ลากยาวประชามติแก้รัฐธรรมนูญ! ยังไร้ไทม์ไลน์แต่อยู่ในกรอบ 4 ปี รัฐบาลนี้

2 พ.ค. 2567 - 07:30

  • ‘นิกร’ เผย ‘ประชามติ’ ยึดร่าง ครม. ปรับยึดเสียงข้างมากชั้นเดียว

  • พร้อมเปิดรับฟังความเห็นประชาชน 3 พ.ค. รับกาบัตรต้องเลื่อนอย่างน้อย 5 เดือน

  • ‘ไอติม’ ฟาดรัฐบาลสื่อสารให้ชัดเจน จี้เร่งเปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ แก้กฎหมาย ไม่ต้องรอร่าง ครม.

  • ‘ชูศักดิ์’ เล็งแก้ผ่าน 2 สภาฯ เพราะช่วงปฏิรูปประเทศหมดแล้ว

still-no-clear-answer-regarding-the-referendum-to-amend-the-constitution-SPACEBAR-Hero.jpg

ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุม คณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 ณ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) 

โดยมี นิกร จำนง กรรมการฯ และโฆษกฯ, ชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย, พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม

still-no-clear-answer-regarding-the-referendum-to-amend-the-constitution-SPACEBAR-Photo02.jpg

นิกร จำนง เปิดเผยว่า ที่ต้องเชิญ ชูศักดิ์ และ พริษฐ์ มาร่วมประชุม เพราะทั้งคู่เป็นผู้ริเริ่มการแก้ไขกฎหมายประชามติ ในส่วนของสภาฯ จึงต้องการรับฟังความคิดเห็น โดยผลการหารือคณะกรรมการพิจารณาแนวทางประชามติ ได้ยกร่างแก้ไขกฎหมายประชามติ โดยนำจุดแข็งของแต่ละร่างมารวมกัน เพื่อให้ได้กฎหมายประชามติที่ดี ไม่ใช่แค่เรื่องรัฐธรรมนูญ แต่ทำประชามติได้ทุกเรื่อง

โดยจะเสนอในนามของคณะรัฐมนตรี มีสาระสำคัญ อาทิ การออกเสียงประชามติสามารถนำไปรวมกับการเลือกตั้งอื่นได้ เพื่อประหยัดงบประมาณ และเวลาของประชาชนที่ต้องมาออกเสียง สามารถออกบัตรเลือกตั้งอื่นได้ เช่น การลงคะแนนผ่านไปรษณีย์ และการลงคะแนนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านแอปพลิเคชัน

และประเด็นสำคัญ ให้ถือเสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ โดยคะแนนเสียงข้างมากต้องมีเกินกึ่งหนึ่งของผู้ที่มาออกเสียง ไม่ใช่เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แทนของเดิมที่ต้องใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น

โดยวันที่ 3 พ.ค. คาดว่าร่างดังกล่าว จะสามารถเปิดรับฟังความเห็นของประชาชนได้ผ่านเว็บไซต์ สปน. ไม่น้อยกว่า 15 วัน แล้วจะเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบได้ต่อไป

ความตั้งใจจะเสนอร่างดังกล่าวได้ทันการเปิดสภาฯ สมัยวิสามัญ หลังการพิจารณาร่างงบประมาณปี 68 เมื่อสภาฯ เปิดสมัยสามัญ เดือน ก.ค. ก็จะได้พิจารณาวาระต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมี สว.ชุดใหม่ เข้ามาแล้ว

นิกร จำนง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สรุปแล้วจะได้ลงประชามติเดือนไหน หลังจากที่เคยระบุปลายเดือน ก.ค., ต้นเดือน ส.ค. ประชาชนจะได้ออกเสียงนั้น นิกร ชี้แจงว่า เราเห็นปัญหาที่หากทำประชามติโดยยังไม่แก้กฎหมายประชามติ โดยใช้งบประมาณไป 3,500 ล้านบาท คนมาใช้สิทธิไม่ครบเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิทั่วประเทศ หรือ 26 ล้านคน จะทำให้งบประมาณเสียไปเปล่าๆ หลังจากนี้ จะได้เข้าคูหาเมื่อใดนั้น ต้องรอให้กฎหมายประชามติฉบับใหม่เสร็จสิ้นก่อน แล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปคุยรายละเอียดอีกทีทั้งเรื่องงบประมาณ การกำหนดวัน

ถ้าถามเวลาตอนนี้ ผมยังตอบไม่ได้ แต่คาดว่าจะทำได้ภายใน 5 เดือน หลังกฎหมายประชามติมีผลบังคับใช้ และผมอยากให้การทำประชามติครั้งที่ 2 ไปตรงกับการเลือกตั้งนายก อบจ. ช่วงต้นเดือน ก.พ. 68 และขอยืนยันการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทำเสร็จในกรอบเวลา 4 ปี ของรัฐบาลนี้

นิกร จำนง

still-no-clear-answer-regarding-the-referendum-to-amend-the-constitution-SPACEBAR-Photo01.jpg

ฟาดรัฐบาลสื่อสารให้ชัดเจน จี้เร่งเปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ แก้กฎหมายประชานติ ไม่ต้องรอร่าง ครม.

