แม้การเลือกตั้งจะผ่านไปแล้วหลายเดือน แต่นโยบายหาเสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่สรุปรวบยอดเป็นสโลแกนอย่างเช่น “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” และ “หาเงินได้ ใช้เงินเป็น” ยังเป็นที่จดจำ และถูกนำไปใช้ในวงการต่างๆ เพราะเป็นสโลแกนที่ติดปาก จำง่าย เห็นภาพได้ชัดเจน
แม้แต่นายกรัฐมนตรี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งตอนหาเสียงเลือกตั้ง เป็นคู่แข่ง ฝ่ายตรงข้ามกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ยังใช้ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” และ “หาเงินได้ ใช้เงินเป็น” ในการให้สัมภาษณ์สื่อครั้งล่าสุด และก่อนหน้านี้ วันที่ 12 พฤศจิกายน เศรษฐา ให้สัมภาษณ์ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ ระหว่างไปร่วมประชุม เอเปค ตอบคำถามสื่อฯ เรื่องมีเงินพอที่จะใช้ในโครงการเติมเงิน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ หรือไม่ว่า
“ผมเป็นนายกฯ ที่มาจากพรรคอะไร พรรคเพื่อไทย สื่อก็บอกว่า หาเงินได้ ใช้เงินเป็น ผมก็มั่นใจว่า ผมหาเงินได้ ใช้เงินเป็น”
ก่อนหน้านี้ วันที่ 4 พฤศจิกายน เศรษฐาตอบคำถามสื่อฯ ในเรื่องโพลสอบถามสิ่งที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลทำคือ แก้ปัญหาปากท้อง ว่า ไม่แปลกใจที่โพลออกมาอย่างนี้ และเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ ทำแล้ว และจะทำอีก

สำหรับแคมเปญหาเสียงของพรรคเพื่อไทยคือ “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” หลังจากนโยบายเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ไม่ชัดเจนว่าประชาชนจะได้เงินเมื่อไรแน่ และคนของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ลงมาถึงบรรดา สส.พรรค ต่างพูดถึงนโยบายไปคนละทิศคนละทาง ตามความเข้าใจของแต่ละคน
“คิดใหญ่ ทำเป็น” จึงถูกดัดแปลง ล้อเลียน กลายเป็น “คิดใหญ่ ทำไม่เป็น” และ “คิดใหญ่ ทำไม่ได้”
คงจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติไม่น้อย และพรรครวมไทยสร้างชาติไม่น่าจะติดใจ หากเศรษฐา จะลองศึกษานโยบาย “หาเงินได้ ใช้เงินเป็น” และ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ให้ลึกซึ้ง และดูว่าสามารถนำมาใช้ได้หรือไม่ เพราะเป็นนโยบายที่ผ่านการปฏิบัติมาแล้ว เห็นผลแล้ว เป็นสิ่งที่จับต้องได้ เช่น การใช้เม็ดเงินที่มีอยู่จำกัด ในการช่วยเหลือประชาชนเฉพาะกลุ่ม การหาเงิน 4 ล้านล้านบาท เพื่อใช้จ่ายในยกระดับเศรษฐกิจไทยให้หลุดจากกับดักรายได้ปานกลาง ยุทธศาสตร์พลังงานสะอาด เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เป็นต้น
ซึ่งจะทำให้มีทิศทางชัดเจนว่า จะนำพาประเทศไทยไปทางไหน ไม่เคว้งคว้างเหมือนเรือที่ไม่มีคนถือหางเสือ อย่างในตอนนี้
