เรื่องมันมีอยู่ว่า <>New Gen ‘ครม.อิ๊งค์ 1/2’ ลูกฐากร -หลานสุริยะ <>เกาะกระแสนายกฯ GEN Y อายุน้อย นั่งรัฐมนตรี

1 ก.ค. 2568 - 23:46

  • ครม.อิ๊งค์ 1/2ออกมาพร้อมกับรัฐมนตรีมือใหม่

  • จับกลุ่ม GEN Y หวังเป็นจุดขายใหม่ สร้างแนวร่วม

  • สุดท้ายก็กลายเป็นรัฐมนตรีสืบทอด ส่งต่อลูกกับหลาน

เรื่องมันมีอยู่ว่า <>New Gen  ‘ครม.อิ๊งค์ 1/2’  ลูกฐากร -หลานสุริยะ  <>เกาะกระแสนายกฯ GEN Y อายุน้อย นั่งรัฐมนตรี

เรื่องมันมีอยู่ว่า   <> ครม.อิ๊งค์ 1/2 มาทรงใหม่ รัฐมนตรีใหม่ป้ายแดงถึง 6 คน  และบางคนยังอายุน้อยนั่งรัฐมนตรี  ที่มีผู้ปลุกปั้น ทั้งพ่อดัน และอาหนุน  ก็ไม่แปลกขนาดนายกรัฐมนตรีก็มีพ่อส่งให้ถึงยอด <> พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า

โฉมหน้า ‘ครม.แพทองธาร 1/2’ อย่างเป็นทางการ หลังราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีชุดใหม่ ภายใต้การนำของ ‘นายกฯอิ๊งค์’ แพทองธาร ชินวัตร

ปรากฏเป็นไปตาม ‘โผสุดท้าย’ ที่หลายๆสื่อนำเสนอมาก่อนหน้านั้น โดยมี ‘ขาเข้า’ เสริมทัพ 9 ราย ส่วน ‘ขาออก’ หลุดไป 2 ราย ไม่รวม 8 อดีตรัฐมนตรีสีน้ำเงินที่ลาออกไปเองก่อนนี้

น่าสนใจว่า ในจำนวน 9 รายที่ได้มาร่วมเป็นฝีพายแจวรัฐนาวา เป็น ‘เฟรชชี่’ เพิ่งได้ประเดิมขึ้นขั้น ‘รัฐมนตรี’ เป็นครั้งแรกถึง 6 ราย

ประกอบด้วย ‘พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ’  รมว.แรงงาน - ‘จตุพร บุรุษพัฒน์’ รมว.พาณิชย์ -‘ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์’  รมช.พาณิชย์ – ‘ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์’ รมช.ศึกษาธิการ - ‘อนุชา สะสมทรัพย์’ รมช.สาธารณสุข – ‘ชัยชนะ เดชเดโช’ รมช.สาธารณสุข

และในจำนวน 6 รัฐมนตรีป้ายแดงยังมี ‘คนรุ่นใหม่’ หรืออยู่ในช่วงวัย ‘GEN Y’ ใกล้เคียงกับ ‘นายกฯอิ๊งค์’ อยู่ถึง 4 ราย ตั้งแต่ ‘เสี่ยโฟม’ พงศ์กวิน วัย 44 - ‘ดร.หญิง’ ลิณธิภรณ์ วัย 41- ‘นายหัวแทน’ ชัยชนะ วัย 39 และ ‘หนุ่มเอิร์ธ’ ฉันทวิชญ์ วัย 35 ปี 7 เดือน

หากเป็นความตั้งใจของ ‘คนจัดโผ’ ในการเติม ’ความสด’ ให้กับรัฐบาล ก็ถือเป็น ‘หมาก’ ที่แปลกตาไม่น้อย เพราะท่ามกลางสถานการณ์เชี่ยวกรากถาโถมรัฐบาล ทั้งใน-นอกประเทศ ที่ตามธรรมดามักเลือกใช้ ‘มือเก๋า-มืออาชีพ’ มาช่วยประคับประคองมากกว่า

อย่างไรก็ดี แม้จะมีการเติมส่วนผสม ‘New Gen’ เข้ามามากเป็นพิเศษ แต่ก็รู้กันว่าเป็นเพราะเหตุผลที่ ‘Old School’  สุดๆ ในการ ‘พยุง’ ให้รัฐบาลไปต่อได้ จึงต้องแจกจ่ายเก้าอี้ให้กับพรรคร่วมรัฐบาล จนแทบไม่เหลือ ‘ที่นั่ง’ ให้คนในพรรคเพื่อไทยได้เล่นเก้าอี้ดนตรี

