ฝ่ายค้านมอง ‘ทักษิณ’ เข้าพรรคเพื่อไทย เป็นสิทธิ์

ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย เพื่อพบ สส. ในวันนี้ ว่า ก็เป็นสิทธิ์ของทักษิณที่จะเข้าไปพบใคร และเป็นสิทธิ์ของสังคมเช่นกันที่จะวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ได้บอกว่ามีอะไร ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่ได้มองว่า เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม มองแค่ว่าเป็นสิทธิ์ เนื่องจากจะทำการแบบไหน ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่เมื่อทำแล้วสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร ทักษิณก็คงทราบดีว่าต้องรับคำวิจารณ์นั้น

ส่วนการอภิปรายจะมีประเด็นทักษิณหรือไม่ ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันในประเด็นนี้เป็นพิเศษ

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่าไม่ใช่ประเด็นหลักใช่หรือไม่ ปกรณ์วุฒิ ระบุว่า อาจจะยังไม่ใช่

ปกรณ์วุฒิ ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ยังกล่าวถึงการประชุมวิปฯ ในวันนี้ ว่า เป็นการเตรียมประชุมกฎหมายสำคัญที่เข้าสู่สภา โดยพรุ่งนี้ (27 มี.ค.67) ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สมรสเท่าเทียมจะเข้าสู่สภาพิจารณารายมาตรา วาระ 2 และ 3 คาดว่า จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ส่วนอีกฉบับหนึ่งเป็นร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาดว่า จะผ่านสภาได้ทั้ง 4 ร่าง อยากให้ประชาชนจับตามอง เนื่องจากร่างของคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรรคก้าวไกลยังมองว่า มีปัญหาอยู่บ้าง เนื้อหาในบางประเด็นเข้มงวดเกินพอดี

นอกจากนี้ วิปฝ่ายค้านยังประชุมถึงกรอบระยะเวลาการอภิปรายทั่วไปรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ซึ่งกำลังพิจารณาว่าจะให้งดประชุมสัปดาห์หน้า เพื่อให้ทุกพรรคฝ่ายค้านเตรียมตัวอภิปรายอย่างเต็มที่

ส่วนการจัดกำลังพลในการอภิปราย ปกรณ์วุฒิ ระบุว่า ของพรรคอื่น ยังทราบไม่มาก แต่ในส่วนของพรรคก้าวไกล จำนวนผู้อภิปรายอยู่ที่ประมาณ 30 คน ซึ่งจะแบ่งหมวดหมู่ในเรื่องประเด็นเศรษฐกิจ การทุจริตคอร์รัปชัน ซีรีส์การเมือง การศึกษา สิ่งแวดล้อม สังคม ส่วนการเรียงลำดับอภิปราย ขอไปพูดคุยกันอีกครั้งก่อน

เมื่อถามว่าเห็นวุฒิสภา (สว.) อภิปรายแล้ว จะต้องนำมาปรับเกมฝั่ง สส.อย่างไร ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ติดตามอยู่ มีบางส่วนที่หยิบยกมาใช้ได้ สส. แต่ละคนที่มีประเด็นของตัวเองอยู่แล้ว ก็ได้ติดตาม สว. อภิปราย รวมถึงฟังคำตอบที่รัฐมนตรีแต่ละคนชี้แจงด้วย ซึ่งก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนหรือมีคำถามเพิ่มเติม ทั้งนี้ ฟังรัฐมนตรีบางท่านตอบแล้ว อาจจะต้องหยิบยกมาถามอีกรอบในสภาผู้แทนราษฎร

เมื่อถามว่า แม้จะไม่มีการลงมติ แต่จะสามารถเขย่าคณะรัฐมนตรีจนปรับ ครม. ได้หรือไม่ ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ในบางประเด็นเราก็คาดหวัง เพราะรัฐมนตรีอาจทำหน้าที่บกพร่อง ซึ่งคาดหวังว่ารัฐบาลคงจะหยิบไป อย่างน้อยๆ นายกรัฐมนตรีก็คงจะมีการกำชับรัฐมนตรีบางท่านให้ปรับปรุงการทำงาน โดยการปรับ ครม. ก็จะเป็นวิธีการที่ดีก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับรัฐบาล บางกระทรวงอาจจะมีผลงานที่ไม่ดี มีข้อครหาใดๆ การปรับ ครม. ก็เป็นทางออก

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านเองก็ถูกจับตามอง อย่าง ธิษะณา ชุณหะวัณ และ รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคก้าวไกล ที่อภิปรายผิดมาตรา และมีการอ่านเลขงบฯ ผิดด้วย จะต้องมีการกำชับหรือตักเตือนหรือไม่ ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ไปพูดคุยแล้ว มองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถามว่าควรผิดหรือไม่ ก็ยอมรับว่าไม่ควรผิด 

“ผมคิดว่าใช้คำว่าตักเตือนแรงไปเลยนะ มันก็ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น แต่เราก็ให้คำแนะนำแล้วกันว่าควรจะทำอย่างไร ผมรู้นะว่าตัวเลขหลายหลัก ถ้าเราไม่มีอยู่ในสคริปต์ อย่างน้อยๆ ก็ต้องดูทีละตัว ผมก็แนะนำไปว่า ทำอย่างไร แต่ความผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้ ผมก็คิดว่า สามารถปรับปรุงตัวเองได้ ทั้งคู่ก็เป็น สส.สมัยแรก ปีแรกด้วยซ้ำ ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวอีกเยอะ ผมคิดว่าประเด็นที่มันเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ถ้าเรามองย้อนกลับไป 10 กว่าปีที่แล้ว ประเด็นการพูดผิดแล้วตะกุกตะกัก แล้วนำมาโจมตีกันว่าไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง ผมว่ามันพอได้แล้ว มันคงไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น” ปกรณ์วุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่า มีเรื่อง วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่เต้นออกนอกห้องประชุมด้วย  ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า “ก็ประท้วงกันไปครับ” ส่วนตัวคิดว่า ถ้าพรุ่งนี้ฝั่งรัฐบาลหารือในสภา แล้ววิโรจน์ลุกขึ้นชี้แจง ก็เป็นสิทธิ์ของวิโรจน์

เมื่อถามย้ำว่า ไม่ได้ห้ามใช่หรือไม่ ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ไม่ได้มีอะไร ส่วนจะกระทบภาพลักษณ์หรือไม่ ส่วนตัวคิดว่า ก็วิพากษ์วิจารณ์กันได้

ส่วนที่วิจารณ์ว่าการเมืองใหม่แต่ยังทำเหมือนเดิมอยู่  ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ยังไม่เคยเห็นว่า 10 ปีที่แล้ว เขาเต้นกันในสภาฯ เลย อาจจะใหม่ก็ได้ อย่างไรก็ตาม จะไปพูดคุยกับนายวิโรจน์อีกครั้ง

ส่วนการอภิปรายงบประมาณ 2567 ที่ผ่านมา ตัวเลขคนที่ไม่ได้มาโหวต จะสะท้อนอะไรหรือไม่ ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า จากที่สอบถามไปหลายคนก็มีความผิดพลาดจริงๆ บางคนกำลังเตรียมอภิปราย ม.152 อยู่ แต่ไม่ได้ยินเสียงออด ส่วนที่เหลือก็สามารถชี้แจงได้