จาก ‘เด็กชาย จัง ฮั่น กวง’ เติบโตในย่านเยาวราช ในบ้านเช่า ที่ตรอกแคบๆ มืดๆ ซอยเยาวพานิช อาคารปูนเก่า 2 ชั้นครึ่ง แต่อยู่กันเกือบยี่สิบคน หลังคุณปู่-คุณย่า อพยพมาจาก มณฑลซัวเถา ประเทศจีน ‘คุณพ่อ’ ทำงานรับจ้าง ‘คุณแม่’ เลี้ยงลูก 8 คน และมีครอบครัวคุณอา-ภรรยาคุณอา ที่มีลูก 8 คน
\n
\n“จุดเริ่มต้นของครอบครัวของผมยากจน จริงๆ แล้วผมชื่อเด็กชาย จัง ฮั่น กวง คำว่า ‘กวง’ ก็คือแสงสว่างในชีวิต คุณพ่อคงอยากให้ผมมีแสงสว่างในชีวิตมากกว่าคุณพ่อ ก็เลยตั้งชื่อผมว่า ‘กวง’ ก็คงหวังว่าผมจะได้มีแสงสว่างในชีวิตมากกว่าคุณพ่อ รุ่นคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้เรียนหนังสือเลย จนกระทั่งรุ่นผมที่ได้เรียนหนังสือ”
\n
\n“ปู่กับย่าอพยพมาจากประเทศจีน มาเช่าบ้านอยู่ที่เยาวราช เป็นตรอกแคบๆ มืดๆ พื้นในซอยนั้นจะแฉะตลอดเวลาเพราะปากซอยนั้นเป็นโรงน้ำแข็ง ตึกนั้นมีแค่สองชั้นครึ่ง ในสองชั้นอยู่กันสองครอบครัว”
\n
\n“ผมมีโอกาสได้กลับไปบ้านเกิด 2-3 ครั้ง ไปดูจุดเริ่มต้นของชีวิต พาลูกไปดูว่าจุดเริ่มต้นชีวิตผมอยู่ตรงนี้ คนลูกจีนทุกคนในยุคนั้นก็จะคล้ายๆ กันหมด คือทุกคนปากกัดตีนถีบ ทุกคนมีหน้าที่ทำมาหาเงิน ช่วยพ่อรับจ้างทั่วไปอยู่อย่างนั้น” สมคิด กล่าว
\n
\nต่อมา ‘คุณพ่อ’ ขยับขยายมาทำการค้า ‘ย่านวัดเกาะ’ หรือ วัดสัมพันธวงศาราม ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของ ‘ครอบครัวจาตุศรีพิทักษ์’ ที่ขยับขยายตัวเอง พร้อมกับให้ความสำคัญกับ ‘ลูก-หลาน’ ในเรื่องการศึกษา
\n
\nทำให้ ‘สมคิด’ ที่ใฝ่เรียน จบมัธยมศึกษาตอนปลายจาก ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา จบปริญญาตรี เศรษฐศาสตร์การคลัง และเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ม.ธรรมศาสตร์ ปริญญาโท MBA สาขาบริหารการเงิน สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) แล้วได้ทุนไปจบปริญญาเอก สาขาบริหารธุรกิจ เน้นการจัดการด้านการตลาด ที่ Kellogg School of Management ม.นอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐฯ
\n
\nมาสู่การเป็น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ตำนาน ‘มือเศรษฐกิจยุค’ รัฐบาลทักษิณ และ รัฐบาลประยุทธ์ 2 ขั้วการเมือง ซึ่งปัจจุบันมาสร้างรังใหม่ ‘พรรคสร้างอนาคตไทย’ ที่สถาปนาเป็น ‘พรรคสายกลาง-พรรคขั้วที่ 3’ ทำให้ชื่อ ‘สมคิด’ ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งใน แคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งปี 2566
\n
\nแต่ตามรัฐธรรมนูญ 2560 พรรคที่จะเสนอนายกฯ ต้องได้ ส.ส. 25 ที่นั่ง จึงเป็นงานยากของพรรคตั้งใหม่ ที่ไม่มีฐานเสียง ‘บ้านใหญ่’ แถมถูกมองเป็น ‘พรรคเทคโนแครต’ ในสนามเลือกตั้ง ที่ต้องมาสู้ระบบบัตร 2 ใบ สูตรบอนไซพรรคเกิดใหม่-พรรคเล็ก
