‘หมิว สิริลภัส’ สะอื้นไห้เสียงสั่นกลางสภาฯ ครวญงบฯ แก้ปัญหาสุขภาพจิตได้น้อย

5 มกราคม 2567 - 14:23

Sirilapas-cried-in-the-middle-of-Parliament-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ‘หมิว สิริลภัส’ สะอื้น-ไห้เสียงสั่นกลางสภาฯ อภิปรายงบฯ แก้ปัญหาสุขภาพจิต

  • ย้อนความหลัง ‘เคยเป็นผู้ป่วย-กรีดแขนตัวเอง’ กระตุกสังคมฉุกคิดถึง ‘โรคซึมเศร้า’

  • ครวญได้งบฯ น้อย บุคลากรขาดแคลน บอกตัวเลขผู้ป่วยคือคนที่เรารัก

  • ลั่นอยากให้รัฐบาลลองมาเป็นผู้ป่วย จะได้รู้ถึงการต่อสู้

  • ‘เพื่อน สส.ก้าวไกล’ ร้องไห้ตาม พร้อมแห่ให้กำลังใจหลังอภิปราย

กลายมาเป็นหนึ่งในไฮไลท์ส่งท้ายการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระแรก สำหรับคิวของ ‘หมิว สิริลภัส กองตระการ’ สส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ที่ลุกขึ้นอภิปรายถึงงบประมาณในสัดส่วนกระทรวงสาธารณสุข ว่า จากนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงกับประชาชน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้หยิบยกประเด็นสุขภาพจิตและยาเสพติด ให้เป็นนโยบายสำคัญ 1 ใน 13 นโยบาย ยกระดับ 30 บาทพลัส เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชน และดูเหมือนว่ารัฐบาลชุดนี้ จะให้น้ำหนักไปที่อาการของผู้ป่วยจิตเวชที่มาจากยาเสพติด มากกว่าปัญหาสุขภาพจิตปกติที่เป็นวิกฤติเหมือนกัน

สิริลภัส เปรียบเทียบจำนวนผู้ป่วยสุขภาพจิตที่เกิดจากยาเสพติดกับผู้ป่วยสุขภาพจิตประเภทอื่นว่า ผู้ป่วยสุขภาพจิตที่เกิดจากยาเสพติด มีประมาณ 2 แสนคน ขณะที่ผู้ป่วยสุขภาพจิตประเภทอื่น มีประมาณ 1 ล้านกว่าคน แตกต่างกันกว่า 5 เท่า โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ที่มีถึง 3.6 แสนคนแล้ว จึงตั้งคำถามดังๆ กับรัฐบาลว่า ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพจิตจริงหรือไม่ เพราะเมื่อดูนโยบายแล้ว เหมือนให้น้ำหนักไปกับผู้ป่วยจิตเวชที่มาจากยาเสพติด แต่ไม่ได้สะท้อนถึงปัญหาสุขภาพจิตที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในทุกปี

ปัญหาผู้ป่วยจิตเวชอื่นๆ อยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด เหตุการณ์ความรุนแรงที่ก่อความสูญเสียนับครั้งไม่ถ้วน สาเหตุเกิดมาจากผู้ป่วยจิตเวชมีอาการขาดยา เมื่อได้รับการรักษากลับมาถึงบ้านไม่มีคนคอยกำชับ ดูแล ทานยาให้ตรงตามกำหนดอาการ ก็กำเริบอีก และก่อความรุนแรงขึ้นได้ อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จในประเทศไทยในปี 2565 อยู่ที่ 7.97 คนต่อประชากร 1 แสนคน ในทุกวันจะมีคนฆ่าตัวตายสำเร็จ 14 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี กลุ่มที่น่ากังวลใจที่สุดคือกลุ่มอายุวัยรุ่น นักศึกษา วัยทำงาน ที่เขาจะเติบโตมาเป็นบุคลากรของประเทศ

สิริลภัส กองตระการ

สิริลภัส อ้างถึงเอกสารของกรมสุขภาพจิต หัวข้อปัญหาการฆ่าตัวตาย ได้ให้ข้อมูลถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายไว้ว่า ผู้ที่ฆ่าตัวตายสำเร็จประมาณ 9 ใน 10 มีอาการป่วยทางจิตเวช อย่างใดอย่างหนึ่ง ขณะทำการฆ่าตัวตายและสาเหตุสำคัญมาจากภาวะซึมเศร้าและการติดสุรา แต่การเข้าถึงบริการสาธารณสุขนั้นยังค่อนข้างจำกัด ขาดแคนบุคลากรทางการแพทย์ และหากเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ยังพบว่ามีจิตแพทย์มากกว่าประเทศไทย 

ส่วนในต่างจังหวัด ยังพบว่ามีจิตแพทย์ไม่ถึง 1 คน ต่อประชากร 1 แสนคน และยังมีปัญหาเรื่องบุคลากรสุขภาพจิตในกลุ่มที่เป็นเด็กและวัยรุ่น ที่มีเพียงแค่ 295 คน ทั่วประเทศมี 23 จังหวัด ไม่มีจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น