ด้าน พริษฐ์ วัชรสินธุ ชี้ให้เห็นว่า อาจมีตัวแทนรัฐบาลที่สื่อสารผิดพลาดเกี่ยวกับการกำหนดวันทำประชามติครั้งแรก ที่ระบุว่าจะมีขึ้นปลายเดือน ก.ค. ถึงเดือน ส.ค. ซึ่งเป็นการตีความว่า เริ่มนับหนึ่ง ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติให้เดินหน้าการทำประชามติ ตามที่คณะกรรมการศึกษาแนวทางฯ เสนอเมื่อวันที่ 23 เม.ย. แต่เราค้นพบวันนี้ว่า มติคณะรัฐมนตรียังไม่ให้นับหนึ่ง แต่จะนับหนึ่งก็ต่อเมื่อมีการแก้ไขกฎหมายประชามติเสร็จแล้ว

จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาล สื่อสารเกี่ยวกับการกำหนดวันทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ชัดเจน ขณะที่ตนเองและ ชูศักดิ์ มีความเห็นร่วมกันให้คณะรัฐมนตรีเสนอเปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ โดยเร็วที่สุด เพราะตอนนี้ มีร่างแก้ไขกฎหมายประชามติของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย เสนอเข้าสู่สภาฯ แล้ว

หากร่างคณะรัฐมนตรีประกบทัน ก็ถือว่าดีไป หากไม่ทัน ก็มีสองร่างดังกล่าวให้พิจารณาได้ แล้วให้รัฐบาลเสนอเนื้อหาเพิ่มเติมในชั้นกรรมาธิการในภายหลัง

พริษฐ์ วัชรสินธุ

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลมีข้อกังวลเกี่ยวกับคำถามในการทำประชามติ อยากให้การตั้งคำถามเป็นการถามที่เปิดกว้างว่า ประชาชนเห็นชอบหรือไม่ให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะมองว่า หากถามแบบกว้าง โอกาสผ่านจะมีมากกว่า

และหากประชามติผ่านไปแล้ว รัฐบาลยังสามารถรักษาจุดยืนของตัวเองที่จะไม่แตะหมวดหนึ่ง, หมวดสอง ได้ในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เกี่ยวกับการกำหนดกรอบการทำงานของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ถือว่าข้อเสนอนี้ เป็นการเสนอด้วยความปราถนาดี ที่อยากเห็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประสบความสำเร็จ

เล็งแก้ผ่าน 2 สภาฯ เพราะช่วงปฏิรูปประเทศหมดแล้ว

ส่วน ชูศักดิ์ ศิรินิล กล่าวว่า การแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 จะเข้าพิจารณาใน 2 สภาฯ ตนเองและ พริษฐ์ รวมถึงคนส่วนใหญ่ เห็นว่าการปฏิรูปประเทศหมดลงไปตามวาระของ สว. จึงใช้ขั้นตอนปกติ โดยผ่านสภาผู้แทนราษฎร ก่อนส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณา ซึ่งจะเร่งรัดให้กฎหมายนี้เข้าสู่สภาฯ ในการเปิดสมัยประชุมสภาสมัยวิสามัญที่จะถึงนี้ เพื่อให้การแก้ไขกฎหมายเร็วขึ้น ซึ่งร่างดังกล่าว ได้มีการบรรจุไว้ในระเบียบวาระเรียบร้อยแล้ว เพียงวาระของ ครม. ก็น่าจะเสร็จทัน

ดังนั้น การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เป็นวาระรับหลักการในชั้นวิสามัญ และตั้งกรรมาธิการ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่มาก หรืออย่างน้อยประมาณ 3 เดือน หลังจากนั้น จะนำกฎหมายส่งต่อไปพิจารณาในวุฒิสภา แต่ปัญหาใหญ่คือ ผู้พิจารณาจะต้องเป็นวุฒิสภาชุดใหม่ และหวังว่าวุฒิสภาชุดใหม่จะราบรื่น ไม่ติดขัดอะไร

ไทม์ไลน์คาดการณ์ว่า อย่างน้อยที่สุด การทำกฎหมายประชามติ ไม่น่าจะเกิน 6 เดือน ซึ่งเป็นไปได้ว่า การเริ่มทำประชามติครั้งแรกจะนับระยะเวลา 6 เดือนหลังจากนี้ ส่วนจะทำประชามติในครั้งแรก เป็นช่วงของการเลือก อบจ.หรือไม่ เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องนำไปพิจารณา

ชูศักดิ์ ศิรินิล

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์