\n
\nการลงพื้นที่ ‘สร้างตัวตน’ ของ ‘สมคิด’ ครั้งนี้ น่าสนใจอย่างยิ่ง คิกออฟกิจกรรมตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ การลงพื้นที่ ‘ย่านเยาวราช’ ที่เป็นบ้านเกิด เปรียบเป็นการ ‘สตาร์ทตัวเอง’ ในการปูพรมลงพื้นที่ไปในตัว โดย ‘สมคิด’ ก็หวังเชื่อมความเป็น ‘รุ่นใหญ่-รุ่นเก๋า’ ที่ตัวเองมีกับ ‘คนรุ่นใหม่’ เข้าหากัน ผ่านความภาคภูมิใจที่เป็น ‘ลูกจีน’ คนหนึ่ง
\n
\n“ได้เห็นบ้านเก่าก็รู้สึกซาบซึ้งใจ คิดถึงวัยเด็ก ผมอยากให้คนรุ่นใหม่ได้เห็น คนเราแม้ว่าจะเลือกที่เกิดไม่ได้ แต่เราเรื่องอนาคตและสร้างอนาคตเองได้ ถ้าเราใส่ใจเอาการศึกษาเป็นสำคัญ ประกอบอาชีพ ไม่เกเร รู้จักประหยัด เราจะสร้างตัวเองและครอบครัวได้ ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร คนจนกว่าผมอีกเยอะเลย แต่เราก็สามารถผ่านพ้นวัยที่เราลำบากได้ ขอให้เรารักดี ใฝ่ดี ผมอยากให้คนรุ่นใหม่รู้ตัวเอง ศึกษาตัวเองตลอด” สมคิด กล่าว
\n
\nในการกลับถิ่นเก่าครั้งนี้ ‘สมคิด’ ได้เจอคนรู้จัก ‘รุ่นเพื่อน’ หลายคน ที่ยังคงปักหลักในย่านนี้ เช่น ได้เจอกับเพื่อนของพี่ชายระหว่างเดินริม ถ.เยาวราช ได้พบกับคนที่เคยถ่ายรูปด้วยสมัยเป็นรัฐมนตรียุครัฐบาลทักษิณ ที่เจอ ‘สมคิด’ ระหว่างขับมอเตอร์ไซด์ จึงรีบกลับเข้าบ้านไปเอารูปถ่ายคู่ ‘สมคิด’ ออกมาให้ชม การเข้าพบปะเพื่อนเก่าที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์ใกล้บ้านเดิม และพบปะมิตรเก่าที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ ที่มีภาพถ่ายคู่กับ ‘สมคิด’ ติดกำแพงร้านต่างๆ
\n
\nแม้แต่ร้านขนมเปี๊ยะโบราณหน้าปากซอยที่ ‘สมคิด’ ได้แวะทักทายว่า ทานมาก่อนตัวเองเกิด เพราะทานมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อคุณแม่แล้ว จากนั้นตามธรรมเนียมชาวจีน ก่อนเข้าซอยบ้าน ‘สมคิด’ ได้สักการะศาลเจ้าแม่ประดู่ (เล่าปึงเถ่าม่า) ด้วย
\n
\nจากนี้ไปจึงต้องจับตา ‘สมคิด’ ให้ดี ที่พยายามสร้างความเป็น ‘นายกฯ สายกลาง’ ไม่เลือกข้าง และชูความเป็น ‘มือเศรษฐกิจ’ ตามสไตล์พรรค ‘ขั้วที่ 3’ ท่ามกลางกระแสข่าวการจับมือกับ ‘ตระกูลสร้าง’ นั่นคือ ‘พรรคไทยสร้างไทย’ นำโดย ‘คุณหญิงหน่อย’ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แม้การคุยจะไม่ได้ข้อยุติ ‘ดีลล่มชั่วคราว’ เพราะแต่ละคนเป็น ‘ดาวคนละดวง’ แต่พรรคเหล่านี้จะเป็น ‘ตัวแปรการเมือง’ ที่ชี้ชะตา ‘ตัวเล่นหลัก’ ในหมากอำนาจ ที่จะมีการ ‘แชร์อำนาจ’ กันใหม่ พรรคสร้างอนาคตไทยของ ‘สมคิด’ ในวัย 70 ปี จะไปได้ไกลขนาดไหน เป็นบทพิสูจน์ที่ ‘สมคิด’ ก็หวังสร้าง ‘ประวัติศาสตร์’ ให้ตัวเอง โดยไม่ต้องให้ใครมา ‘สร้างนั่งร้าน’ ให้อีก
\n
\nหรือจุดเปลี่ยนในชีวิต ‘สมคิด’ ครั้งใหม่ กำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง!
