Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo00.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo01.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo02.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo03.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo04.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo05.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo06.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo07.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo08.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo09.jpg

Photo Story: มันอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว เพราะ ‘เขา’ ไม่ให้อยู่แล้ว

14 ส.ค. 2567 - 12:23

  • ‘เศรษฐา’ น้อมรับคำตัดสินศาล รธน. ให้พ้นจากตำแหน่ง แต่เสียใจเรื่องขัดจริยธรรมร้ายแรง ยันเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไม่อยากบอกถูกวางยาขอเดินไปข้างหน้าดีกว่า ตัดพ้ออยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว เพราะเขาไม่ให้อยู่แล้ว

Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo00.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo01.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo02.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo03.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo04.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo05.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo06.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo07.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo08.jpg
Srettha-Constitutional-Court-Ethics-SPACEBAR-Photo09.jpg

เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงเปิดใจภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉันให้ความเป็น ‘รัฐมนตรี’ สิ้นสุดลง ว่า คำพิพากษาออกมาแล้ว ผมต้องขอขอบคุณตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้โอกาสทุกฝ่ายได้ชี้แจงมีการหยิบยกนำมาพูดกันในวงกว้าง และเป็นธรรม ผมเคารพในคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่ดำรงตำแหน่งมาพยายามทำทุกอย่างถูกต้องมีความตั้งใจจริง ยึดมั่นอุดมการณ์ในการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย ยืนยันไม่ได้ทำตัวขัดแย้งกับทุกคน เคารพคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนการสู้คดีผิดพลาดอย่างไรคดีถึงพลิกออกมาในลักษณะนี้ เศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบ ผมไม่ได้ฟังฟังตอนจบเพียงอย่างเดียว เมื่อสักครู่นี้ประชุมอยู่

ผู้สื่อข่าวได้ถามว่ามีการคาดคิดไว้ล่วงหน้าหรือไม่เพราะที่ผ่านมาก็ยังทำงานตามปกติและไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า "เปล่าครับอย่างที่ผมยืนยันที่ผมทำคำแถลงปิดคดี เมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ผลออกได้ทั้งซ้ายและขวาออกได้ทั้ง 2 ทาง เรามีหน้าที่เราก็ทำต่อไป ผมมีหน้าที่ต้องวางแผนระยะยาว และระยะสั้นจะต้องเดินทางไปไหน ไม่ได้บ่งบอกว่าก้าวล่วงหรือคาดเดาว่าผลตัดสินจะออกมาอย่างไร"

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในคำวินิจฉัยบอกว่านายกฯ ผิดจริยธรรมร้ายแรงเท่ากับเป็นการตัดสิทธิทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า "ผมไม่ได้ดูตรงคำว่าตัดสิทธิ์หรือไม่ตัดสิทธิ แต่ผมเสียใจตรงที่ว่าจะถูก บอกว่าเป็นนายกฯ ที่ไม่มีจริยธรรมซึ่งผมก็ยืนยันตัวตนของผมไม่ใช่คนแบบคนแบบนั้น แต่ก็อย่างที่บอกเมื่อตัดสินมาแล้วท่านเป็นตุลาการมีความรู้ความสามารถตัดสินมาอย่างไรผมก็น้อมรับ”

เมื่อถามต่อว่านายกรัฐมนตรียังไม่ได้เดินหน้าในสิ่งที่อยากทำ เศรษฐา กล่าวว่า ก็เป็นธรรมดาครับ อยากมีภารกิจอีกเยอะปัญหาของประชาชนก็เยอะ อย่างที่บอกบ้านเมืองยังมีคนเก่งอีกหลายท่าน ที่มายืนตรงนี้และทำงานต่อไปได้

ส่วนจะฝากอะไรกับคนที่จะมาทำหน้าที่ต่อจากนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า ไม่ต้องฝาก ทีมงานก็อยู่ตรงนี้แล้ว รัฐมนตรีก็ยังเป็นรัฐมนตรีรักษาการ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ที่ติดภารกิจอยู่ อยู่ที่ประเทศคาซัคสถานกำลังหาไฟล์บินเดินทางกลับมาในคืนนี้ แต่ถ้าไม่ทันก็เป็น สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ท่านอยู่มาหลายรัฐบาลแล้ว มีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน ตนมั่นใจในทีมงาน กระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีคนต่อไปก็ต้องผ่านรัฐสภา