สิริลภัส ระบุว่า พยาบาลจิตเวชไม่อยากทำงานจิตเวชต่อไป เพราะปัญหาการทำงานที่หนัก รวมถึงสิทธิของพยาบาลที่ไม่ดีพอ ส่วนการจัดสรรงบประมาณให้กรมสุขภาพจิต ซึ่งได้แค่ 1.8% จากงบของกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น โดนตัดออกไปถึง 69.4% 

นอกจากนี้ เงินอุดหนุนรายโครงการที่ดูแลสุขภาพจิตวัยรุ่นและวัยทำงาน ก็มีน้อย เทียบกับโครงการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มาจากยาเสพติดโครงการเดียว ได้งบประมาณถึง 1 ล้านบาท รัฐบาลต้องกลับไปทบทวนการจัดสรรความคุ้มค่า ค่าตอบแทนที่จะสร้างแรงจูงใจให้กับเจ้าหน้าที่จิตเวชได้ทำงานต่อไป ตอบโจทย์สิ่งที่เกิดขึ้นจริง เพิ่มบุคลากรด่านหน้า สร้างแรงจูงใจ เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการรักษา และเพิ่มบัญชียาหลัก

ในช่วงท้าย สิริลภัส กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือและร้องไห้ว่า

ตัวเลขผู้ป่วยเหล่านี้คือชีวิต ชีวิตเหล่านี้คือคน คนที่เป็นลูกที่รักของครอบครัว หลานที่เป็นแก้วตาดวงใจของปู่ตาย่ายาย เป็นพ่อแม่ที่กำลังเลี้ยงดูลูกให้เติบโตมาเป็นบุคลากรของประเทศของเราในมิติต่างๆ แต่การสูญเสียและการจากไปของบุคคลเหล่านี้ มันสร้างบาดแผลและการแตกสลายให้กับบุคคลที่ยังอยู่ ไม่รู้กี่คนต่อกี่คน คนที่ตัดสินใจจบชีวิต พวกเขาไม่ได้คิดสั้น แต่พวกเขาคิดมาดีแล้ว ดิฉันอยากจะให้ท่านมาลองสลับตัวดูกับคนที่กำลังต่อสู้ด้วยโรคนี้อยู่ ท่านจะได้รู้ว่าหากวันหนึ่งในวันที่สารเคมีในสมองทำงานผิดปกติ ทำงานไม่เท่ากัน จะมีอาการที่เจ็บปวดทรมานขนาดไหน ดิฉันที่มีรอยกรีดอยู่ที่แขนทั้ง 2 ข้าง ท่านจะลงมาดูด้วยตาตัวเองก็ได้ แต่รอยกรีดนี้ไม่ได้กรีดแค่ที่แขนของดิฉัน พ่อกับแม่บอกว่ามันกรีดไปที่ใจของเขาด้วย ดิฉันไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับครอบครัวอื่น ดิฉันผู้ที่พยายามจะจบชีวิตจากโลกนี้ไป เพราะดิฉันไม่สามารถรับมือกับวันหนึ่งที่สารเคมีในสมองทำงานไม่เท่ากันได้อีกแล้ว ในชีวิตนี้ดิฉันทำมามากกว่า 3 ครั้ง ดิฉันผู้ที่เข้ารักษาบำบัดกับโรคนี้มาหลายปี วันนี้ดิฉันสามารถลุกขึ้นมาใช้ชีวิตต่อได้ สามารถมาเป็นผู้แทนราษฎร มาพูดแทนประชาชน ถ้าลองคิดดูว่าหากรัฐให้ความสำคัญกับปัญหานี้ ท่านจะสามารถรักษาบุคลากรที่ขับเคลื่อนประเทศนี้ได้มากมายแค่ไหน

สิริลภัส ทิ้งท้ายว่า ขอเป็นตัวแทนผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ผู้ป่วยโรคจิตเวชอื่นๆ ที่อยู่ในประเทศไทย ขอให้พวกท่านช่วยพวกเราด้วย ให้ความสำคัญกับพวกเราด้วย ขอให้คนที่ไม่ได้รับสิทธิ์การรักษา สามารถเข้าถึงการรักษา และคนที่ได้รับสิทธิ์การรักษาแล้ว ได้รับสิทธิ์ครอบคลุม ให้เขาได้รับการศึกษาอย่างเหมาะสม พร้อมแสดงความเสียใจกับคนที่จากไป ไม่ว่าจะเป็นโรคซึมเศร้าหรือโรคจิตเวชอื่น และขอเรียกร้องให้อย่ามองข้ามคนกลุ่มนี้ เพราะทุกวันนี้มีคนที่พยายามฆ่าตัวตายอยู่ และขอให้ทำให้พวกเขาเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้พร้อมที่จะยืนเคียงข้างพวกเขา และทำทุกวิถีทางให้เขามีชีวิตอยู่ต่อบนโลกใบนี้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการอภิปราย มีเพื่อน สส.พรรคก้าวไกล ได้เข้าไปให้กำลังใจด้วยการจับมือและสวมกอด ซึ่งมี สส.บางคน ร้องไห้ตามไปด้วย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์