สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังมาตรวจเยี่ยมกองทัพเรือว่า มาตรวจเยี่ยมตามธรรมเนียมปฏิบัติ ได้รับการตอบรับ ที่อบอุ่น เหมาะสม และได้มาทราบภารกิจของกองทัพเรืออยู่หลายอย่าง นอกจากนี้ยังทราบว่ากองทัพเรือได้นำนโยบายของรัฐบาลมาปฏิบัติคืบหน้าไปไกลแล้ว ก็ได้ชื่นชมและขอบคุณกองทัพเรือ หลายเรื่องกองทัพก็ทำอยู่
สุทิน ยังระบุว่า ปัญหาเรื่องเรือดำน้ำขาดเครื่องยนต์นั้น อย่างที่ทราบว่าปัญหาที่เกิดทางเราเองพยายามแก้ปัญหาร่วมกันมาตลอด ทางกระทรวงกลาโหม กองทัพเรือ และรัฐบาล พยายามแก้ไขปัญหามา สิ่งที่เราอยากได้เครื่องยนต์ตามข้อตกลงเดิม ซึ่งกองทัพเรือในยุค ผบ.ทร. คนก่อน ทำสุดกำลัง ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
เมื่อได้มาคุยกัน กองทัพเรือพยายามจะหาทางออกและได้ข้อสรุป ว่า จะเดินหน้าและรับเครื่องยนต์ของจีนและได้ทำบันทึกเสนอมาที่กระทรวงกลาโหม ระหว่างนั้นทางเราได้พยายามศึกษาหาความรู้และหารือกันว่า ทบทวนแนวทางใหม่ เพราะเรายึดหลักว่าการหาทางใด
1.กองทัพเรือต้องไม่สูญเสียโอกาส คือความเข้มแข็งที่กองทัพเรืออยากได้โดยการมีเรือดำน้ำ ไม่ได้ให้กองทัพเรืออ่อนแอลงก็ควรได้
2.ทางสังคมต้องพึงพอใจ กับกองทัพและรัฐบาล เม็ดเงินก็ต้องคุ้มค่า
3.ผู้บริหารทั้งฝ่ายการเมืองและระดับกองทัพ ต้องอธิบายได้ และไม่เป็นที่ครหานินทาจากสังคม เรามาทบทวนกันมาก็ได้ 2 แนวทาง
ช่วงก่อนหน้านั้น ผบ.ทร.คนก่อน และคณะผู้บริหารระดับสูง มุ่งมั่นที่จะเดินหน้าตามหลังตามแนวทางเดิม และพยายามที่จะอธิบายกับรัฐบาลเต็มที่ พูดง่ายๆ คือท่านไม่ยอมง่ายๆ แต่ในเมื่อเรามาพูดถึงเหตุผลทุกอย่างแล้ว กองทัพเรือก็ต้องยอมรับ และเสนอมา 2 แนวทาง ได้แก่
โดยกองทัพเรือขอให้รัฐบาลพยายามให้ได้เครื่องยนต์นั้น ท่านนายกฯรับปาก แต่ไปเจรจาก็ไม่เป็นผล ก็มาสู่แนวทางว่า ถ้าไม่สามารถที่จะให้เครื่องยนต์ตามข้อตกลงตามสเปคนั้นแล้ว
กองทัพเรือขอ 2 แนวทาง
1)ขอเปลี่ยนรายการไม่เอาเรือดำน้ำก็ได้ แต่ขอเป็นเรือฟริเกต 3 มิติ สามารถต่อสู้ทางอากาศ ผิวน้ำ ใต้น้ำ ส่วนราคาก็จะประมาณเรือดำน้ำ
2)ถ้าไม่ได้เรือฟริเกต ขอเป็นเรือ OPV หรือเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง
แม้กองทัพมุ่งมั่นอยากได้ แต่กองทัพก็ยินดีสนองนโยบายรัฐบาล ซึ่งส่วนตัวและรัฐบาลพิจารณาแล้วว่า ขอเลือกแนวทางที่ 1 คือ เรือฟริเกต ซึ่งราคาสูงกว่าเรือดำน้ำประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยนำเงินการสร้างอู่เรือดำน้ำ ระยะที่ 3 ที่ยังไม่ทำสัญญามาโปะ ซึ่งไม่กระทบงบประมาณ
สำหรับสมรรถนะของกองทัพรัฐบาลเห็นว่า เมื่อได้เรือฟริเกตมาเราก็สามารถปราบเรือดำน้ำได้ สมรรถนะของกองทัพเรือไม่เสียหายมาก แต่ยอมรับว่าหย่อนลงไปกว่าการมีเรือดำน้ำนิดหนึ่ง ซึ่งกองทัพเรือรับได้
