เส้นทางเสือติดปีกของ ‘บิ๊กโจ๊ก’ แมวเก้าชีวิต

26 ก.ย. 2566 - 09:17

  • ย้อนเส้นทาง ‘พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล’ กับสมญา ‘แมวเก้าชีวิต’ สู่วงโคจรแสนสวิง ‘ขึ้นสุด - ลงสุด’ กับคำถามสังคม ‘การเมืองในแวดวงกากี’

surachet-life-story-commissioner-of-royal-thai-police-SPACEBAR-Hero.jpg

หากเอ่ยชื่อนายตำรวจใหญ่อย่าง พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล’ คงไม่ต้องสาธยายความโด่งดัง เพราะคดีใหญ่หลายชิ้นที่บรรจุอยู่ในแฟ้มอาชญากรรม ถูกคลี่คลายโดยสุภาพบุรุษผู้นี้ 

ถึงแม้จะมีผลงานเพรียบพร้อม แต่เมื่อเข้าสู่ตำแหน่งที่ข้องเกี่ยวกับผลประโยชน์ ก็มิอาจปฏิเสธเกมอำนาจ ที่หลายครั้งเป็นเหตุจำใจ ต้องผจญเรื่องราวฉาวโฉ่ ในวงการตราโล่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สักที

ความเรียงชิ้นนี้ จะพูดถึงเรื่องราวของ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ในฐานะ ‘แมวเก้าชีวิต’ ที่เรียบเรียงและยกอ้างเหตุการณ์จากข้อเท็จจริง ส่วนมุมความเห็นที่จะประกอบเพื่ออรรถรส เป็นเพียงการตั้งข้อสังเกตจากตัวผู้เขียน ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการเสพ เพราะไม่อยากสร้างประโยชน์และส่วนได้ส่วนเสียให้ใคร !

เส้นทางเติบใหญ่ของ ‘สุรเชษฐ์’

เส้นทางการปีนป่ายสู่การเติบใหญ่ของ ‘สุรเชษฐ์’ ในแวดวงสีกากีเริ่มต้นหลักจากการสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 31 และศึกษาต่อที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 47 ‘โจ๊ก’ เริ่มมีบทบาทสำคัญในสายบังคับบัญชา จากการรับตำแหน่งเป็น Command (นักเรียนบังคับบัญชา) ในชั้นปีที่ 4 คอยดูแลรุ่นน้องอีก 3 ชั้นปีอย่างเข้มแข็ง ก่อนจะจบจากรั้ว นรต. 

ชีวิตราชการตำรวจเริ่มขึ้นในฐานะ ‘ร้อย(ตำรวจ)ตรีป้ายแดง’ ในเมืองหลวง ก่อนไปเป็นสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง จ.เชียงใหม่ และ จ.ชลบุรี ตามลำดับ ช่วงหนึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็น ‘นายตำรวจราชสำนักประจำ’ และเป็น 'ผู้ช่วยนายเวรตำรวจราชสำนัก'

ก่อนจะเข้าสู่ส่วนกลางในฐานะ ‘ผู้กำกับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ’ และมีบทบาทสำคัญในฐานะนายตำรวจชั้นสั่งการ หลายบทบาท ก่อนสิ้นสุดที่ตำแหน่ง ‘ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการณ์ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาส่วนหน้า’ และกลายเป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้น เมื่อฐานันดรอยู่ในระดับ ‘ผู้บังคับการ’ 

โดยเฉพาะเมื่อคราวดำรงตำแหน่ง ‘ผู้บังคับการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ ทำหน้าที่ประสานงานกับ ‘พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ’ ในฐานะรองนายกฯ รัฐบาลคสช. ที่สวมหมวกอีกใบในการดูแล 'สำนักงานตำรวจแห่งชาติ' จึงไม่แปลกที่จะคุ้นชินกับภาพ ‘บิ๊กโจ๊ก’ อันประหนึ่ง ‘เงาตามตัว’ ของพลเอกประวิตร ในช่วงนั้นจนเกิดสมญาว่า ‘น้องเลิฟบิ๊กป้อม’ 

จนเป็นที่จับตาอีกครั้งในฐานะ ‘ผู้บัญชาการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191’ และ ‘ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง’ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับคดีใหญ่หลายคดี อาทิ กรณีสาวชาวอังกฤษถูกขืนใจบนเกาะเต่า กรณีเรือฟินิกซ์ล่มที่จังหวัดภูเก็ต ปฏิบัติการทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ และปฏิบัติปราบเงินกู้นอกระบบ

