เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความพร้อมก่อนโหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 22 สิงหาคมนี้ โดยมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง และเข้าใจว่าการเข้าสู่ชีวิตการเมืองเป็นบุคคลสาธารณะ ก็ต้องยอมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนเรื่องของการโหวตนั้นเชื่อว่าทั้ง สส. และ สว. จะมีวิจารณญาณ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากที่ตนได้แถลงข่าวอย่างชัดเจนแล้ว และหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภา ก่อนย้ำถึงเรื่องการบริหารงานบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา เป็นไปอย่างโปร่งใส ตามหลักธรรมาภิบาล
“ขอย้ำว่า เราเป็นผู้ซื้อ ภาระอยู่ที่ผู้ขายในแง่ของการเสียภาษี เราไม่มีส่วนในการช่วยเหลือเขา ไม่มีเงินทอน ไม่มีการตั้งบริษัทนอมินี และที่สำคัญไม่มีการให้กู้กับบริษัทนอมินีด้วย ราคาที่ดินที่ทำการซื้อขายเหมาะสม เราบริสุทธิ์ใจในการทำงาน” เศรษฐา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบถึงกระแสข่าวที่ในวันที่ 21 สิงหาคม อาจมีการแถลงข่าวร่วมกับพรรคการเมืองที่สนับสนุน แต่เข้าใจว่าทุกอย่างคงเป็นไปได้ด้วยดี รวมถึงมั่นใจในคณะเจรจาของพรรคเพื่อไทย ว่ามีความคืบหน้าไปได้มากแล้ว พร้อมระบุว่า ถึงเวลาแล้ว ปัญหาบ้านเมืองถูกหมักหมมมานาน ควรจะต้องมีรัฐบาลได้แล้ว ส่วนเมื่อถามถึงสิ่งแรกที่จะดำเนินการ หากได้รับเลือกจากรัฐสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ระบุว่า หลังรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แล้ว ก็ต้องตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งคงต้องมีการพูดคุยกันก่อน หล่อหลอมนโยบายของทุกๆ พรรคการเมือง โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่การเป็นรัฐบาลผสม ตนก็เข้าใจและต้องให้เกียรติพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทุกพรรคด้วย
“เรามีไอเดียอยู่แล้ว แต่ขอเก็บไว้รอคุยกับพรรคร่วมก่อน” เศรษฐา กล่าว
พร้อมย้ำถึงความมั่นใจในคณะทำงานของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองมีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ รวมถึงอยากให้การเมืองเดินหน้าต่อไปได้ โดยในวันที่ 22 สิงหาคม ถือเป็นสเต็ปที่สองหลังจากเลือกตั้ง ซึ่งหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี อย่างไรก็ตาม ไม่ขอแสดงความคิดเห็นถึงโผคณะรัฐมนตรีที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ พร้อมย้ำว่า ต้องให้เกียรติคณะเจรจาและพรรคร่วมฯ ด้วย เพราะกระทรวงต่างๆ ก็ยังไม่ลงตัว แต่เข้าใจว่าก็มีความคืบหน้าแล้ว และถ้าลงตัวแล้ว รายชื่อก็คงจะตามมา
“อย่าเพิ่งรีบร้อน อดใจอีกนิดหนึ่งก่อน เป็นขั้นเป็นตอนไปดีกว่า แต่มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฯ จะเสนอบุคลากรที่มีคุณภาพ ทำงานให้ประเทศเดินหน้าได้” เศรษฐา กล่าว
เมื่อถามว่า วันที่ 22 สิงหาคม จะมีการตั้งวอร์รูมติดตามความเคลื่อนไหวการอภิปรายในรัฐสภาหรือไม่นั้น เศรษฐา บอกว่า วันอาทิตย์หรือวันจันทร์ที่จะถึง คงมีการประชุมกัน แต่คาดว่าคงเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย ตามปกติ ส่วนกำหนดการเดินทางกลับประเทศไทยของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น เศรษฐา ยืนยันไม่ทราบกำหนดการมาก่อน พร้อมมองการเดินทางกลับของ ทักษิณ ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย
