝุ่น MOU44 หรือ บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน เมื่อ 18 มิ.ย. 2544 ซึ่งทั้ง 2 ประเทศ มีพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (Overlapping ClaimsArea : OCA) ที่มีขนาดพื้นที่ 26,000 ตารางกิโลเมตร

ทั้งนี้ ‘สุพรรณวษา โชติกญาณ ถัง’ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงเมื่อ 4 พ.ย.67 ว่า MOU 2544 เป็นความตกลง ‘กำหนดกรอบ-กลไก’ การเจรจาระหว่างกัน โดยไม่ได้เป็นการยอมรับการ ‘อ้างสิทธิทางทะเล’ ของอีกฝ่าย ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องเจรจากันต่อไป

MOU 2544 ระบุให้ดำเนินการทั้งในเรื่อง ‘การแบ่งเขตทางทะเล’ และ ‘การพัฒนาพื้นที่ร่วม’ พร้อมกัน โดยให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาหารือกันบนพื้นฐานของหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และผลประโยชน์ร่วมกัน 

สำหรับกลไกหลักของการเจรจาแก้ไขปัญหา OCA ภายใต้ MOU 2544 คือผ่านคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (Joint Technical Committee : JTC) ประกอบด้วย ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ด้านความมั่นคง กฎหมาย และพลังงาน 

โดยที่ผ่านมามีการประชุม JTC 2 ครั้ง เมื่อปี 2544 และ 2545 นอกจากนี้ยังมีกลไกย่อยอื่นๆ ได้แก่ คณะอนุกรรมการร่วมด้านเทคนิค (Sub-JTC) คณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับการกำหนดเขตทางทะเล และ คณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชา เกี่ยวกับระบอบพัฒนาร่วม แนวทางร่วมในการแก้ไขปัญหา OCA ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเห็นสอดคล้องกันทั้งในระดับนโยบายและระดับเทคนิค คือ

(1) ประชาชนของทั้งสองประเทศจะต้องยอมรับข้อตกลงได้ 

(2) จะต้องนำเรื่องให้รัฐสภาของทั้งสองประเทศพิจารณาให้ความเห็นชอบ

(3) ข้อตกลงจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

Shinawatra_Hun_Relationship_MOU_44_overlapping_territorial_claims_area_SPACEBAR_Photo01_1e8dd91377.jpg
‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ อวยพรวันเกิด ‘ฮุน เซน’ เมื่อ 5ส.ค.66 ที่ประเทศกัมพูชา

ฝ่าครหา ไหล่ทวีปทับซ้อน VS ผลประโยชน์ทับซ้อน ?

ครหาสายสัมพันธ์ 2 ตระกูล ‘ชินวัตร-ฮุน’ เป็น ‘หนามแทงใจ’ ที่ขั้ว ‘เพื่อไทย’ ยากจะปฏิเสธ รวมถึง ‘แพทองธาร’ ก็ยอมรับถึงสายสัมพันธ์ที่ดีดังกล่าว ทำให้สื่อได้ถาม ‘แพทองธาร’ ว่า จะใช้ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง ‘ทักษิณ’ กับ ‘ฮุน เซน’ ประธานวุฒิสภากัมพูชา หรือไม่ ?

นายกฯ ตอบว่า “ความสัมพันธ์ที่ดีสามารถสร้างคอนเนกชันที่ดีได้ เหมือนเรามีเพื่อนสนิทเราก็สามารถคุยกันได้ แต่เรื่องของประโยชน์ของประเทศเขา และประเทศเรา เราต้องใช้คณะกรรมการเพื่อไม่ให้มีอคติ ความรู้สึกของฉันของเธอขึ้นมา เราใช้คณะกรรมการเพื่อให้เกิดความรู้จริง รู้ครบ และยุติธรรม”

“ดิฉันเป็นคนไทย 100% ประเทศไทยต้องมาก่อนคนไทยต้องมาก่อน รัฐบาลนี้ยืนยันจะรักษาแผ่นดินไทยไว้อย่างเต็มที่ และจะทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุขที่สุด” แพทองธาร กล่าวย้ำ

‘ภูมิธรรม’ สายตรง ‘บ้านจันทร์ฯ’ คุมทีม JTC

สำหรับ ‘คณะกรรมการ’ ชุดดังกล่าว คือ ผ่านคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (Joint Technical Committee : JTC) ที่ทางกรมสนธิสัญญาฯ ระบุว่าจะมี ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เพราะเป็น รองนายกฯ ที่กำกับดูแลฝ่ายความมั่นคง

ซึ่งชื่อ ‘ภูมิธรรม’ เป็นที่รู้กันในแวดวงการเมืองว่าเป็น ‘สายตรงชินวัตร’ และเป็นเด็กใน ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ ที่เป็นมือทำงานให้ ‘ทักษิณ’ มายาว 20 กว่าปี โดย ‘ภูมิธรรม’ ได้ชื่อว่าเป็น ‘เทคโนแครตการเมือง’ ร่วมก่อตั้ง ‘พรรคไทยรักไทย’ ขึ้นมา เป็นอีกหนึ่งในคีย์แมน ‘ปฏิญญาฟินแลนด์’ ในยุคนั้น

สถานะของ ‘ภูมิธรรม’ ในขณะนี้ถูกมองเป็น ‘พี่เลี้ยง’ ให้กับ ‘นายกฯ อิ๊งค์’ เรียกได้ว่า ‘ภูมิธรรม’ รับจบให้ทุกงาน และต้องปรากฏกายข้าง ‘แพทองธาร’ เสมอ

ทั้งหมดนี้เป็น ‘ธรรมดา’ ที่สังคมจะ ‘ไม่ไว้ใจ’ ต่อสิ่งที่ ‘รบ.แพทองธาร’ จะดำเนินการ เรียกว่า ‘ติดลบ’ ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม สุดท้ายต้องใช้ภาษิตที่ว่า “ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน”

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์