ช่วงนี้ถือว่าเป็นยุคทองของสุรเชษฐ์ เพราะสามารถครองพื้นที่สื่อได้อย่างอยู่หมัด มีผลงานงอกงามเอากระบุงโกยแทบไม่ไหว

พยัคฆ์ติดปีกนาม ‘บิ๊กโจ๊ก' สู่วันร่วงโรยตกสวรรค์

การเติบโตด้านหน้าที่การงานของสุรเชษฐ ไม่ต่างอะไรกับ ‘เสือติดปีก’ เพราะใช้เวลาเพียง 5 ปี ก็สามารถทะยานจากยศ ‘พันตำรวจเอก’ สู่ ‘พันตำรวจโท’ ได้รวดเร็วเยี่ยงลัดนิ้วมือ และเมื่อถูกจับตาจากสื่อมวลชน จนมีนามเรียกขานทางภาษาข่าว ว่า ‘บิ๊กโจ๊ก’ ก็เริ่มเป็นที่รู้จักของประชาชนมากขึ้น

กระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อปี 2562 มีคำสั่งฟ้าผ่า ‘เด้ง’ จาก ‘ตม.’ เข้ากรุ ‘ตร.’ เป็นครั้งแลก และปีถัดไปชีวิตต้องพลิกผันขีดสุด เพราะถูกโยกย้ายให้พ้นจากวงการสีกากี สู่ข้าราชการพลเรือนในหัวโขน ‘ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกฯ’ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย 

ขณะนั้น ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานก.ตร ได้ชี้แจงในงานแถลงข่าว ว่าการแต่งตั้งที่ปรึกษาพิเศษ ทุกอย่างถูก ‘ดำเนินการตามปกติ’ พร้อมกับขอร้องว่าอย่าให้ทุกอย่างเป็นประเด็นเลย 

หลายคนพยายามเชื่อมโยงสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าเป็นเรื่อง ‘การเมืองภายใน’ ของวงการสีกากีระหว่าง ‘บิ๊กโจ๊ก’ และ ‘บิ๊กแป๊ะ’ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ขณะนั้น) และยังอาจเป็นเกมกระดานที่เกิดขึ้นระหว่าง ‘2 ลุง’ (ในยุคแรกเริ่ม) ซึ่งเรื่องนี้แล้วแต่มุมมองผู้อ่านพิจารณาเอาเอง ว่า ‘บิ๊กโจ๊ก’ ที่กำลังเฉิดฉายเป็น ‘ดาวฤกษ์’ ของวงการตำรวจ เหตุไฉนจึงโคจรถูกอุกกาบาตชนกลายเป็น ‘ดาวดับ’ แบบไม่ทันตั้งตัว

‘นายพลหนุ่ม’ ฟื้นคืนชีพ

‘แมวเก้าชีวิต’ คงเป็นิยามทีตรงกับเรื่องราว ระหว่างขั้นบันใดชีวิตของ ‘สูรเชษฐ์’ เพราะเมื่อปี 2564 เขาได้คืนสู่อ้อมกอดสีกากีในฐานะ ‘บิ๊กโจ๊ก’ อีกครั้ง เมื่อมีได้รับโอนกลับคืนสู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในตำแหน่ง ‘ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ’ สมัย ‘บิ๊กปั๊ด’ พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข’ และเมื่อ ผบ.ตร. ตกอยู่ในมือของ ‘บิ๊กเด่น’ พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ สุรเชษฐ์ก็ผงาดขึ้นเป็น ‘รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ’ ที่เหลืออายุราชการกว่า 9 ปีเต็ม

เมื่ออัพเลเวลเข้าใกล้ตำแหน่งผบ.ตร. ‘รองฯ โจ๊ก’ ก็เริ่มสร้างผลงานตามแบบฉบับบู๊ล้างพลาญที่ถนัด โดยพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ได้มีส่วนสำคัญกับคดีใหญ่หลายเรื่อง อาทิ คดีการทลายแก็งค์ทุนจีนสีเทา รวมถึงการปราบปรามวงจรพนันทุกรูปแบบ และเข้าร่วมคลี่คลายคดีเหตุการณ์กราดยิงศูนย์เด็กเล็กจังหวัดหนองบัวลำภู จนถูกมองได้ 2 ประเด็น คือการกู้ศักดิ์ศรีคืน และการเร่งทำผลงาน

ช่วงการดำรงตำแหน่ง ‘รองผบ.ตร.’ (จนถึงปัจจุบัน) ผู้สื่อข่าวหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า สุรเชษฐ์เปี่ยมล้นด้วยบารมี จนถึงขนาดมีเครือข่ายตำรวจหัวกะทิคอยทำงานอย่างจงรักภักดี 

