เจาะลึก ‘มินิ วปอ.’ ขุมกำลังใหม่ ‘พญาอิ๊งค์’ นำสู้ ‘ขั้วอนาคตใหม่’

10 ม.ค. 2567 - 10:59

  • เปิดเบื้องหลัง หลักสูตร ‘มินิ วปอ.’ เริ่มยุคใคร ทำไมจังหวะซิตคอม เสร็จทัน ‘แพทองธาร’ เข้าเรียน จับตาก้าวแรก ‘ชินวัตร’ ประชิด ‘กองทัพ’ ปรับความคิด

  • อ่านยุทธวิธี ‘ขยายมวลชน’ จาก ‘รุ่นใหญ่’ สู่ ‘วัยกลางคน’ ขุมกำลังใหม่ สู้แนวคิดขั้ว ‘อนาคตใหม่’ ช่วงชิง ‘สมรภูมิการเมือง’

Srettha-Songwit-Paetongtarn-National-Defence-College-SPACEBAR-Hero.jpg

ภายหลังการขึ้นเป็น นายกฯ ของ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ช่วงแรกๆ เรียกว่าฮือฮา กลางพื้นที่ทหาร ‘สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (วปอ.)’ ในงานแถลงผลการศึกษา วปอ. รุ่น 65 ทำเอาช็อตฟีลว่าเป็นหลักสูตร ‘คอนเนกชั่น’ ทำให้เป็นบุคคลพิเศษ-อภิสิทธิ์ชน ชี้เป็นกลุ่มคนไม่ถึง 1% ของประเทศ พร้อมขอให้กระจายทรัพยากรช่วยคนตัวเล็ก-สังคม  

สุดท้าย ‘เศรษฐา’ ก็หลีกหนี ‘เครือข่าย’ เหล่านี้ไม่ได้ ในฐานะนายกฯ เพราะเครือข่าย วปอ. เป็น ‘เสาค้ำอำนาจ’ ให้รัฐบาลแต่ละยุค ผ่าน ‘คอนเนกชั่น’ ที่เชื่อมไปยัง ‘ผู้ทรงอิทธิพล’ แวดวงต่างๆ โดยเฉพาะ ‘กองทัพ’ ที่เกี่ยวข้องกับ ‘การเมือง’ มาทุกยุคทุกสมัย 

สุดท้าย ‘เศรษฐา’ ก็ต้อง ‘กลืนน้ำลาย’ ไปเปิดงานหลักสูตร ‘คอนเนกชั่น’ ต่างๆ ในฐานะนายกฯ หนึ่งในนั้นคือ วปอ. และล่าสุด ‘สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ’ เป็นหน่วยแม่ของ วปอ. อีกชั้น ได้เปิดหลักสูตรใหม่ขึ้นมา คือ ‘มินิ วปอ.’ โดยมีชื่อเต็มว่า ‘หลักสูตรผู้บริหารยุคใหม่ในอนาคต’ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ใช้ตัวย่อว่า ‘วปอ.บอ.’ โดยใช้โครงสร้างเดียวกับ ‘วปอ.ใหญ่’ 

ย้อนไปประมาณ 9-10 ปีก่อน หลักสูตรนี้ถูกคิดขึ้นยุค ‘บิ๊กตี๋’พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ขณะเป็น ผบ.ทหารสูงสุด แต่สุดท้ายหลักสูตรไปไม่ถึงฝั่ง ถูกดองยาวมาถึงยุค ‘บิ๊กอ๊อบ’พล.อ.ทรงวิทย์ หนุกภักดี ผบ.ทหารสูงสุด คนปัจจุบัน ที่ได้ปัดฝุ่นหลักสูตร วปอ.บอ. อีกครั้ง 

แต่มีการปรับ ‘เชิงเทคนิค’ ขึ้นมา เพื่อให้การ ‘จัดการหลักสูตร’ คล่องตัวขึ้น โดยให้ ‘มินิ วปอ.’ มาอยู่ภายใต้ สปท. ใช้งบของ สปท. เอง ส่วนหลักสูตร ‘วปอ. ใหญ่’ มี วปอ. เป็นเจ้าของงบ และอยู่ภายใต้ รมว.กลาโหม ทำให้รายชื่อ นศ. ต้องผ่าน ครม. แต่หลักสูตร ‘มินิ วปอ.’ รายชื่อ นศ. ไม่ต้องผ่าน ครม. ทำให้หลักสูตร ‘มินิ วปอ.’ ตั้งขึ้นมาได้ 

แน่นอนว่าเกณฑ์อายุ ‘วปอ. รุ่นใหญ่’ กับ ‘มินิ วปอ.’ ต่างกัน โดยหลักสูตร วปอ.ใหญ่ จะอยู่อายุช่วง 50-55 ปี ส่วน ‘มินิ วปอ.’ อยู่ที่ช่วง 35-42 ปี เรียกได้ว่าเป็นการ ‘ขยายฐานเครือข่าย’ ที่สำคัญอายุ 35-42 ปี เรียกว่า ‘วัยกลางคน’ ที่ไม่ใหม่และไม่เก่ามากนัก ต่างจาก ‘วปอ.ใหญ่’ ที่อายุมาก ใกล้ถึงวัยเกษียณฯ 

