รัฐสภา (11 มกราคม 2567) ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบโครงการจัดเช่ากำไล EM ของกรมคุมประพฤติ
ศรีสุวรรณ กล่าวว่า สมัยที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยุติธรรม) เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อไปในทางเอื้อประโยชน์ล็อคสเปคให้บริษัทเอกชนคนใกล้ชิดนักการเมืองบุรีรัมย์ได้งานไปอย่างเป็นกระบวนการ สรุปได้ 7 ประเด็น คือ
1)มีการปล่อยปละละเลย ให้กรรมการที่โออาร์ และกรรมการจัดซื้อ ทุจริตกันตั้งแต่ต้นน้ำ, กรรมการบางคนรับสารภาพว่าไม่เคยเข้าร่วมประชุมใดๆ เลย และไม่เคยเซ็นเอกสารใดๆ แต่อดีต รมว.ยุติธรรม กลับปล่อยปละละเลยเพิกเฉย มิได้สั่งการ หรือดำเนินการให้มีการตรวจสอบกลับสนใจแต่จะไกล่เกลี่ย ล็อบบี้ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการอนุมัติ หรือ เซ็นสัญญาจ้าง โครงการกำไล EM โดยได้ผู้ชนะการประมูลเป็นรายเดิม
2)มีการปล่อยปละละเลย ให้มีการทุจริตโครงการเช่ากำไล EM ล็อคสเปค โดยไม่ปรับแก้สเปคแม้มีคนร้องเรียน อ้างแต่สเปคของศาลที่ใช้มา 6-7 ปี ตกยุคล้าหลังไม่ทันสมัย ทำให้ได้อุปกรณ์และระบบงานที่ไม่มีคุณภาพ
3)ไม่มีการปรับแก้ไขสเปคที่ทันสมัย มีคุณภาพดีกว่า ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีวงจรอิเล็กทรอนิกส์พัฒนาไปไกล เล็กกระทัดรัดทนทาน มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีคุณภาพสูงกว่ากำไล EM ที่ใช้งานอยู่ในเวลานี้ (อ้างแต่สเปคศาล หากินกันทุกกรม ทุกกระทรวง เงินทอนมหาศาลหรือไม่)
4)มีการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน ทุจริตโครงการเช่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามด้วยกำไล EM ระยะที่ 1-2 มูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาทโดยบริษัทเอกชน และอดีต รมว.ยุติธรรม พยายามไกล่เกลี่ย ล็อบบี้ผลสอบของระยะที่ 1 ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนของ กมธ.การติดตามงบประมาณฯ เพื่อเตรียมสร้างความชอบธรรมในการประกาศผู้ชนะการประมูลงานระยะที่ 2 ให้ได้บริษัทเดิม
5)เมื่อช่วยเหลือ และเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนได้ ก็เร่งประกาศผู้ชนะการประมูลงาน ระยะที่ 2 และเตรียมของบกลางอีก 1,200 ล้านบาท สำหรับจัดเช่ากำไล EM ในระยะที่ 3 อีก
6)มีการละเลยให้บริษัทเอกชน และเจ้าหน้าที่ร่วมกันปกปิดข้อมูลดวามผิดพลาดของระบบ Monitor และอุปกรณ์กำไล EM โดยให้มีการแก้ไข Log Files หรือบันทึกการใช้งานของผู้ใส่กำไล EM ก่อนนำส่งสรุปผลและบันทึกการใช้งานของผู้ใส่กำไล เพื่อปิดบังปัญหาระบบแจ้งเตือนผิดพลาด ซึ่งในแต่ละวันมีการแจ้งเตือนผิดพลาดหลายร้อยครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเสียเวลาตรวจสอบและเพิ่มภาระงานให้กับเจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติ
7)ยังพบว่ามีการช่วยเหลือให้บริษัทเอกชน เบิกเงินค่าเช่าที่เหลือในระยะที่ 1 จำนวน 241 ล้านบาท (รอบเดือน ม.ค.-เม.ย.66) ไปให้หมด โดยไม่สั่งการหรือระงับการจ่ายเงินไว้ก่อน โดยได้มีการแถลงต่อหน้าสื่อมวลชน และอดีตผู้นำฝ่ายค้านในสมัยนั้นยังเคยแถลงว่าส่อทุจริตจริง แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ
“ด้วยเหตุนี้ องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงนำความมาร้องคณะกรรมาธิการฯในวันนี้เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อพิรุธทั้ง 7 ข้อว่าเข้าข่ายการเอื้อประโยชน์และปล่อยให้บริษัทเอกชนมาฮั้วประมูลนำกำไล EM มาให้กรมคุมประพฤติใช้โดยไม่มีคุณภาพจริงหรือไม่ เมื่อพบข้อเท็จจริงจะได้ดำเนินการตามครรลองของกฎหมายต่อไป” ศรีสุวรรณ กล่าว
ด้านนางสาวพนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษก กมธ.กิจการศาลฯ กล่าวว่า ทาง กมธ.ได้รับเรื่องแล้วจะมีการตรวจสอบเนื้อหาเกี่ยวกับกฎหมายว่าเข้าในอำนาจและกรอบการพิจารณาของ กมธ.มากน้อยแค่ไหน เพื่อจะบรรจุเรื่อง บรรจุวาระเข้าในที่ประชุม เพื่อนำเรื่องเข้าพิจารณาในวาระต่อไป
“โดยยืนยันว่า กมธ.กิจการศาลฯไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอนเพราะเป็นเรื่องของการตรวจสอบการใช้งบประมาณที่ถูกต้อง”