\n
\n“จุดเริ่มต้นของครอบครัวของผมยากจน จริงๆ แล้วผมชื่อเด็กชาย จัง ฮั่น กวง คำว่า ‘กวง’ ก็คือแสงสว่างในชีวิต คุณพ่อคงอยากให้ผมมีแสงสว่างในชีวิตมากกว่าคุณพ่อ ก็เลยตั้งชื่อผมว่า ‘กวง’ ก็คงหวังว่าผมจะได้มีแสงสว่างในชีวิตมากกว่าคุณพ่อ รุ่นคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้เรียนหนังสือเลย จนกระทั่งรุ่นผมที่ได้เรียนหนังสือ”
\n
\n“ปู่กับย่าอพยพมาจากประเทศจีน มาเช่าบ้านอยู่ที่เยาวราช เป็นตรอกแคบๆ มืดๆ พื้นในซอยนั้นจะแฉะตลอดเวลาเพราะปากซอยนั้นเป็นโรงน้ำแข็ง ตึกนั้นมีแค่สองชั้นครึ่ง ในสองชั้นอยู่กันสองครอบครัว”
\n
\n“ผมมีโอกาสได้กลับไปบ้านเกิด 2-3 ครั้ง ไปดูจุดเริ่มต้นของชีวิต พาลูกไปดูว่าจุดเริ่มต้นชีวิตผมอยู่ตรงนี้ คนลูกจีนทุกคนในยุคนั้นก็จะคล้ายๆ กันหมด คือทุกคนปากกัดตีนถีบ ทุกคนมีหน้าที่ทำมาหาเงิน ช่วยพ่อรับจ้างทั่วไปอยู่อย่างนั้น” สมคิด กล่าว
\n
\nต่อมา ‘คุณพ่อ’ ขยับขยายมาทำการค้า ‘ย่านวัดเกาะ’ หรือ วัดสัมพันธวงศาราม ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของ ‘ครอบครัวจาตุศรีพิทักษ์’ ที่ขยับขยายตัวเอง พร้อมกับให้ความสำคัญกับ ‘ลูก-หลาน’ ในเรื่องการศึกษา
\n
\nทำให้ ‘สมคิด’ ที่ใฝ่เรียน จบมัธยมศึกษาตอนปลายจาก ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา จบปริญญาตรี เศรษฐศาสตร์การคลัง และเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ม.ธรรมศาสตร์ ปริญญาโท MBA สาขาบริหารการเงิน สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) แล้วได้ทุนไปจบปริญญาเอก สาขาบริหารธุรกิจ เน้นการจัดการด้านการตลาด ที่ Kellogg School of Management ม.นอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐฯ
\n
\nมาสู่การเป็น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ตำนาน ‘มือเศรษฐกิจยุค’ รัฐบาลทักษิณ และ รัฐบาลประยุทธ์ 2 ขั้วการเมือง ซึ่งปัจจุบันมาสร้างรังใหม่ ‘พรรคสร้างอนาคตไทย’ ที่สถาปนาเป็น ‘พรรคสายกลาง-พรรคขั้วที่ 3’ ทำให้ชื่อ ‘สมคิด’ ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งใน แคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งปี 2566
\n
\nแต่ตามรัฐธรรมนูญ 2560 พรรคที่จะเสนอนายกฯ ต้องได้ ส.ส. 25 ที่นั่ง จึงเป็นงานยากของพรรคตั้งใหม่ ที่ไม่มีฐานเสียง ‘บ้านใหญ่’ แถมถูกมองเป็น ‘พรรคเทคโนแครต’ ในสนามเลือกตั้ง ที่ต้องมาสู้ระบบบัตร 2 ใบ สูตรบอนไซพรรคเกิดใหม่-พรรคเล็ก
\n