สุทิน ยังกล่าวต่อว่าในระหว่างการเดินทางไปประเทศจีนร่วมกับนายกรัฐมนตรี ก็นำไปคุยกับรัฐบาลจีน แต่ยังไม่จบ 100% เพราะมีรายละเอียดต้องพูดคุย แต่ได้ข้อสรุปว่าทางการจีนก็เข้าใจ ว่าเรื่องนี้เป็นความลำบากใจของไทย แต่จีนขอความเห็นใจเช่นกันว่าปัญหาเขาถูกเบี้ยว เรื่องเครื่องยนต์เช่นกัน ดังนั้นต่างคนต่างเห็นใจกัน และยินดีที่จะหาทางออกให้ ซึ่งทางจีนรับแนวทางที่เราเสนอไปพิจารณา
ส่วนอีกแนวทางเป็นกำลังคิดกันอยู่ แต่ต้องไปคุยในรายละเอียดอีกครั้ง โดยในหลักการยอมรับ ดังนั้นการเปลี่ยนจากเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกต มีรายละเอียดที่ต้องพูดคุย เช่น เงินจ่ายไปทำอย่างไร หรือเทคโนโลยีอื่นๆ มีเงื่อนไขอะไรบ้าง จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมา รวมทั้งข้อกฎหมายที่ต้องคุยกันต่อไป
เมื่อถามย้ำว่าสรุปเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกตทจีนใช่หรือไม่ สุทิน กล่าวว่า “เราเสนอไปอย่างนี้ว่าขอเป็นเรือฟริเกตจีน แต่โครงการเรือดำน้ำยังไม่ยกเลิก ไม่พับไม่ระงับ โดยให้ชะลอระยะหนึ่ง เพื่อแก้ปัญหานี้ให้เสร็จ เมื่อได้เรือฟริเกตแล้วบวกกับเรือฟริเกตเดิมที่มีโครงการจัดหา ก็มาบวกเข้าไป ส่วนเรือดำน้ำก็เดินหน้าต่อไป วันใดที่มีความพร้อมประเทศมีความพร้อมก็ทำเรื่องนี้ต่อ”
เมื่อถามย้ำว่าเรายกเลิกสัญญากับจีนหรือไม่ หรือเรือดำน้ำครึ่งลำที่ต่อไปแล้วให้รอไปก่อน สุทิน ย้ำว่าไม่ใช่การยกเลิกสัญญา แต่เป็นการปรับปรุงหรือเปลี่ยนเงื่อนไขใหม่จากสัญญาจีทูจี ของรัฐบาลไทยและจีน ถ้าบรรลุก็คือให้ระงับเรือดำน้ำ แล้วมาเขียนข้อตกลงขึ้นใหม่ว่าจะเอาเรือฟริเกต ส่วนเรือดำน้ำจีนก็คงเอาไปทางอื่น ก็เป็นความรับผิดชอบที่จีน จะไปทำอะไรก็แล้วแต่
ส่วนเงินที่ไทยจ่ายไปแล้ว ไทยเสนอว่าขอให้เป็นเคลมเป็นค่าเรือฟรีเกต ราว 7,000 ล้านบาท เมื่อหักลบกับที่ยังไม่ได้จ่าย อีก 6,000 ล้านบาท อาจจะต้องเพิ่มอีก 1,000 ล้านบาท ส่วนราคารวมของเรือฟริเกตลำใหม่นี้ ทางจีนยังไม่ได้พูดเรื่องราคา แต่จากการศึกษา อยู่ที่ประมาณ 17,000 ล้านบาท ก็ใกล้เคียงกัน จากนี้ต้องไปพูดในรายละเอียด
เมื่อถามว่ามีโอกาสหรือไม่ที่จะเปลี่ยน เรือดำน้ำไปเป็นเจ้าอื่นที่ไม่ใช่จีน ในเมื่อชะลอและระงับไปแล้ว สุทิน กล่าวว่า ก็จะยุ่งยาก เพราะเป็นข้อตกลง และจ่ายเงินไปแล้ว ถ้าไปเอาเจ้าอื่น ก็คงเป็นรอบใหม่ ซึ่งยังไม่ระงับ แต่รอบนี้ขอเป็นเรือฟริเกตไปก่อน ซึ่งจะมีการพูดคุยกับจีนอีกครั้งในเร็วๆนี้ ประมาณเดือน พ.ย.นี้ ก่อนจะครบสัญญา ประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยจะส่งคณะทำงานไปเจรจา
สุทิน ยอมรับว่า ประธานาธิบดีจีนและนายกฯ จีน โอเคในหลักการนี้ ว่าจะหาทางออกร่วมกัน