“เป็นความปรารถนาของท่านเอง ที่ท่านจะกลับมาเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ถือเป็นอีเว้นท์ใหญ่ที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมสูงสุด จากบ้านเมืองไป 17 ปีแล้ว ส่วนการโหวตนายกฯ ก็เป็นเรื่องของสภา คนละเรื่องกัน” เศรษฐา กล่าว
ส่วนภายหลังที่ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้โทรศัพท์ให้กำลังใจ ตอนนี้มีพรรคการเมืองอื่นติดต่อมาบ้างหรือไม่นั้น เศรษฐา บอกว่า ยัง คงเพราะยังไม่ได้เปิดตัวเป็นทางการ อาจต้องรอเปิดตัวก่อน แต่เราก็พอรู้จักกัน คุยกันนอกรอบบ้างแล้ว
“ผมมั่นใจในความบริสุทธิ์ใจ มั่นใจในนโยบายของพรรคเพื่อไทย มั่นใจทีมงานพรรคเพื่อไทย มั่นใจในเจตนารมณ์ที่ดีของพรรคร่วมฯ และไม่ว่าจะได้กระทรวงไหน หรือส่งบุคคลใดเข้ามา เชื่อว่าทุกพรรคคงคำนึงถึงการช่วยเหลือบ้านเมืองเป็นหลัก” เศรษฐา กล่าว
พร้อมกันนี้ ยืนยันว่า นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่เคยหาเสียงไว้ จะถูกผลักดันจนสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะถือเป็นนโยบายหลัก และมั่นใจว่าทุกพรรคการเมืองจะเห็นชอบ
“แต่ผมค่อนข้างจะผิดหวังกับคุณชูวิทย์ ซึ่งท่านไม่เข้าใจเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วมาด้อยค่าเรื่องนี้ อย่าเอาผลประโยชน์ที่ประชาชน ผู้ผลิต ผู้จ้างงาน ผู้ได้รับการจ้างงาน มาเป็นประเด็นด้านการเมืองเลย ผมเชื่อว่าหลายล้านคนต้องการตรงนี้ ถ้าหากพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลจริงๆ จะพยามผลักดันนโยบายนี้โดยเร็วที่สุด” เศรษฐา กล่าว
ส่วนจะผลักดันทุกนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ใช่หรือไม่ เศรษฐา ย้ำว่า ต้องให้เกียรติพรรคร่วมฯ ด้วย เอามาหล่อหลอมเป็นนโยบายรัฐบาลของประเทศไทย ทำงานร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ก้าวหน้าไป ยกระดับความเป็นอยู่พี่น้องประชาชน ขจัดความขัดแย้งที่มีอยู่ในทุกอายุและความคิด ซึ่งเป็นภารกิจของผู้นำประเทศคนใหม่ที่ต้องพร้อมทำ
“ขอย้ำว่า เราเป็นผู้ซื้อ ภาระอยู่ที่ผู้ขายในแง่ของการเสียภาษี เราไม่มีส่วนในการช่วยเหลือเขา ไม่มีเงินทอน ไม่มีการตั้งบริษัทนอมินี และที่สำคัญไม่มีการให้กู้กับบริษัทนอมินีด้วย ราคาที่ดินที่ทำการซื้อขายเหมาะสม เราบริสุทธิ์ใจในการทำงาน” เศรษฐา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบถึงกระแสข่าวที่ในวันที่ 21 สิงหาคม อาจมีการแถลงข่าวร่วมกับพรรคการเมืองที่สนับสนุน แต่เข้าใจว่าทุกอย่างคงเป็นไปได้ด้วยดี รวมถึงมั่นใจในคณะเจรจาของพรรคเพื่อไทย ว่ามีความคืบหน้าไปได้มากแล้ว พร้อมระบุว่า ถึงเวลาแล้ว ปัญหาบ้านเมืองถูกหมักหมมมานาน ควรจะต้องมีรัฐบาลได้แล้ว ส่วนเมื่อถามถึงสิ่งแรกที่จะดำเนินการ หากได้รับเลือกจากรัฐสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ระบุว่า หลังรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แล้ว ก็ต้องตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งคงต้องมีการพูดคุยกันก่อน หล่อหลอมนโยบายของทุกๆ พรรคการเมือง โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่การเป็นรัฐบาลผสม ตนก็เข้าใจและต้องให้เกียรติพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทุกพรรคด้วย
“เรามีไอเดียอยู่แล้ว แต่ขอเก็บไว้รอคุยกับพรรคร่วมก่อน” เศรษฐา กล่าว