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีถูกวางยาหรือไม่ เศรษฐา ตอบสวนกลับทันทีว่า “ผมไม่เคยคิดอย่างนั้น และผมยืนยันว่าไม่ใช่ผลออกมาแล้ว ไม่เป็นไปตามคาดหวังจะไปกล่าวโทษคนนั้นคนนี้ถูกวางยาไม่มี ผมไม่เชื่ออย่างนั้น”

แต่เมื่อถามว่า การแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี เป็นการเป็นการตัดสินใจคนเดียวหรือไม่ เศรษฐา ปฏิเสธตอบ พร้อมบอกว่าเราไม่อยากกลับไปอีกแล้ว ผมได้แถลงชี้แจงไปเรียบร้อยแล้วทุกอย่างอยู่ในคำแถลงปิดคดีแล้ว ในสิ่งที่อยากจะพูด ท่านตุลาการทุกท่านมีข้อมูลพร้อมอยู่แล้ว อย่างที่ผมยืนยันผมน้อมรับคำตัดสิน 

ผู้สื่อข่าวถามว่าเข็ดการเมืองหรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า มันไม่เกี่ยวกับเข็ดหรือไม่เข็ด จริงๆปัญหาบ้านเมืองมีมาก คนเราสามารถช่วยเหลือการเมืองได้ในหลายหน้าที่

สำหรับการขึ้นมาบริหารประเทศที่จะครบ 1 ปี ได้บทเรียนราคาแพงอย่างไร เศรษฐา กล่าวว่า "คำถามนี้มันยาก บทเรียนราคาแพงมันออกได้ทั้งเป็นบวกและลบ ผมไม่อยากมองในแง่ลบมากกว่าวันนี้ศาลตัดสินมาแล้วไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดหวังการที่จะบอกว่าเป็นบทเรียนราคาแพงใครวางยาหรือไม่ อย่าไปก้าวล่วงดีกว่า วันนี้ยอมรับคำตัดสินแล้วเดินไปข้างหน้า จะดีกว่า ให้ฝ่ายนิติบัญญัติดำเนินการต่อไปในการเลือกนายกรัฐมนตรี และแปลคำพิพากษาว่าตรงไหนเป็นอย่างไร"

เมื่อถามว่าเศรษฐายังสามารถเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้อยู่หรือไม่ เศรษฐา ตอบว่า ยังไม่ทราบเลยครับ เป็นเรื่องของกฎหมาย ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยคงจะต้องไปดู 

ส่วนหากกฎหมายไม่ได้ห้ามให้ เศรษฐา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ส่วนตัวจะกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งหรือไม่ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “โอ้ย ขออย่าไปไกลขนาดนั้น ไปทีละสเต็ปดีกว่า”

เมื่อถามว่าส่วนตัวไม่ได้ถูกหลอก ให้ไว้ใจใครหรือคนบางกลุ่มใช่หรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า การที่ผลออกมาแบบนี้จะถูกมองว่าตนถูกหลอกให้ไว้ใจคนนั้นคนนี้ไม่ใช่หรอกเชื่อว่าทุกคนก็มีความหวังดีให้กับคนในประเทศชาติ ซึ่งอยู่ที่วิธีการจะดำเนินการอย่างไร มีแผนการจัดการบริหารประเทศอย่างไร ก็เป็นเรื่องของแต่ละคนไป แต่ผมก็ขอยืนยันตรงนี้ว่า น้อมรับคำตัดสิน และย้ำว่าตลอดระยะเวลาการทำงานมา ในตึกไทยคู่ฟ้าในตำแหน่งหน้าที่นี้ ทำด้วยความบริสุทธิ์ ไม่มีปัญหากับใครเป็นการส่วนตัว ไม่มีข้อขัดแย้งกับใครเป็นการส่วนตัวเลย ขอให้ย้อนดูคำสัมภาษณ์ของตนที่ผ่านมา 

ส่วนมีความกังวลหรือไม่ว่าเมื่อ พ้นจากตำแหน่งไปแล้วผู้ที่จะมาทำหน้าที่แทนจะไม่สานต่อนโยบายที่เคยประกาศไว้กับประชาชน เศรษฐา กล่าวว่า ผมตอบไม่ได้เพราะไม่ทราบว่าเป็นใคร จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี และต้องให้เกียรติรักษาการนายกรัฐมนตรี รวมถึงนายกรัฐมนตรีคนต่อไปด้วย 