\nการลงพื้นที่ ‘สร้างตัวตน’ ของ ‘สมคิด’ ครั้งนี้ น่าสนใจอย่างยิ่ง คิกออฟกิจกรรมตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ การลงพื้นที่ ‘ย่านเยาวราช’ ที่เป็นบ้านเกิด เปรียบเป็นการ ‘สตาร์ทตัวเอง’ ในการปูพรมลงพื้นที่ไปในตัว โดย ‘สมคิด’ ก็หวังเชื่อมความเป็น ‘รุ่นใหญ่-รุ่นเก๋า’ ที่ตัวเองมีกับ ‘คนรุ่นใหม่’ เข้าหากัน ผ่านความภาคภูมิใจที่เป็น ‘ลูกจีน’ คนหนึ่ง
\n
\n“ได้เห็นบ้านเก่าก็รู้สึกซาบซึ้งใจ คิดถึงวัยเด็ก ผมอยากให้คนรุ่นใหม่ได้เห็น คนเราแม้ว่าจะเลือกที่เกิดไม่ได้ แต่เราเรื่องอนาคตและสร้างอนาคตเองได้ ถ้าเราใส่ใจเอาการศึกษาเป็นสำคัญ ประกอบอาชีพ ไม่เกเร รู้จักประหยัด เราจะสร้างตัวเองและครอบครัวได้ ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร คนจนกว่าผมอีกเยอะเลย แต่เราก็สามารถผ่านพ้นวัยที่เราลำบากได้ ขอให้เรารักดี ใฝ่ดี ผมอยากให้คนรุ่นใหม่รู้ตัวเอง ศึกษาตัวเองตลอด” สมคิด กล่าว
\n
\nในการกลับถิ่นเก่าครั้งนี้ ‘สมคิด’ ได้เจอคนรู้จัก ‘รุ่นเพื่อน’ หลายคน ที่ยังคงปักหลักในย่านนี้ เช่น ได้เจอกับเพื่อนของพี่ชายระหว่างเดินริม ถ.เยาวราช ได้พบกับคนที่เคยถ่ายรูปด้วยสมัยเป็นรัฐมนตรียุครัฐบาลทักษิณ ที่เจอ ‘สมคิด’ ระหว่างขับมอเตอร์ไซด์ จึงรีบกลับเข้าบ้านไปเอารูปถ่ายคู่ ‘สมคิด’ ออกมาให้ชม การเข้าพบปะเพื่อนเก่าที่เป็นเจ้าของโรงพิมพ์ใกล้บ้านเดิม และพบปะมิตรเก่าที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ ที่มีภาพถ่ายคู่กับ ‘สมคิด’ ติดกำแพงร้านต่างๆ
\n
\nแม้แต่ร้านขนมเปี๊ยะโบราณหน้าปากซอยที่ ‘สมคิด’ ได้แวะทักทายว่า ทานมาก่อนตัวเองเกิด เพราะทานมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อคุณแม่แล้ว จากนั้นตามธรรมเนียมชาวจีน ก่อนเข้าซอยบ้าน ‘สมคิด’ ได้สักการะศาลเจ้าแม่ประดู่ (เล่าปึงเถ่าม่า) ด้วย
\n
\nจากนี้ไปจึงต้องจับตา ‘สมคิด’ ให้ดี ที่พยายามสร้างความเป็น ‘นายกฯ สายกลาง’ ไม่เลือกข้าง และชูความเป็น ‘มือเศรษฐกิจ’ ตามสไตล์พรรค ‘ขั้วที่ 3’ ท่ามกลางกระแสข่าวการจับมือกับ ‘ตระกูลสร้าง’ นั่นคือ ‘พรรคไทยสร้างไทย’ นำโดย ‘คุณหญิงหน่อย’ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แม้การคุยจะไม่ได้ข้อยุติ ‘ดีลล่มชั่วคราว’ เพราะแต่ละคนเป็น ‘ดาวคนละดวง’ แต่พรรคเหล่านี้จะเป็น ‘ตัวแปรการเมือง’ ที่ชี้ชะตา ‘ตัวเล่นหลัก’ ในหมากอำนาจ ที่จะมีการ ‘แชร์อำนาจ’ กันใหม่ พรรคสร้างอนาคตไทยของ ‘สมคิด’ ในวัย 70 ปี จะไปได้ไกลขนาดไหน เป็นบทพิสูจน์ที่ ‘สมคิด’ ก็หวังสร้าง ‘ประวัติศาสตร์’ ให้ตัวเอง โดยไม่ต้องให้ใครมา ‘สร้างนั่งร้าน’ ให้อีก
\n
\nหรือจุดเปลี่ยนในชีวิต ‘สมคิด’ ครั้งใหม่ กำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง!