เขามักใช้ ‘สโมสรตำรวจ’ เป็นป้อมค่ายในการสืบสวนสอบสวนคดีใหญ่ ๆ เรียกได้ว่ามีขุมกำลังชั้นเยี่ยมไม่แพ้ ‘บิ๊กต่อ’ พลเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นเต็งหนึ่งครอง 'เก้าอี้ ผบ.ตร.' มาตั้งแต่ปีมะโว้ ช่วงสื่อเริ่มกางโผใหม่ ๆ 

แต่เมื่อผลงานในมือมีมาก ผนวกกับการโผล่บนหน้าสื่อบ่อยจนแทบจะกลืนใครหลายคนให้หายไป สุรเชษฐ์จึงเป็นนายตำรวจอีกคน ที่ถูกจับตาว่าเป็นหนึ่งในแคนดิเดต ‘ตร.1’ ควบคู่กับ 'บิ๊กต่อ'

ยิ่งช่วงระหว่างการเขย่าลูกบอล ‘เบอร์ 1 ตร.’ เกิดเหตุสร้างความอัปยศกับวงการกากี อย่างการก่อเหตุของ ‘กำนันนก’ และพวกมาเฟียเมืองนครปฐม ที่รวมหัวสังหาร ‘สารวัตรแบงค์’ ตำรวจทางหลวงน้ำดี ถึงขั้นวายชีวา และมีการสืบทราบว่า มีตำรวจระดับบังคับบัญชาอยูเบื้องหลัง

เรื่องนี้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ได้ซีนเต็ม ๆ แบบไม่แบ่งเพื่อน ในฐานะหัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวน คณะทำงานชุดคลี่คลายคดี แต่มิทันได้เป็นชิ้นเป็นอันก็มีคำสั่งจาก ผบ.ตร. ให้โอนคดีสู่อ้อมแขนของ ‘กองปราบ’ ท่ามกลางข้อสงสัยของสังคมต่าง ๆ นา ๆ

กระทั่งวานนี้ (25 กันยายน 2566) เกิดเหตุการณ์ตำรวจไซเบอร์ชุดปฏิบัติการพิเศษอาวุธครบมือ บุกขอเข้าตรวจค้นบ้านพักของ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ภายใต้ข้อสงสัยว่า สุรเชษฐ์และลูกน้อง มีความเชื่อมโยงทางการเงินกับเว็บไซต์การพนันออนไลน์ 

แม้เจ้าตัวจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แต่มิวายขู่กลับถึง ‘ผู้ออกคำสั่ง’ อีกทั้งยังกล่าวหา ว่าเป็นการขอหมายศาลโดยทางมิชอบ จนเกิดความครุกกรุ่นอีกครั้งในวงการตราโล่ 

บางคนถึงขึ้นเชื่อมโยงการทำคดีกำนันนกของสุรเชษฐ์ 'ไปเหยียบเท้าใคร' หรือไม่ หรือจริง ๆ แล้วอาจเป็นเกมสกัดขาของ 'บิ๊กตำรวจ' ช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนรายชื่อ ผบ.ตร. ยุครัฐบาลเศรษฐา 1 จะคลอดออกมาอย่างเป็นทางการ

ไม่มีใครรู้ว่าศึกหนักครั้งนี้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ จะแก้ไขอย่างไร เพราะไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ มีลูกน้อยหลายคนถูกจับเข้าห้องขังไปแล้ว และมีแววว่า รองผบ.ตร. (สุรเชษฐ์) จะต้องถูกสอบสวน โดยคณะกรรมการที่ตั้งจากความประสงค์ของ 'เศรษฐา ทวีสิน' นายกรัฐมนตรีป้ายแดงอีกด้วย

แต่เชื่อเถิดฉายา ‘แมวเก้าชีวิต’ จากเหตุการณ์ที่สั่งสมมา เป็นเครื่องการันตีได้ว่า ‘รองฯ โจ๊ก’ คงไม่ตายง่าย ๆ แต่หากชื่อต้องดับสิ้นจริง ๆ คง 'ฝากเขี้ยวเล็บ' อะไรบางอย่างกับวงการตำรวจ แบบไม่ไร้ชื่อแน่นอน 

การเมืองตราโล่ก็แบบนี้ ของใครดีใครได้ แต่โคตรน่ากลัวเลย ขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันน่ากลัวจริง ๆ ...

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์