ส่วนข้อกังวลเรื่องนโยบายโดยเฉพาะโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต อย่างที่ตนบอกว่าคนที่จะมาเป็นผู้นำไม่ว่าจะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือพรรคอื่น มีสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายตามเห็นสมควร เชื่อว่าทุกคนอยากเห็นประชาชนอยู่ดีกินดี แต่ว่าวิธีการ ก็อาจจะแตกต่างกันออกไปบางคนอาจจะเห็นด้วย กับเงินดิจิทัลวอลเล็ต หรือไม่เห็นด้วย หรือเรื่องอื่นๆก็แล้วแต่ แต่ต้องยอมรับว่า ผมหมดหน้าที่ไปแล้วเมื่อเวลา 15:30 น. ของวันนี้ (14ส.ค.)

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หมายความว่าโครงการเงินดิจิทัลฯ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ได้ใช่หรือไม่หลังจากนี้ เศรษฐา ตอบว่า ไม่ทราบ เพราะไม่มีอำนาจแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อทราบผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว โทรศัพท์สายแรกที่โทรมาเป็นใครสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ เศรษฐา ตอบว่า มีผู้สื่อข่าวอาวุโสคนหนึ่งโทรเข้ามาให้กำลังใจ ส่วนภาคการเมืองยังไม่มีใครโทรมา มีเพียงแค่ส่งข้อความเข้ามาให้กำลังใจเท่านั้น บางคนบอกว่าจะเข้ามาหาที่ทำเนียบรัฐบาลแต่ตนก็บอกว่าอย่าเข้ามาเลยเพราะจะออกไปอยู่แล้ว 

“มันอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว เพราะเขาไม่ให้อยู่แล้ว” เศรษฐา กล่าว

เศรษฐา ยืนยันว่า คำพูดของผมไม่มีนัยยะว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะเป็นคนของพรรคเพื่อไทยหรือไม่เป็น แต่คนที่มาจากพรรคใดก็ตาม ผมก็ยอมรับตามกระบวนการรัฐสภา 

เมื่อถามว่าขณะนี้มีความรู้สึกปลอดโปร่งหรือไม่ และจะสามารถปล่อยให้การเมืองเดินไปในทิศทางที่จะเป็นไป เศรษฐา กล่าวว่า ปล่อยให้การเมืองเดินไปตามวิถี ส่วนจะปลอดโปร่งหรือไม่ ขอให้เป็นความรู้สึกส่วนตัวดีกว่า เพราะยังมีความกังวลเรื่องบ้านเมืองหลายๆเรื่อง และไม่ขอความเห็นว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปควรจะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะก็ต้องปล่อยให้พรรคเพื่อไทยพูดคุยกัน 

พร้อมยอมรับว่า ผมก็คิดอยู่เหมือนกัน หากผลออกมาด้านใดด้านหนึ่ง ให้อยู่ต่อตนก็ทำงานต่อ แต่ถ้าเขาไม่ทำงานต่อ ผมก็ไม่ควร แสดงท่าทีกดดันว่าที่นายกคนต่อไป ว่าควรเป็นใครหรือมาจากพรรคไหน เพราะเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกันมากกว่า 

ส่วนจะช่วยงานพรรคเพื่อไทยต่อหรือไม่ในฐานะสมาชิกพรรค เศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่ในอนาคตตนอาจจะอยากช่วยบ้านเมืองต่อไปในบทบาทอื่นๆก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น สส. รัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี 

ผู้สื่อข่าวถามว่า แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีความพร้อมที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อหรือไม่ เศรษฐา มองว่าคนที่อยู่ในรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีความพร้อมและมีจุดแข็งจุดอ่อนต่างกันไป ขอให้เป็นตามกระบวนการรัฐสภา 

ขณะเดียวกันอดีตนายกรัฐมนตรียังปฏิเสธที่จะฝากข้อความถึงว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไป เพราะแต่ละคนก็มีวิถีทางที่จะเดินไป จุดที่ทุกคนอยากเห็นตนอาจจะเดินแบบนี้ นายกรัฐมนตรีคนต่อไปอาจจะเดินอีกแบบนึง ซึ่งมันไม่ยุติธรรมหากจะบอกให้นายกรัฐมนตรีคนต่อไปเดินตามแบบนายกฯเศรษฐา 