อันนำมาซึ่งหน้าตา ‘ครม.อุ๊งอิ๊งค์ 1/2’ ที่ค่อนข้างแปลกตา และมีเครื่องหมายคำถามไม่น้อย

และหากติดตามสารพัดโผ ครม.ตั้งแต่ต้น ก็จะพบว่าบางชื่อค่อนข้าง ‘เซอร์ไพรส์’ เลยทีเดียว ตั้งแต่ ‘หนุ่มเอิร์ธ-ฉันทวิชญ์’ ที่เพิ่งอายุผ่านเกณฑ์เป็นรัฐมนตรีมาได้เพียง 7 เดือนเท่านั้น จนต้องนับว่าเป็นรัฐมนตรี ‘ยุคใหม่’ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่มีการกำหนดเกณฑ์อายุไม่น้อยกว่า 35 ปี

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘ฉันทวิชญ์’ ผู้พกโปรไฟล์หรู แต่ไร้ประสบการณ์ทางการเมือง ได้เข้ามาเป็น ‘รมต. Gen Y’ ก็ด้วยการผลักดันของ ‘เสี่ยน้อย’ ฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย ที่ส่วนตัว ‘ขัดข้องทางเทคนิค’ จนไม่ได้เสนอชื่อตัวเองเป็นรัฐมนตรี

สำหรับ ‘ฉันทวิชญ์’ ที่มีชื่อเล่นว่า ‘เอิร์ธ’ เกิดเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2532 เป็นลูกชายคนโตของ ‘ฐากร’ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ (เกียรตินิยม) จาก ‘LSE’ หรือ London School of Economics and Political Science สหราชอาณาจักร ก่อนไปข้ามทะเลไปฟาดปริญญาโท 2 ใบจากสหรัฐอเมริกา ทั้งด้านเศรษฐศาสตร์จาก Columbia University และสาขานโยบายสาธารณะจาก Harvard University

ปัจจุบันยังถือตั๋วเป็นแคนดิเดตเข้าศึกษาในระดับปริญญาเอก ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่ University of Oxford สหราชอาณาจักร

ขณะที่ประสบการณ์ทำงานก็ไม่ธรรมดา ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์และเสนอแนะนโยบายการเงิน และการวิเคราะห์ภาวะการเงินและภาวะเศรษฐกิจ เคยผ่านงานเศรษฐกรอาวุโส ฝ่ายนโยบายการเงินและวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก่อนไปเป็นรองผู้อำนวยการฝ่าย Business Risk and Macro Research ของธนาคารกรุงไทย

ก่อนโดดมารับ‘ตำแหน่งใหญ่’ ทำหน้าที่เจ้าหน้าที่ช่วยงานบริหาร (Personal Assistant) ของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

นอกจากนี้ยังมีบทบาทในทำการวิจัยด้านการสื่อสาร กระบวนการตัดสินใจของนโยบาย และบทบาทของธนาคารกลาง มีผลงานวิเคราะห์ผลกระทบของมาตรการ Loan-to-Value (LTV) ต่อการให้สินเชื่อของธนาคาร และยังมีผลงานแปลหนังสือ ‘เศรษฐศาสตร์ความจน’  (Poor Economics) ผลงานเขียนของ Abhijit V. Banerjee และ Esther Duflo สองนักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล อีกด้วย

ที่มาของ ‘รมต.เอิร์ธ’ แน่นอนว่าลอยมาแลนด์ดิ้งเป็นรัฐมนตรีก็ด้วยโควตา ‘พ่อน้อย’ จนอาจจะกลบโปรไฟล์สุดหรูที่ว่าไป

อีกรายที่ถือว่า ‘พงศ์กวิน’ ที่มีชื่อติดโผช่วงท้าย ๆ จังหวะที่กำลังจะเกิด ‘คลื่นใต้น้ำ’ เขย่า 8 เก้าอี้ที่พรรคภูมิใจไทย จำใจทิ้งไว้ให้ตกหล่นมาถึงบรรดา สส.เพื่อไทยบ้าง ทำท่าจะเพิ่มปัญหาให้กับ ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ แต่พอเป็นชื่อ ‘หลานสุริยะ’ พรวดขึ้นมา กลับสยบคลื่นใต้น้ำที่กำลังจะกระเพื่อมได้อย่างไม่น่าเชื่อ

สะท้อนถึงความเอื้ออาทรของ ‘สุริยะ’ ที่เป็น ‘หัวจ่ายใหญ่’ คนหนึ่งของพรรค

สำหรับ ‘พงศ์กวิน’ มีชื่อเล่นว่า ‘โฟม’ เกิดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2523 เป็นบุตรของ โกมล-ยาใจ จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของบริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตรองเท้าแอโร่ซอฟ ที่ควักกระเป๋าซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ฟุตบอลยูโร) ปี 2020 และปี 2024

หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และระดับปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรังสิต ‘เสี่ยโฟม’ ได้ดูธุรกิจของตระกูลหลายแห่ง ก่อนจะเบนเข็มเข้าสู่การเมือง เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 และได้เป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ

ว่ากันว่า ‘สุริยะ’ แกนนำกลุ่มสามมิตร ที่เข้าไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐขณะนั้นดึง ‘หลานโฟม’ เข้าสู่การเมือง ก็เพราะต้องการให้เป็น ‘คู่เทียบ’ เครือญาติ ‘แซ่จึง’ กับ ‘หลานเอก’ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ขณะนั้น ที่ถือว่ากระแสมาแรงมาก

และหลังการเลือกตั้งไม่นาน ‘ธนาธร’ ก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปเสียก่อน ทำให้ไม่เกิดศึก ‘คนแซ่จึง’ ให้ ‘พงศ์กวิน’ ได้ปะมือกับลูกพี่ลูกน้องวัยใกล้กัน

มาเลือกตั้งปี 2566 ‘พงศ์กวิน’ ถูกวางตัวเป็นผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 93 ซึ่งยากที่จะได้รับเลือกเป็น สส. แต่ก็รู้กันว่าเป็น ‘บัญชีรัฐมนตรี’ ตามสไตล์ ‘เถ้าแก่จันทร์ส่องหล้า’ ทว่าด้วยผลการเลือกตั้งที่ไม่เป็นใจ แม้พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำรัฐบาล แต่ก็ไม่สามารถจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีให้กับ ‘หลานสุริยะ’ ได้ จึงไปกินตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.คมนาคม ของ ‘อาเจ็กสุริยะ’

กระทั่งมีชื่อเป็น รมว.แรงงาน ท่ามกลางฝุ่นตลบทางการเมืองแบบเซอร์ไพร์ส

และแม้ดีกรี ‘เสี่ยโฟม’ จะไม่ธรรมดา แต่ก็ยังไม่เคยพิสูจน์ตัวเองทางการเมืองมาก่อน การขึ้นขั้นเสนาบดีครั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่า เป็นอานิสงค์การลงทุนของ ‘สุริยะ’ ที่หวังจะปั้น ‘หลานรัก’ ให้เป็นใหญ่เป็นโต

ขนานกับเสียงลือเล่าอ้างค่าเก้าอี้ ‘จับกัง 1’ งวดนี้หนักอึ้งระดับ ‘1 ตัน’ หรือการที่ ‘สุริยะ’ แอบเปิด ‘ฟาร์มงูเห่า’ ไว้ที่ฟากฝ่ายค้าน

การที่ ‘พงศ์กวิน’ ได้เข้าประจำการเป็น รมว.แรงงาน ที่ถือเป็นระดับ  ‘B+’ ในช่วงการเมืองร้อนแรงเช่นนี้ จึงไม่ใช่แค่ ‘ที่ฝึกงาน’ อย่างลูกหลานเศรษฐีทำกัน แต่ ‘พ่อยก’ หวังให้ใช้เป็นฐานเสริมบารมี ต่อยอดแต่งตัวเตรียมรับหน้าเสื่อ ‘เจ้าพ่อนครบาล’ ดูแลพื้นที่ กทม.ให้กับพรรคเพื่อไทย เริ่มที่สนาม สก.ที่จะมีขึ้นในปีหน้า ที่ปัจจุบัน ‘เสี่ยโฟม’ มีชื่อเป็น 1 ใน 4 หัวหน้าโซน สก.ด้วย

ครั้งหนึ่ง ‘V 1’ ทักษิณ ชินวัตร เคยพูดทีเล่นทีจริงในที่ประชุมพรรคว่า จะมอบหมายให้ ‘พงศ์กวิน’ ดูแลพื้นที่เมืองหลวง ทำเอาเจ้าตัวหน้าบานยิ้มไม่หุบไปหลายวัน

ก็ต้องดูว่า ‘เสี่ยโฟม-พงศ์กวิน’ ที่ถูกสถานะ ‘หลานสุริยะ’ กลบจนไม่เห็นความโดดเด่น หรือฟอร์มไม่ดีเท่า ‘ธนาธร’ ลูกพี่ลูกน้อง จะใช้โอกาสนี้โชว์ของตามมาตรฐาน ‘คนแซ่จึง’ ได้หรือไม่

<<<<<<>>>>>>>>>>

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์