เมื่อถามว่าโอกาสที่กองทัพเรือจะมีเรือดำน้ำแทบจะไม่มีใช่หรือไม่ สุทิน กล่าวว่า มี แต่เป็นระยะต่อไป เพราะเรายังไม่ได้ระงับ แต่สำหรับลำนี้น่าจะเป็นไปได้ยาก
ส่วนเรือดำน้ำลำใหม่จะเป็นของจีนเหมือนเดิมหรือเป็นของประเทศอื่นนั้น สุทิน กล่าวว่า ยังไม่มีความชัดเจน และการจัดหาใหม่อาจจะทันในสมัยผม ถ้าจัดหาภายใน 4 ปี
"ชะลอโครงการไปก่อน แต่ไม่ใช่ระงับ และให้กองทัพเรือศึกษาเรื่องนี้ต่อไป ว่าจะเอาของประเทศใด” สุทิน กล่าว
เมื่อถามว่ามีอะไรรับประกันว่า ทร.จะได้เรือดำน้ำ สุทิน กล่าวว่า หลักประกันก็คือนโยบายของรัฐบาล ส่วนที่เคยพยายามมาหลายรอบแล้ว แต่ไม่สำเร็จนั้น ไม่ได้เกิดจากที่รัฐบาลไม่อนุมัติให้ แต่เกิดจากข้อผิดพลาดของฝ่ายอื่น ที่ทำให้เราเดินไม่ถึงจุดหมาย
ส่วนทางจีนก็แสดงความเห็นใจคือรับผิดชอบ หาทางออกให้ ได้รับสิ่งทดแทน ซึ่งการจัดซื้อโครงการนี้เป็นจีทูจี หากทำตามสัญญาไม่ได้ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อถามย้ำว่า เรือดำน้ำดำไม่โผล่ใช่หรือไม่ สุทิน กล่าวว่า “เป็นเหตุสุดวิสัย”
เมื่อถามว่า กองทัพเรือเป็นผู้ปฏิบัติ รับได้ในเครื่องรถยนต์จีนทำไมระดับรัฐบาลถึงรับไม่ได้ สุทิน ย้อนถามกลับว่า แล้วสังคมรับได้หรือไม่ เราต้องดูสังคมด้วย
เมื่อถามว่าต่อไปกองทัพเรือจะซื้ออะไรต้องดูกระแสสังคมก่อนใช่หรือไม่ สุทิน กล่าวว่า ก็เป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งทุกกระทรวง ทบวง กรม ต้องไปพิจารณาหากใช้เม็ดเงินไม่คุ้มเสียประโยชน์
เมื่อถามย้ำว่า หากฟังกระแสสังคมมากเกินไปจะกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ สุทิน กล่าวว่า เราไม่ได้เอาเรื่องสังคมไปเป็นประเด็นหลัก แต่เรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์ ทางกองทัพเรือเองก็กังวล เพราะเครื่องยนต์จีนเราไม่เคยใช้ ที่อื่นก็ไม่เคยใช้ และยอมรับว่าเป็นเรื่องข้อกฎหมายด้วยที่ปฏิบัติยาก
"ถ้ารับเครื่องยนต์จีนมา ใครจะรับประกันหากเรื่องถึงศาล จะมีเรื่องตามมาอีกเยอะ กองทัพหรือรัฐบาลอาจจะโดน ไม่ใช่ว่าเราเห็นแก่ตัว กลัวโดนหรอก แต่จะยุ่งยากทางกฎหมายไทยไม่น้อย จะนำมาซึ่งความแตกแยก หรือเกิดการเมืองอะไรไปอีก กระทบอีกเยอะ" สุทิน กล่าว
เมื่อถามว่าเป็นเพราะรัฐบาลเพื่อไทยเคยประกาศว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะล้มโครงการนี้ สุทิน กล่าวว่า ไม่ เพราะหากจีนสามารถหาเครื่องยนต์เยอรมันมาใส่ให้ได้เรา ก็ยังรอ แต่ถ้าไม่ได้ ก็เอาเรือฟริเกต
สื่อถามว่า บิ๊กทินจมเรือดำน้ำใช่หรือไม่ สุทิน หัวเราะพร้อมกับระบุว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่เป็นความเห็นทุกระดับ ซึ่งเราก็เห็นใจกองทัพเรือ และไม่คิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอาถรรพ์ แต่เป็นเรื่องดำเนินการยาก ไม่ง่ายเหมือนตอนซื้ออย่างอื่น