เมื่อถามว่าจะมีการฮีลใจอย่างไร เศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี เพราะการก้าวเข้ามาตรงนี้วันแรก รู้อยู่แล้วว่าจะสามารถออกมาได้หลายหน้าว่าจะอยู่ครบ 4 ปีหรือไปตั้งแต่ปีแรก ต้องมีความพร้อมทั้งหมดทุกๆ ฉากทัศน์

เมื่อถามว่าการเป็นนักการเมือง กับการเป็นนักธุรกิจอะไรโหดร้ายกว่ากัน เศรษฐา กล่าวว่า เมื่อพบกับความผิดหวังทุกเรื่องก็โหดร้ายหมด แต่เราก็ต้องอยู่กับมันไป ส่วนวันพรุ่งนี้ผมยังไม่แน่ใจ ว่าจะทำอย่างไรเป็นสิ่งแรก ยังไม่ทราบ แต่คาดว่าอาจจะไปลอยอังคารกระดูกมารดาเร็วขึ้น ซึ่งขอคุยกับครอบครัวก่อน หรือหากทีมงานอยากคุยเรื่องส่งต่องาน ตนก็พร้อมไม่มีปัญหาอะไร เพราะได้ยกเลิกภารกิจการเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ในวันพรุ่งนี้แล้ว 

เมื่อมีอะไรจะกล่าวถึง ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี ซึ่งรู้จักกันอยู่แล้ว เดี๋ยวว่าง ๆ จะไปหากาแฟกินธรรมดา ไม่มีปัญหาอะไร

เศรษฐา ยังบอกอีกว่า ผมไม่มีอะไรฝากถึงประชาชน เพราะคนเป็นคนพูดไม่เก่ง และไม่มีตำแหน่งที่จะไปพูดแล้ว และจะเป็นการกดดันคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปด้วย ซึ่งตนให้ความเคารพ จะเห็นด้วยหรือไม่ ผมไม่ขอพูด

“ผมเชื่อว่าการที่ผมทำงานตรงนี้มาโดยตลอด ตั้งใจทำงานจริง ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งใคร พยายามทำงานให้สุจริต เพื่อให้ดีที่สุดเพื่อพี่น้องประชาชนเท่านั้น ส่วนใครจะเอาดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่เอา หรือจะลดจำนวนลง หรือจะเอา แลนด์บริจด์ หรือไม่เอา ซอฟต์พาวเวอร์ จะทำต่อหรือไม่ ก็เป็นหน้าที่ของผู้ที่มารับตำแหน่งต่อไป ซึ่งขออำนวยพรให้ผู้ที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้“ เศรษฐา กล่าว

เศรษฐา ยังบอกอีกว่า ครอบครัวยังไม่ได้ให้กำลังใจอะไร เพราะศาลฯ เพิ่งตัดสิน และเมื่อตอนที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ลูกๆ ก็ไม่ได้ส่งข้อความมายินดีอะไร เพราะครอบครัวตนไม่ใช่แบบนั้น

เศรษฐา กล่าวย้ำถึง โครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า เข้าใจถึงข้อกังวลของประชาชนที่ลงทะเบียนไปแล้ว แต่ก็เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีคนต่อไป 

ผู้สื่อข่าวถามย้อนกรณีที่ เศรษฐา เสียใจถึงเรื่องผิดจริยธรรมนั้น เศรษฐา ให้เหตุผลว่า ผมมั่นใจว่าตนเป็นคนมีจริยธรรม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องที่ถูกร้อง ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเช่นนั้น แต่ยืนยันว่า เสียใจ แต่ไม่ใช่หมายความว่าไม่เห็นด้วย ตนน้อมรับคำตัดสิน แต่ตนไม่เคยวิ่งเต้นอะไร และไม่เคยโทรหาใคร 

เมื่อถามถึงเหตุผลที่ เศรษฐา กล้าเสี่ยงแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน ว่า ผมไม่แน่ใจว่าใช้คำว่ากล้าเสี่ยงได้หรือไม่ เพราะผมได้ดูข้อกฎหมายแล้ว และได้สอบถามแล้ว ขอให้เรื่องนี้จบดีกว่า เพราะศาลฯ ตัดสินแล้วว่าตนผิด ก็ออกจากหน้าที่ไป ขออย่าไปถามต่อ เดี๋ยวกลายเป็นว่าผมไม่เห็นด้วย

