เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. (วาระพิเศษ) และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ว่า ถึงปัญหายาเสพติด เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งได้มีการประชุมติดตามและลงพื้นที่ ทางภาคอีสานและภาคเหนือ โดยรัฐบาลจะใช้ จ.ร้อยเอ็ด และ จ.น่าน เป็นโมเดล ในการแก้ไขปัญหาให้เป็นจังหวัดสีขาวโดยปราศจากยาเสพติดภายใน 3 เดือน
ขอให้บูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างกองทัพ ตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย เพื่อขจัดปัญหายาเสพติดออกจากสังคมไทย
นายกฯ กล่าวต่อว่า ในการดำเนินการปราบปรามแก้ไขปัญหายาเสพติดไม่อยากให้ใช้คำว่า ลุยปราบ แต่เราต้องมีแผน และยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานทั้งการจับกุม ต้องหาเบาะแสทั้งผู้ผลิตและจำหน่าย จะต้องปราบให้สิ้นซาก
รวมทั้งการเข้มงวดกวดขันตามแนวชายแดน ไม่ว่าจะเป็นแถบเมียนมาและสปป.ลาว ซึ่งวันเดียวกันนี้ก็ได้พูดคุยโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ร่วมกับเลขาธิการ ปปส. และผู้บัญชาการทหารบก รวมทั้งตำรวจตระเวนชายแดน
ในเรื่องการขอความร่วมมือปราบปรามยาเสพติด โดยทำงานอย่างบูรณาการ โดยเฉพาะการทำงานในระดับท้องถิ่น จังหวัดที่อยู่ตามแนวชายแดน 12 จังหวัด 8 แคว้น ที่ยังไม่มีการสั่งการลงไป จึงอยากให้มีการประชุมร่วมกัน โดยเลขาฯปปส. จะมีการนัดประชุมความร่วมมือกับ สปป.ลาว อีกครั้ง
รวมถึงทางเมียนมาที่มีการพูดคุยกันอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันเราก็พอจะทำร้ายได้ว่าช่องทางในการลำเลียงยาเสพติดอยู่ตรงพื้นที่ใด ที่ส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางภูเขา แต่ทางสปป.ลาวก็มีส่วนที่เป็นพื้นที่ราบด้วย
ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีนั้น ปัจจุบันก็เริ่มดีมากขึ้น สามารถจับกุมได้เยอะ ทั้งเรื่องยาเสพติดและของเถื่อน
เมื่อถามว่า ปัญหาการลำเลียงยาเสพติดผ่านการผ่านทางพัสดุไปรษณีย์ จะมีการขอความร่วมมือกับบริษัทเอกชนอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ได้มีการสั่งการลงไปแล้ว ให้มีการตรวจจับ แต่สิ่งสำคัญคือเรื่องของการแจ้งเบาะแสมากกว่า ถ้าจุดไหนเราสร้างก็สามารถไปดำเนินการสกัดจับได้ ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายปปส.ก็กำลังดำเนินการและพยายามประสานกับภาคเอกชนอยู่
นอกจากนี้ เศรษฐา ให้สัมภาษณ์สื่อถึงกรณีสถานการณ์ชายแดนใต้ ที่เกิดเหตุคาร์บอมในแฟลตตำรวจ ที่อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ได้หารือกับผู้บัญชาการทหารบก และมีความเป็นห่วงเรื่องนี้หรือไม่ ว่า เรื่องนี้มีการพูดคุยกันอย่างใกล้ชิดกับผู้บัญชาการทหารบก และ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย
เมื่อถามถึงกรณีเตรียมลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกับ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ว่า ในวันที่ 3 ส.ค.นี้ จะลงพื้นที่พร้อมกัน แต่ถ้าเกิดมีความจำเป็นก็สามารถลงไปได้ก่อน ซึ่งคิวที่สามารถลงพร้อมกันได้คือวันที่ 3 ส.ค.นี้