พร้อมย้ำถึงความมั่นใจในคณะทำงานของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองมีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ รวมถึงอยากให้การเมืองเดินหน้าต่อไปได้ โดยในวันที่ 22 สิงหาคม ถือเป็นสเต็ปที่สองหลังจากเลือกตั้ง ซึ่งหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี อย่างไรก็ตาม ไม่ขอแสดงความคิดเห็นถึงโผคณะรัฐมนตรีที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ พร้อมย้ำว่า ต้องให้เกียรติคณะเจรจาและพรรคร่วมฯ ด้วย เพราะกระทรวงต่างๆ ก็ยังไม่ลงตัว แต่เข้าใจว่าก็มีความคืบหน้าแล้ว และถ้าลงตัวแล้ว รายชื่อก็คงจะตามมา
“อย่าเพิ่งรีบร้อน อดใจอีกนิดหนึ่งก่อน เป็นขั้นเป็นตอนไปดีกว่า แต่มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฯ จะเสนอบุคลากรที่มีคุณภาพ ทำงานให้ประเทศเดินหน้าได้” เศรษฐา กล่าว
เมื่อถามว่า วันที่ 22 สิงหาคม จะมีการตั้งวอร์รูมติดตามความเคลื่อนไหวการอภิปรายในรัฐสภาหรือไม่นั้น เศรษฐา บอกว่า วันอาทิตย์หรือวันจันทร์ที่จะถึง คงมีการประชุมกัน แต่คาดว่าคงเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย ตามปกติ ส่วนกำหนดการเดินทางกลับประเทศไทยของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น เศรษฐา ยืนยันไม่ทราบกำหนดการมาก่อน พร้อมมองการเดินทางกลับของ ทักษิณ ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย
“เป็นความปรารถนาของท่านเอง ที่ท่านจะกลับมาเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ถือเป็นอีเว้นท์ใหญ่ที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมสูงสุด จากบ้านเมืองไป 17 ปีแล้ว ส่วนการโหวตนายกฯ ก็เป็นเรื่องของสภา คนละเรื่องกัน” เศรษฐา กล่าว
ส่วนภายหลังที่ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้โทรศัพท์ให้กำลังใจ ตอนนี้มีพรรคการเมืองอื่นติดต่อมาบ้างหรือไม่นั้น เศรษฐา บอกว่า ยัง คงเพราะยังไม่ได้เปิดตัวเป็นทางการ อาจต้องรอเปิดตัวก่อน แต่เราก็พอรู้จักกัน คุยกันนอกรอบบ้างแล้ว
“ผมมั่นใจในความบริสุทธิ์ใจ มั่นใจในนโยบายของพรรคเพื่อไทย มั่นใจทีมงานพรรคเพื่อไทย มั่นใจในเจตนารมณ์ที่ดีของพรรคร่วมฯ และไม่ว่าจะได้กระทรวงไหน หรือส่งบุคคลใดเข้ามา เชื่อว่าทุกพรรคคงคำนึงถึงการช่วยเหลือบ้านเมืองเป็นหลัก” เศรษฐา กล่าว
พร้อมกันนี้ ยืนยันว่า นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่เคยหาเสียงไว้ จะถูกผลักดันจนสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะถือเป็นนโยบายหลัก และมั่นใจว่าทุกพรรคการเมืองจะเห็นชอบ
“แต่ผมค่อนข้างจะผิดหวังกับคุณชูวิทย์ ซึ่งท่านไม่เข้าใจเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วมาด้อยค่าเรื่องนี้ อย่าเอาผลประโยชน์ที่ประชาชน ผู้ผลิต ผู้จ้างงาน ผู้ได้รับการจ้างงาน มาเป็นประเด็นด้านการเมืองเลย ผมเชื่อว่าหลายล้านคนต้องการตรงนี้ ถ้าหากพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลจริงๆ จะพยามผลักดันนโยบายนี้โดยเร็วที่สุด” เศรษฐา กล่าว
ส่วนจะผลักดันทุกนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ใช่หรือไม่ เศรษฐา ย้ำว่า ต้องให้เกียรติพรรคร่วมฯ ด้วย เอามาหล่อหลอมเป็นนโยบายรัฐบาลของประเทศไทย ทำงานร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ก้าวหน้าไป ยกระดับความเป็นอยู่พี่น้องประชาชน ขจัดความขัดแย้งที่มีอยู่ในทุกอายุและความคิด ซึ่งเป็นภารกิจของผู้นำประเทศคนใหม่ที่ต้องพร้อมทำ