ขณะที่ตอนทำคำชี้แจงต่อสู้คดี วิษณุ เครืองาม ได้ให้ความมั่นใจหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกคนก็มั่นใจ แต่อำนาจสูงสุดอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ

ในช่วงท้าย เศรษฐา ยังกล่าวถึงความประทับใจที่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า คนเราอายุขนาดนี้แล้ว การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ลงไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ได้ลงพื้นที่ ได้รับข้อมูลใหม่ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งวันนี้ต้องก้าวออกไป สิ่งที่ผิดหวังก็คือ เรื่องนี้ เพราะการเป็นเอกชน หรือการเป็น เศรษฐา ทวีสิน และเป็น นายกฯ เศรษฐา การเข้าถึงปัญหา หากไม่มานั่งตรงนี้ก็มองไม่เห็น เพราะเมื่อเห็นแล้วก็เป็นความของประเทศ แต่ก็ต้องไว้ใจระบบรัฐสภา ที่จะสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่มีความรู้ ความสามารถ และจะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญได้ ซึ่งตนไม่มีอะไรจะพูด 

นอกจากความปราถนาดีต่อนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หรือในช่วง 1 เดือนนี้ที่รักษาการ นายกรัฐมนตรีจะดำเนินการ นำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า นั่นคือความตั้งใจสูงสุดที่อยากจะให้เป็น 

ส่วนความเป็นห่วงเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ เศรษฐา ยอมรับว่ามีความเป็นห่วง เพราะเป็นเข้าใจความซับซ้อนของโครงสร้าง พร้อมยอมรับว่าเป็นห่วงทุกเรื่อง ซึ่งต้องยอมรับว่าฉากนี้มันจบสิ้นไปแล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไปแล้ว พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนไม่เคยคิดว่า จุดสูงสุดของชีวิตคืออะไร เพราะมีโอกาสมาดูแลบ้านเมือง ความเป็นอยู่ประชาชน ก็ถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดของผม

ระหว่างที่เศรษฐาได้ลงมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยก่อนเริ่มแถลงนายเศรษฐาเช็คโทรศัพท์ตลอดเวลา ก่อนที่จะเดินมาให้สัมภาษณ์ โดยในช่วงต้นของการสัมภาษณ์ นายเศรษฐามีเสียงสั่นเครือเล็กน้อย ซึ่งนายเศรษฐาได้ให้สัมภาษณ์เป็นเวลาประมาณ 20 นาที 

หลังตอบคำถามสุดท้าย ที่ถามว่าจุดสูงสุดในชีวิตของนายเศรษฐาคืออะไร เจ้าตัวได้นิ่งไป ก่อนตอบว่า “เป็นลูกที่ดีครับ” จังหวะนี้เศรษฐาตาแดงและมีน้ำตาคลอเล็กน้อยก่อนยกมือไหว้ และโบกมือ ส่งยิ้มให้กับผู้สื่อข่าวก่อนเดินขึ้นรถยนต์ส่วนตัว ยี่ห้อเลคซัส ป้ายทะเบียน ศฐ 30 กรุงเทพมหานคร ออกจากทำเนียบรัฐบาลในเวลา 16.13 น.

ทั้งนี้ช่วงที่เศรษฐาให้สัมภาษณ์หน้าตึกไทยคู่ฟ้า มี จักรพงษ์ แสงมณี รักษาการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  จุลพันธ์  อมรวิวัฒน์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  สมคิด เชื้อคง อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ชัย วัชรงค์ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ข้าราชการและเจ้าที่ของทำเนัยบรัฐบาลบางส่วนได้มายืนรับฟัง และเดินไปส่งนายเศรษฐา ระหว่างนั้นสังเกตจุลพันธ์มีน้ำตาซีมออกมา และนากยรัฐมนตรีปฎิเสธไม่ได้ถ่ายรูปร่วมกับสื่อมวลชน ก่อนเดินทางกลับทันที ด้วยรถยนต์ส่วนตัว Lexus ทะเบียน ศฐ 30 กรุงเทพมหานคร ออกจากทำเนียบไปทันที

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์