ขุมกำลัง ‘วัยกลางคน’ จุดนี้ ถูกมองว่าเป็น ‘พลังอำนาจใหม่’ ในสังคม หนึ่งในนั้นคือการต่อสู้กับ ‘พลังสีส้ม-ขั้วอนาคตใหม่’ ที่เป็น ‘ขุมกำลังใหม่’ ของสังคม ซึ่งเชื่อได้ว่า ‘กองทัพ’ ก็หวังใช้ ‘มินิ วปอ.’ ในการต่อสู้ด้วย เพราะหลักสูตรดังกล่าว คัดเบื้องต้นในเรื่อง ‘คุณสมบัติ’ ต่างๆ ฝ่าด่านมาเกือบ 500 คน ก่อนจะสอบสัมภาษณ์อีกครั้ง เพื่อคัดเหลือ 150 คน ซึ่งจากรายชื่อส่วนใหญ่เป็น ‘ทายาทการเมือง-นักธุรกิจ-นามสกุลดัง’ แต่ที่ให้จับตาคือ ‘อินฟลูเอนเซอร์’ ที่มาเรียนด้วย ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มี ‘อิทธิพลทางความคิด’ ในสังคม 

ส่วนกรณี ‘อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร’ ที่ตัดสินใจมาสมัครเรียน และผ่านคุณสมบัติครบ รอสัมภาษณ์ 24ม.ค.นี้ แม้ วปอ. จะชี้แจงว่าหลักสูตรนี้ไม่ได้เปิดมาเพื่อ ‘แพทองธาร’ เพราะมีการวางแผนมาแล้วหลายปี แต่ก็เรียกว่าเป็น ‘ช่วงจังหวะ’ พอดี ว่ากันว่าในซีก บก.กองทัพไทย ก็หวังให้ ‘แพทองธาร’ มาเรียนด้วย เพื่อเป็นการ ‘พีอาร์’ และ ‘ปลุกกระแส’ ให้กับหลักสูตร ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเพราะมี ‘ผู้สมัคร’ มากถึง 500-600 คน ก่อนคัดคุณสมบัติเบื้องต้นเหลือเกือบ 500 คน 

อย่างไรก็ตามเรียกว่าเป็น ‘ก้าวแรก’ สำหรับ ‘แพทองธาร’ ที่ก้าวเข้ามาในพื้นที่ ‘กองทัพ’ ผ่านหลักสูตร ‘มินิ วปอ.’ โดยสำหรับ ‘แพทองธาร’ หนึ่งใน ‘ตระกูลชินวัตร’ ที่ถือเป็น ‘ขั้วตรงข้าม’ กับกองทัพ เพราะทั้ง ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ เคยถูก ‘ทหาร’ ยึดอำนาจ 2 ครั้ง ทำให้ ‘คุณพ่อ-คุณอา’ ต้องออกนอกประเทศ อาจทำให้ ‘ความทรงจำ’ ของ ‘แพทองธาร’ ต่อกองทัพไม่ดีนัก 

ดังนั้นการที่ ‘แพทองธาร’ ขยับเข้ามาในพื้นที่ทหารเช่นนี้ จึงต้องจับตาว่า ‘กองทัพ’ จะใช้โอกาสนี้ ในการทำให้ ‘แพทองธาร’ เข้าใจ ‘กองทัพ’ มากขึ้นอย่างไร ในบริบทที่การเมืองเปลี่ยนไป เกิด ‘รัฐบาลข้ามขั้ว’ ขึ้นมา จึงต้องจับตาท่าทีของ ‘แพทองธาร’ ต่อ ‘กองทัพ’ ด้วยว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งในหลักสูตรนี้ก็มี ‘กลุ่มเพื่อนอิ๊งค์’ มาเรียนด้วย หนึ่งในนั้นคือ ‘เอิง’คณาพจน์ โจมฤทธิ์ เป็นต้น 

อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกฯ กับ ‘บิ๊กอ๊อบ’พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด ที่ดูแลหน่วย สปท. ที่เป็นเจ้าของหลักสูตร ‘มินิ วปอ.’ ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพราะเป็นระดับ ผบ.เหล่าทัพ ที่ ‘เศรษฐา’ รู้จักมักคุ้น ตั้งแต่ก่อนเป็นนายกฯ โดยรู้จักกันที่ ‘สนามฟุตบอล’ ที่สนามโปโล อีกทั้งคู่เป็นแฟนบอล ‘หงส์แดง’ และเป็น ‘นักเรียนจบนอก’ เหมือนกัน โดย พล.อ.ทรงวิทย์ จบจาก ร.ร.นายร้อย Virginia Military Institute สหรัฐฯ 

ส่วน ‘เศรษฐา’ จบไฮสกูลที่สหรัฐฯ และจบปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ University of Massachusetts ทำให้มี ‘ไลฟ์สไตล์-วิธีคิด’ คล้ายกัน 

จึงเห็นได้ว่า ‘เศรษฐา’ มักจะโทรหา พล.อ.ทรงวิทย์ เพื่อหารืองานเรื่องความมั่นคงต่างๆ และเชิญ พล.อ.ทรงวิทย์ เข้ามาหารือที่ทำเนียบฯ หลายครั้ง จนทำให้ พล.อ.ทรงวิทย์ เปรียบเป็น ‘ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง’ ของ ‘เศรษฐา’ ไปอีกคน 

ดังนั้นจึงต้องจับตาหลักสูตร ‘มินิ วปอ.’ ในยุคของ พล.อ.ทรงวิทย์ ต่อจากนี้ ควบคู่แอคชั่นของ ‘แพทองธาร’ รวมทั้งผลผลิตจาก นศ. ในหลักสูตรทั้ง 150 คน จะออกมาเป็นอย่างไร?

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์